เรื่อง: ตติยา ตราชู
แม่บ้านและ รปภ.ใน มธ. ไม่กล้าออกมาร้องเรียนบริษัทจ่ายค่าจ้างไม่เป็นธรรม เหตุกลัวมีปัญหาความมั่นคงในหน้าที่การงานและไม่มีหลักฐานเพื่อฟ้อง ศูนย์นิติศาสตร์ มธ. แนะรวมกลุ่มช่วยเพิ่มอำนาจและความกล้า มธ.อาจเข้ามาช่วยให้ข้อมูล และเจรจากับบริษัท
จากกรณีปัญหาลูกจ้างของบริษัทจ้างเหมาบริการ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ประเภทงานรักษาความสะอาดและรักษาความปลอดภัย เจอสภาพการจ้างที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทีมข่าววารสารเพรสได้นำเสนอไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ส.ค. สภานักศึกษา มธ. ได้จัดประชุมออนไลน์สมัยวิสามัญ 1 ครั้งที่ 4 ปีการศึกษา 2564 โดยมีวาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนี้
นายอภินันท์ พัฒนสิริ สมาชิกสภานักศึกษา เจ้าของวาระ กล่าวในที่ประชุมว่า รปภ. และแม่บ้านใน มธ. ศูนย์ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิตและศูนย์ลำปาง ส่วนใหญ่ยังได้รับอัตราค่าจ้างต่อวันต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนด ซึ่งในกรุงเทพมหานคร และ จ.ปทุมธานี ต้องได้รับ 331 บาทต่อวัน ส่วน จ.ลำปางต้องได้รับ 315 บาทต่อวัน ไม่รวมค่าล่วงเวลา ที่ต้องได้รับไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อ ชม. วันทำงาน กรณีของ รปภ. ถูกยกเว้นไว้ไม่ให้รับค่าล่วงเวลา แต่ต้องได้รับค่าจ้างเป็นเงินเท่ากับอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวน ชม. ที่ทำ
นายอภินันท์ ได้เสนอให้หน่วยงานของ มธ. ระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าจ้าง วันหยุด ตามขั้นต่ำกฎหมายคุ้มครองแรงงาน รวมถึงสวัสดิการอื่น ๆ เพิ่มเติมอย่างละเอียดลงในข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา หรือ TOR (Term of reference) ให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนประกาศให้บริษัทจ้างเหมาบริการเข้ามาเสนอราคา เพื่อแก้ปัญหา
นายอานนท์ มาเม้า ผู้ช่วยอธิการฝ่ายกฎหมาย มธ. กล่าวในที่ประชุมว่า หากระบุลงใน TOR อาจทำให้ไม่มีบริษัทจ้างเหมาบริการยื่นข้อเสนอราคาตั้งแต่ต้น แต่อาจระบุได้ใน ‘สัญญาจ้างเหมาบริการ’ โดยต้องนำเรื่องขึ้นต่อสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน และมหาวิทยาลัยไม่ได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับลูกจ้าง จึงเป็นได้เพียงตัวกลางอำนวยความสะดวกในการร้องเรียนทางกฎหมาย หรือเจรจากับบริษัทผู้ว่าจ้าง พร้อมเสนอช่องทางร้องเรียนให้ลูกจ้าง ได้แก่ หน่วยงานหรือคณะที่ลูกจ้างทำงานอยู่ และศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ซึ่งศูนย์นี้ ช่วยไปถึงขั้นดำเนินคดีฟ้องร้องได้ด้วย
นายณภัทร สรอัฑฒ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารท่าพระจันทร์ มธ. กล่าวในที่ประชุมว่า TOR ได้ระบุให้บริษัทปฏิบัติตามขั้นต่ำของกฎหมายคุ้มครองแรงงานทุกฉบับอยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าเพียงพอและครอบคลุม ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดอีก ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย แต่เป็นเรื่องทางปฏิบัติ ที่ไม่มีลูกจ้างกล้าออกมาร้องเรียน ทำให้ไม่มีหลักฐานมายืนยันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามลูกจ้างถึงเหตุผลที่ไม่ออกมาร้องเรียนเมื่อได้รับการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม ส่วนหนึ่งปฏิเสธให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว เนื่องจากกลัวมีปัญหากับบริษัทผู้ว่าจ้าง แต่ยังพอมีบางส่วนให้ข้อมูลถึงเหตุผลดังกล่าว
