News

อาจารย์นิติศาสตร์ มธ. ชี้ MOU 43-44 ไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน ด้านอดีตเสนาธิการทหารเรือและนักวิชาการทางกฎหมายหวั่น MOU ทั้ง 2 ฉบับ อาจทำไทยเสียเปรียบ แนะรัฐบาลควรหาแนวทางแก้ไข

เขียน: ปานชีวา ถนอมวงศ์

อาจารย์นิติศาสตร์ มธ. ชี้ MOU 2543-2544 ไม่ทำให้ไทยเสียดินแดน เนื่องจากเป็นเพียงกรอบที่ใช้เจรจาและกรอบในการทำสนธิสัญญาการพัฒนาร่วมสำหรับทรัพยากรปิโตรเลียม ด้านอดีตเสนาธิการทหารเรือและนักวิชาการทางกฎหมายหวั่น MOU ทั้ง 2 ฉบับอาจทำให้ไทยเสียเปรียบ แนะรัฐบาลควรหาแนวทางแก้ไข

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ห้อง 501 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชมรมนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนคิงส์) จัดเวทีเสวนา ‘ปัญหาไทย-กัมพูชา MOU ควรไปต่อหรือพอแค่นี้?’  โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ธนภัทร ชาตินักรบ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ อดีตเสนาธิการทหารเรือ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ เจษฎ์ โทณะวณิก รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและธรรมาภิบาล วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ดำเนินการเสวนาโดย ตริณญ์ อินทรโอภาส นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง ปี 2530

ธนภัทร ชาตินักรบ รองศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า MOU 2543 เป็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งใน MOU 2543 มีความกังวลใจจากหลายฝ่ายถึงข้อ 1 ว่าด้วยเอกสารที่จะใช้ในการพูดคุยประเด็นดังกล่าว ในหมวด ค. ซึ่งเอกสารที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาคือ แผนที่ที่จัดทำขึ้นจากการปักปันเขตแดนโดยกรรมการปักปันเขตแดนที่ตั้งขึ้นภายใต้อนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 หรือ แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 อีกข้อที่มีความกังวลใจมากคือข้อ 5 ว่าด้วยการงดเว้นจากการดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่จะเป็นการดำเนินการของอนุกรรมการเทคนิคร่วม เนื่องจากกัมพูชาละเมิดข้อตกลงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีข้อ 8 ว่าด้วยการระงับข้อผิดพลาดด้วยการดำเนินการด้วยสันติวิธีหรือการเจรจาแบบทวิภาคี หลายฝ่ายจึงมองว่า MOU 2543 ทำให้ไทยเสียดินแดนให้กัมพูชา แต่ในความเป็นจริง MOU 2543 เป็นกรอบที่ใช้ในการเจรจาสิ่งที่ไทยและกัมพูชาเคยตกลงกันไว้แล้วในอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่แบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา ดังนั้นการมีอยู่ของ MOU 2543 จึงไม่ใช่ตัวกำหนดเรื่องการเสียดินแดนของไทยแต่อย่างใด

ส่วน MOU 2544 เป็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน โดยข้อ 2 ระบุว่าบันทึกความเข้าใจนี้มีไว้เพื่อการจัดทำสนธิสัญญาการพัฒนาร่วมสำหรับทรัพยากรปิโตรเลียม และในข้อ 5 ระบุว่าบันทึกความเข้าใจนี้ไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย MOU 2544 จึงไม่ใช่เอกสารที่ใช้แบ่งเขตแดนทางทะเลไทย-กัมพูชาเช่นกัน เพียงแต่เป็นกรอบที่ใช้ทำสนธิสัญญาเท่านั้น ซึ่งหากไทยและกัมพูชาประสงค์จะทำสนธิสัญญา ก็จะต้องนำเข้าที่ประชุมสภาเพื่อหารือกันต่อไป

