เขียน: ณฐนนท์ สายรัศมี และ ยลพักตร์ ขุนทอง
ภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา

มีคนเคยถามว่า ‘ประเทศไหนน่าอยู่ที่สุด’ เราว่าคำถามนั้นไม่ต่างจากการถามว่า ‘เรารู้สึกปลอดภัยที่สุดที่ไหน’
เพราะสุดท้าย การเดินทางอาจจะไม่ใช่เรื่องของจุดหมาย แต่มันคือการกล้าจะเอาตัวเองออกจาก Comfort zone แล้วไปดูให้เห็นว่าโลกมันหน้าตาเป็นยังไงในวันที่ไม่มีใครปรุงมันให้สวย เหมือนที่ช่อง gap.bumseeker ทำอยู่ทุกวันนี้
นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ช่องที่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้เดินทางเพื่อเก็บรูปสวยๆ มาโพสต์เพียงอย่างเดียว แต่เดินทางเพื่อไป ‘เจอเรื่อง’ และถ่ายคลิปกลับมาให้ผู้ติดตามที่รอดูอยู่ที่บ้านได้เห็นสิ่งที่เขาเห็น
เราติดต่อกันทางออนไลน์ เขาตอบข้อความทันที
แต่บอกว่าว่างให้แค่ไม่กี่วัน เพราะต้องไปเที่ยวต่อ
วันนี้วารสารเพรส พาคุณมารู้จักกับ แก๊ป-ศุภกาญจน์ จริยพิเชษฐ์ ยูทูปเบอร์ท่องเที่ยววัย 27 ปีคนนี้ ที่ไม่เพียงแค่เที่ยวตาม Tourist spots แต่เลือกที่จะนำตัวเองและผู้ชมของเขาก้าวเข้าสู่โลกของคนพื้นที่ เพื่อถ่ายทอดถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเรื่องราวมากมายระหว่างทางที่เขาพบเจอทั้งดีและร้าย
จากโต๊ะรีเซฟชั่น สู่ถนนที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัย
ก่อนจะเป็นยูทูบเบอร์เต็มตัว แก๊ปทำงานแปลภาษาให้กับแบรนด์เครื่องแต่งกายชื่อดัง ตั้งแต่ยังไม่จบจากมหาวิทยาลัย และเป็นแผนกต้อนรับของโรงแรมควบคู่ไปด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นาน Covid-19 ก็เริ่มระบาดไปทั่วโลกเป็นเหตุให้ต้องหยุดทำงาน เขาผันตัวไปเป็นโปรเจคเมเนเจอร์ให้กับโปรเจคหนึ่งอยู่ประมาณ 7-8 เดือน และหลังจากเก็บเงินได้ระยะหนึ่งจากงานนี้ เขาก็ตัดสินใจออกไปเที่ยว
จุดประสงค์แรกเริ่มของการท่องเที่ยวของเขาคือการไปเที่ยวสบายๆ แต่พอเที่ยวไปเรื่อยๆ ก็เริ่มถ่าย Vlog ลงยูทูบ เพราะคิดว่าบางทีถ้ามีคนมาดู อาจจะได้เงินมาช่วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางบ้าง แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางซึ่งไปไกลกว่าที่ใครหลายคนจะกล้าไป ประเทศที่ชื่อมาพร้อมเสียงลือ เสียงระเบิด และคำเตือน
“ผมไม่อยากเสนอแต่ภาพที่โลกอยากให้เราดู ผมอยากให้เห็นอีกด้านที่จริงเหมือนกัน แค่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง” เขากล่าว

ทำไมต้อง bumseeker
ชื่อช่อง ‘gap.bumseeker’ อาจฟังดูงงๆ และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเนื้อหาคอนเทนต์ในช่องเลย