ธนภัทรกล่าวต่อว่า แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ไทยเสียเปรียบเรื่องดินแดน ถูกใช้ในช่วงคดีปราสาทพระวิหารโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ได้ให้สถานะแผนที่ฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับ และฝ่ายไทยโต้แย้งแผนที่ดังกล่าวมาตลอด อีกทั้งไทยใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 เป็นแผนที่ในการรักษาอธิปไตยของประเทศ เนื่องจากแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ของกรรมการปักปันเขตแดนไม่มีความละเอียด จึงไม่สามารถนำไปลงพื้นที่จริงได้ จึงจำเป็นต้องมี MOU 2543 คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาจึงเห็นชอบร่างบันทึก MOU 2543 และต่อมาจึงจัดทำแผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ (TOR 2546) เพื่อหาข้อสรุปเรื่องเขตแดนให้เป็นไปตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ที่แน่ชัด

ธนภัทรกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน TOR 2546 ยังอยู่ที่ขั้นตอนแรก คือการพิสูจน์ทราบ ซ่อมแซม และจัดทำหลักเขตแดนที่สูญหาย ซึ่งหากผ่านขั้นตอนแรกและมีการปักเขตแดนจนแล้วเสร็จ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาจะจัดทำแผนที่ฉบับใหม่ขึ้น คือ แผนที่มาตราส่วน 1 : 25,000 ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานของอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 โดยที่ผ่านมามีความพยายามใช้เทคโนโลยีเรดาร์ช่วยในการกำหนดพื้นที่เพื่อให้สามารถตกลงกันได้

 “เราไม่รุกล้ำเขาอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันเราต้องป้องกันไม่ให้เขารุกล้ำเรา ดังนั้นการที่เราจะทำแผนที่นี้ให้แล้วเสร็จเป็นแผนที่ฉบับใหม่ขึ้นมา เพื่อใช้บังคับระหว่างทั้งสองชาติ แผนที่ 1 : 200,000 ก็จะถูกลบไปโดยสภาพ” ธนภัทรกล่าวและว่า ทั้งนี้หลังจากจัดทำแผนที่แล้ว จะมีการลากแนวเดินสำรวจ การตรวจสอบภูมิประเทศ และการจัดทำหลักเขตแดนถาวร จึงเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการของ MOU 2543 และ TOR 2546

ธนภัทรกล่าวเสริมว่า นอกจากเรื่องแผนที่แล้ว การมีอยู่ของ MOU 2543 จะเป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทยจริงตามที่ได้กำหนดในความตกลงระหว่างไทยและกัมพูชานอกเหนือจากหลักทั่วไป ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ส่วน MOU 2544 ที่เป็นการตกลงเรื่องผลประโยชน์จะต้องผ่านกระบวนการของสภาอยู่แล้ว หน่วยงานรัฐจึงไม่สามารถตกลงกับฝ่ายกัมพูชาได้เอง ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่แสดงพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันใน MOU 2544 จะไม่กระทบการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะต้องเป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล โดยไทยสามารถประกาศสิทธิในส่วนของตัวเองได้ การมีอยู่ของ MOU 2544 จึงไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิของไทย ในทางกลับกันจะช่วยเป็นกรอบให้กัมพูชาไม่สามารถละเมิดไทยได้