“จริง ๆ มันไม่มีความหมายลึกซึ้งอะไรเลยครับ แค่ตอนแรกผมอยากได้ชื่อที่เรียกง่าย ไม่ซ้ำใคร” เขาเล่าพร้อมหัวเราะ และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตอนนั้นเกือบเปลี่ยนชื่อหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ติดหูเสียก่อน
‘Bum’ ในชื่อ แม้ตอนที่เขาเอามาตั้งไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษเลย แต่จริงๆ แล้วแฝงความกวนๆ แบบตั้งใจ เพราะในอีกความหมายนั้น bum คือคำแสลงในภาษาอังกฤษที่แปลว่า ก้น
ประเทศที่โลกพูดถึง แต่ไม่มีใครไป
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ช่อง gap.bumseeker โดดเด่น คือการเลือกเล่าเรื่องประเทศที่คนส่วนใหญ่ ‘ไม่ไป’ ประเทศที่ไม่ (ค่อย) มีอยู่ในแพลนของบริษัททัวร์ ไม่ (ค่อย) มีอยู่ในโฆษณาของสายการบิน ไม่ (ค่อย) มีอยู่ที่ไหนเลย นอกจากบนข่าวที่นำเสนอในด้านที่ฟังดูไม่ดี
เม็กซิโก โคลอมเบีย เปรู อัฟกานิสถาน ซีเรีย ล้วนเป็นจุดหมายที่ชื่อของมันมาพร้อมกับคำเตือน แต่สำหรับเขา มันคือพื้นที่ที่มีเรื่องเล่าอัดแน่นอยู่
บางประเทศที่เขาไป แทบไม่มีใครกล้าถือกล้องถ่ายอะไรเลย เช่น เม็กซิโก ที่เขาบอกว่าอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ก็อาจถึงตายได้ หรือเปรู ที่มีคนเดินตามกลางดึกจนต้องหลบเข้าร้านอาหาร
แม้หลายๆ ทริปจะเต็มไปด้วยความตึงครียด แต่เขาไม่เคยทำให้กลายเป็นดราม่าเพื่อขายความหวาดกลัว เขาอยากเสนอภาพจริงๆ ของประเทศนั้นๆ มากกว่า ไม่อยากใส่อารมณ์หรือเวอร์เกินจริง ทุกอย่างที่เกิด ก็เล่าไปตรงๆ ว่าเป็นยังไง
เขาบอกอีกว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ดีด้วย ที่ได้นําเสนอผ่านกล้องออกมา เพราะว่าหลายประเทศไม่ได้เป็นที่ๆ คนเลือกไป และไม่ได้มีโอกาสได้กลับไปง่ายๆ ไม่ได้เหมือนกับไปอิตาลี ไปเยอรมนี หรือแม้แต่กระทั่งไปญี่ปุ่น ที่ถ้าอยากไปก็ไปได้เลยถ้าไม่ได้ถ่ายตรงนี้ หรือถ้าไม่ได้ทําอันนั้น ค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ เขาคิดว่าอยากจะไปที่ๆ ไปลําบากกว่าหน่อยในตอนนี้ ในวัยนี้

คลิปของแก๊ปไม่ได้เร้าอารมณ์หรือพยายามบิวด์คนดูให้ตื่นเต้น แต่ตรงกันข้ามเลย มันเต็มไปด้วยจังหวะชีวิตที่พบเจอจริงๆ
“ผมไม่ได้สนใจจะให้คนดูคิดว่านี่เป็นประเทศที่ดีหรือแย่ ผมแค่อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ผมเห็น รู้สึกในสิ่งที่ผมรู้สึก”
เราถามแก๊ปว่า “อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในแต่ละทริป” เขาตอบได้ทันทีโดยไ่ม่ต้องคิดเลยว่า “ระหว่างทาง” เขาให้ความสำคัญกับระหว่างทางมากกว่าจุดหมาย เพราะนั่นคือพื้นที่ที่เรื่องราวจริงๆ มักเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหลงทาง การเดินเข้าร้านอาหารแบบสุ่มๆ การได้เจอคนแปลกหน้าที่กลายเป็นเพื่อนร่วมทาง หรือการได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูในสถานที่ที่ไม่รู้จัก