ด้าน พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ อดีตเสนาธิการทหารเรือ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ที่มาของ MOU 2543 ค่อนข้างมีปัญหา และควรหาแนวทางแก้ไข เนื่องจากแผนที่คณะกรรมการปักปันเขตแดน มาตราส่วน 1 : 200,000 มีสถานะสูงกว่าแผนที่อื่นๆ เพราะถูกใช้เป็นเอกสารที่กำหนดในข้อ 1 หมวด ค. กระทั่งถูกนำมาใช้เทียบเคียงในบริบทการแบ่งเขตดินแดนในอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ทำให้เกิดการละเมิดเส้นแบ่งเขตแดนจากความไม่ละเอียดของแผนที่ รวมถึง MOU 2544 ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน และยังเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กัมพูชาสามารถลากเส้นทะเลอาณาเขตและไหล่ทวีปผ่านน่านน้ำภายในไทยและเกาะกูด ซึ่งละเมิดอธิปไตยไทย อีกทั้งข้อตกลงข้อที่ 2 ใน MOU 2544 ที่กำหนดเงื่อนไขให้มีการเจรจาตกลงพื้นที่พัฒนาร่วมกับการตกลงแบ่งเขต ต้องปฏิบัติในลักษณะที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ การยอมให้กัมพูชาร่วมใช้ประโยชน์ในทรัพยากรปิโตรเลียมในการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา จึงเป็นการยอมให้กัมพูชามีสิทธิทางอธิปไตยร่วมจากการเจรจาดังกล่าว นอกจากนี้ สนธิสัญญาพัฒนาร่วมที่กล่าวถึงใน MOU 2544 ซึ่งเกิดจากเส้นที่ลากผ่านเกาะกูดคือการที่ไทยยอมแบ่งสิทธิอธิปไตยเต็มพื้นที่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือให้กัมพูชาใช้ร่วมด้วย จะกลายเป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ของกัมพูชาในวันหน้า

พล.ร.อ.พัลลภ เสนอว่า ไทยควรกดดันให้กัมพูชามาเจรจาแบ่งเขตทางทะเลโดยเร็วที่สุด ซึ่งหนทางที่สามารถทำได้คือ การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดัน โดยพ่วงประเด็นเจรจาเขตแดนทางทะเลเข้าในเงื่อนไขยุติความเป็นปฏิปักษ์ หรือใช้มาตรการทางนาวิกานุภาพกดดัน เช่น การปิดอ่าวควบคุมเรือสินค้าเข้าออกท่าเรือกัมพูชา อีกวิธีคือการใช้มาตรการทางสมุททานุภาพกดดัน เช่น แสดงกำลังและเข้าแสวงผลประโยชน์ในการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ อีกทั้งรัฐบาลควรแสดงเจตจำนงยกเลิก MOU 2544 ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ข้อ 56 ซึ่งจะมีผลบังคับในอีก 12 เดือนและหลังจากที่รัฐสภาเห็นชอบ รวมถึงจัดทำ Genuine Zone of Overlap เพื่อเป็นแนวทางกำหนดพื้นที่แสวงประโยชน์ปิโตรเลียมของไทยอย่างเป็นขั้นตอน

ด้าน เจษฎ์ โทณะวณิก รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและธรรมาภิบาล วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย แสดงความกังวลต่อ MOU 2543-2544 พร้อมทั้งเสนอว่า ไทยไม่ควรไว้ใจกัมพูชา เนื่องจากแม้ MOU ทั้ง 2 ฉบับจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ไทยเสียดินแดน แต่เป็นการคืบคลานที่มีโอกาสทำให้ไทยเสียดินแดนได้ อีกทั้งกัมพูชายังละเมิดจารีตประเพณีระหว่างประเทศในการขีดเส้นแบ่งเขตแดน ไทยจึงควรยื่นขอยกเลิก MOU ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วกฎหมายสนธิสัญญา เพราะไทยไม่จำเป็นต้องยอมกัมพูชาเพื่อรักษาอธิปไตยของตัวเอง แต่ต้องพูดคุยและตกลงกันแบบประเทศเอกราชกับประเทศเอกราช โดยการใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศเรื่องการปักปันเขตแดน

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:News

News

อาจารย์รัฐศาสตร์มธ.ชี้รธน.60 ขัดขวางประชาธิปไตยไทย แนะรธน.ฉบับใหม่ต้องอาศัยฉันทามติร่วมกัน

เขียน:  ณิชกุล หวังกลุ่มกลาง อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. เผยรัฐธรรมนูญ 60 เป็นปัญหา เหตุเป็นมรดกจากคณะรัฐประหาร 57 สร้างปัญหาต่อประชาธิปไตยหลายด้าน แนะการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยฉันทามติอย่างกว้างขวาง   จากกรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปี 2560 (รัฐธรรมนูญ 2560) เรื่อยมากว่า 20 ครั้ง เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จ จนถึงครั้งล่าสุด ร่างแก้ไขฯ กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ...

News

อาจารย์จิตวิทยาชี้การตัดจบช่วงการไว้อาลัยที่เร็วเกินไปมีโอกาสสร้างความรู้สึกผิดในใจให้ประชาชนบางกลุ่ม และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้

เขียน: ศิวะ พุ่มอรุณ อาจารย์จิตวิทยาชี้การตัดจบช่วงการไว้อาลัยที่เร็วเกินไปมีโอกาสสร้างความรู้สึกผิดในใจให้ประชาชนบางกลุ่ม เพราะหากเหตุการณ์ไว้อาลัยผ่านไปสักระยะโดยที่ไม่ได้ทำอะไร อาจก่อให้เกิดภาวะความค้างคาทางอารมณ์ เสี่ยงนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ชัชสรัญ อจลญา เต็งพงศธร ...

News

รองอธิการบดี มธ. ยืนยันไม่เคยขู่ตัดน้ำ-ไฟงานเฟรชชี่เกมส์ แจงเป็นเพียงแนวทางหารือร่วมกับนักศึกษา

เขียน: เปรมชนก พฤกษ์พัฒนรักษ์ รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มธ. เผย ไม่เคยขู่ตัดน้ำ-ไฟงานเฟรชชี่เกมส์ แต่เป็นหนึ่งในแนวทางปรับเปลี่ยนงานจากการหารือกับนักศึกษา ซึ่งภายหลังให้จัดงานได้ แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบตามแนวทางการไว้อาลัยจากมติครม. เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ...

News

ชาวบ้านใกล้ มธ. รังสิต ร้องนักศึกษาเมาส่งเสียงดัง ด้านผอ.กองกิจฯ ยัน หากมีหลักฐานจะดำเนินการตามระเบียบ

เขียน: เปรมชนก พฤกษ์พัฒนรักษ์ ชาวบ้านชุมชนคุ้งผ้าพับร้องนักศึกษา มธ. ส่งเสียงดังรบกวนจากอาการมึนเมา ด้าน ผอ. กองกิจการนักศึกษา มธ. เผยหากมีหลักฐานว่าเป็นนักศึกษา มธ. จริง จะดำเนินการตามระเบียบ เมื่อวันที่ ...

News

นักวิชาการชี้งานดัดแปลงคือผลงานใหม่ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของต้นฉบับ แนะเคารพสิทธิ์เพื่อลดปัญหา

เขียน: ภัชราพรรณ ภูเงิน นักวิชาการชี้แม้งานดัดแปลงหนังสือจะได้รับการคุ้มครองในฐานะผลงานใหม่ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมจากเจ้าของต้นฉบับ แนะบุคคลที่เกี่ยวข้องควรรู้และเคารพสิทธิ์ของตนเองและผู้อื่น จึงจะลดปัญหาได้ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในงานเสวนาวิชาการหัวข้อ ‘สิทธิผู้เขียน ...

News

ร้านค้ามธ.ยอดขายพุ่งหลังคนละครึ่งวันแรก ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้สั้นๆ แนะระยะยาวควรสร้างอาชีพ

เขียน: กวินทัต สวัสดิ์นพรัตน์ ร้านค้ามธ.ชี้คนละครึ่งช่วยเพิ่มยอดขายร้านค้า เหตุลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้น เพราะรัฐบาลช่วยจ่ายให้ประชาชน แนะโครงการเหมาะสำหรับกระตุ้นระยะสั้น แต่ระยะยาวควรสร้างงานที่มั่นคงมากกว่าการแจกเงินประชาชน จำเริญ จันทร์ประภา ผู้ขายผลไม้ในโรงอาหารกรีนแคนทีน มธ.กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัสที่เปิดให้ประชาชนใช้บริการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save