เสี่ยงเท่าที่จำเป็น และเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง
เขาไม่ได้พาตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ก่อนจะไปทุกประเทศ เขาจะหาข้อมูลที่ควรรู้ก่อนไป ทั้งเรื่องวีซ่า ภาษา ความปลอดภัย ไปจนถึงจุดเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
ในฐานะนักเดินทางเดี่ยว เขาเชื่อใน ‘สัญชาตญาณ’ ของตัวเอง ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยตรงไหน ก็เชื่อความรู้สึกนั้น แล้วหาทางออกให้ดีที่สุด บางครั้งการใช้เงินซื้อความปลอดภัยก็เป็นทางออกทีดีที่สุด “อย่าเสียดาย” แก๊ปบอก
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนที่อยากเดินทางแบบเดียวกับเขา แก๊ปตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าอย่าคิดว่าต้องไปให้เหมือนคนอื่น เพราะระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ไม่เท่ากัน จงฟังตัวเอง และเตรียมตัวให้ดีพอ เพราะโลกไม่เคยปรานีคนที่ประมาท

เดินทางต่อไป แม้ไม่รู้ปลายทาง
เราถามแก๊ปต่อว่าในอีก 5 ปีคิดว่าตัวเองจะทำอะไรอยู่ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า “ผมยังไม่รู้เลยว่าอีก 5 เดือนจะอยู่ที่ไหน” เขาบอกว่าอาจจะทำคลิปในมุมมองใหม่ๆ ไม่ได้ท้าทายตัวเองเหมือนตอนนี้
เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำเพื่อให้คนดูตามรอย แต่ทำเพื่อให้คนดูเข้าใจว่าโลกไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน แต่ก็ยังน่าไปเจอ ถ้าใจยังอยากรู้ ตอนนี้ยังพอไปไหว ทั้งใจทั้งกาย แต่ในอนาคต อาจจะไม่ต้องท้าทายตัวเองขนาดนี้แล้วก็ได้ อาจจะพาคนดูไปในที่ที่ตามรอยได้ง่ายขึ้น หรือไม่ก็อาจเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเลยก็ได้
แม้โลกของเขาจะฟังดูไกลตัวจากชีวิตใครหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากำลังทำสิ่งที่หลายคนเคยฝันไว้ตอนเด็ก คือ ‘การได้เดินทางไปเห็นโลกด้วยตาตัวเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครอนุญาต’ และบางที ความกล้าแบบนั้นก็คือสิ่งที่เราทุกคนอาจต้องการ เพียงแค่สักครั้งในชีวิต

5 อันดับประเทศสุดเถื่อน และประสบการณ์ที่ไม่มีในคลิป
- เม็กซิโก
แม้จะไม่เจอเหตุการณ์ร้ายแรงแบบโดนปล้น โดนทำร้าย หรือเจอมาเฟียตรงๆ แต่เขายืนยันว่าเม็กซิโกให้ความรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัยที่สุด’ เท่าที่เคยเจอ ที่นั่นไม่ใช่ประเทศที่เล่นกับโชคได้ง่ายๆ ถึงจะไม่เจออะไรเลย แต่อารมณ์ข้างในบอกเขาตลอดเวลาว่าไม่ควรอยู่นาน แก๊ปบอกว่าบางทีแค่เดินผ่านก็รู้สึกได้เลยว่า “กูต้องเดินเร็วขึ้นแล้วแหละ”
- โคลอมเบีย
ประเทศนี้อยู่ในลิสต์อันตรายแน่นอน เพราะเครือข่ายยาเสพติดที่ยังไม่เคยหายไปไหน แต่ในทางกลับกัน มันกลับเป็นประเทศที่เขารู้สึก ‘อยากกลับไปอยู่’ อาจเพราะเมืองที่มีชีวิตชีวา อัธยาศัยและอารมณ์ร่วมของผู้คน ถึงแม้คนค้ายาที่นั่นยังมีอยู่ แต่ไม่รุนแรงแบบเม็กซิโก แต่เขาโชคดีที่มีคนท้องที่คนมาชวนคุย มาชวนกินข้าว โดยที่ไม่ได้ต้องการอะไร ทำให้เขาอุ่นใจเพราะรู้สึกว่ามีคนคุ้มกัน แก๊ปยอมรับว่าถ้ามีโอกาส นี่คือหนึ่งในประเทศที่เขาอยากกลับไปอยู่ยาวๆ มากที่สุด
- เปรู
แก๊ปบอกว่าที่นี่น่ากลัวตั้งแต่เดินออกมาจากสนามบิน เพราะเป็นสนามบินเล็กๆ และล้อมรอบไปด้วยที่อยู่อาศัยที่ดูไม่ดี
นอกจากนี้ที่เมืองที่เมืองกูซโก เมืองท่องเที่ยวใกล้มาชูปิกชูที่คนชอบพูดถึง เขาเดินสำรวจเมืองตอนกลางคืน แต่จู่ๆ กลับรู้สึกมีคนเดินตาม และเจอมอเตอร์ไซค์ที่วนไปมาเหมือนกำลังจับจังหวะจะเข้าหา สุดท้ายเขาต้องเลี้ยวเข้าร้านอาหารทันที ทั้งที่ไม่หิว ต้องนั่งกินไปหนึ่งชั่วโมง เพราะรู้เลยว่าไม่ควรออกไปตอนนั้น แก๊ปบอกเราอีกว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่อันตรายที่สุดที่เคยเจอและจะจำไปจนวันตาย
- อัฟกานิสถาน
การเดินทางเข้าอัฟกานิสถานไม่ใช่แค่เรื่องการเตรียมเอกสาร แต่มันคือการเตรียมใจไปอยู่ในประเทศที่เพิ่งมีระเบิดลงก่อนหน้าไม่กี่เดือน แม้ว่าก่อนเขาไป มีการก่อการร้ายโดยกลุ่มกลุ่มหนึ่ง แต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวมาก เพราะเขาเชื่อใจในทหารที่เข้ามาดู และคนท้องถิ่นที่เข้ามาคุยด้วยและจัดการสิ่งต่างๆ ให้
เขาไปกับทัวร์ แต่ก็ยังต้องยื่นเอกสารทุกครั้งที่มีเจ้าหน้าที่เดินมาถาม และต้องคอยตอบคำถามที่บางทีก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้รอด แก๊ปบอกว่ามีเรื่องที่ต้องรับมือเยอะ เช่นการข้ามแดน หรือโฮมเลสที่จะเข้ามาขอเงิน
- ซีเรีย
ซีเรียในตอนที่เขาไปอาจดูเหมือนสงบจากภายนอก แต่ถ้าคุณเข้าไปลึกกว่านั้น จะรู้ว่าระเบิดอาจลงที่ไหนก็ได้ และเวลาไหนก็ได้
แก๊ปเดินทางเข้าซีเรียผ่านทัวร์ท้องถิ่น เพราะจำเป็นต้องใช้จดหมายเชิญและใบอนุญาต แม้จะมีไกด์ช่วยอธิบาย แต่ความเสี่ยงก็ยังอยู่ตรงหน้าเสมอ ทุกถนนมีทหารติดอาวุธ รถถูกเรียกตรวจหลายจุด กล้องที่ถือในมือกลายเป็นของต้องสงสัยได้ง่ายๆ
ถึงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บรรยากาศโดยรอบมันอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก ซีเรียไม่ใช่ประเทศที่ชวนให้เดินเล่นชิลๆ