ลูกจ้างเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า กลัวถูกไล่ออก เพราะอายุมากแล้ว หางานทำยาก แค่มีจะกินก็พอ ส่วนตัวไม่ทราบข้อกฎหมาย และไม่รู้ว่าสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานที่ทำงานอยู่ หรือกับศูนย์นิติศาสตร์ได้ด้วย
ลูกจ้างบี (นามสมมติ) กล่าวว่า ไม่มีใครกล้าออกมาพูด บางคนเก่งกฎหมายก็ไม่กล้าออกมา คนที่เคยออกมาพูด บริษัทก็พยายามหาตัว แล้วสั่งไม่ให้พูดถึงในทางไม่ดีอีก เดิมที่ไม่กล้าอยู่แล้ว ยิ่งไม่กล้าขึ้นไปอีก ความจริงกลายเป็นสิ่งไม่ถูกต้องไป บางครั้งก็ต้องตอบดี ๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
“เข้าใจว่านักศึกษาหลายคนมีเจตนาดี อยากช่วยเหลือ แต่จะช่วยเหลืออย่างไร ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรไปให้เขาเอาไปใช้เพื่อช่วยเราได้เลย หลักฐานอยู่กับนายจ้างหมด สุดท้ายไม่มีใครกล้าออกมาพูด ก็ดักดานกันอยู่อย่างนี้” ลูกจ้างบีกล่าว
นายกรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ กล่าวว่า เคยมี รปภ.หรือแม่บ้านใน มธ. เข้ามาปรึกษาเรื่องข้อกฎหมายอยู่บ้าง เช่น ข้อบังคับเรื่องชุดเครื่องแบบของบริษัท ที่เขาคิดว่าราคาแพงเกินไป หรือการเก็บค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินเดือน 20 บาท ที่เขารู้สึกว่าทำไมต้องจ่าย แต่ยังไม่เคยมีการเขียนใบคำร้องเพื่อพูดคุยกับทนายความต่อ หรือขอความช่วยเหลือด้านคดี
“ไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด ว่าทำไมเขาไม่ฟ้องร้องต่อ เพราะเป็นการปรึกษาแบบไม่เป็นทางการ ที่ไม่มีการบันทึกรายละเอียดไว้ เข้าใจว่า เพราะหากมีข้อพิพาทกับนายจ้าง กลัวว่าจะทำงานต่อได้ลำบาก แม้ตามกฎหมายแรงงานจะมีการคุ้มครองให้ทำงานที่เดิมต่อได้ แต่ลูกจ้างก็จะมีความกังวลและไม่สบายใจอยู่ดี” นายกรศุทธิ์กล่าวและว่า การรวมกลุ่มกันจะช่วยเพิ่มอำนาจและความกล้าให้ลูกจ้างมากขึ้น อาจเป็นมหาวิทยาลัยเองที่เข้าไปช่วยเหลือและให้ข้อมูลว่า ถ้าลูกจ้างอยากรวมกลุ่มกันจะทำอย่างไร ติดต่อขอความช่วยเหลือได้จากใคร หรือกลุ่มอาจสะท้อนปัญหามาทางฝ่ายบริหารของ มธ. เพื่อให้ มธ.ที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทจ้างเหมา เข้าไปเจรจาพูดคุย
“ส่วนหนึ่งเพราะ มธ. ไม่ได้ทำสัญญาจ้างแรงงานเอง แต่ทำการจ้างผ่านบริษัทภายนอก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม สุดท้ายเขาไม่มีสถานะเป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัย แต่ในทางกฎหมายแรงงานก็มีประเด็นว่าลูกจ้างเหล่านี้มีสถานะเป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัยด้วยหรือไม่ เพราะการพิจารณาว่าเป็นสัญญาอะไร ไม่ได้พิจารณาจากชื่อสัญญาที่ลงนาม แต่เป็นลักษณะเนื้อหาของสัญญานั้นจริง ๆ ” นายกรศุทธิ์กล่าว
นายกรศุทธิ์ กล่าวว่า ศูนย์นิติศาสตร์ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ การให้คำปรึกษาหรือตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย โดยในสถานการณ์โควิด-19 นี้ สามารถสื่อสารได้ผ่านอีเมล เว็บไซต์ และเพจเฟซบุ๊กของศูนย์นิติศาสตร์ กับกรณีการช่วยเหลือด้านคดี หากต้องการฟ้องร้องหรือถูกฟ้องร้อง โดยจะต้องเข้าเงื่อนไขที่ศูนย์นิติศาสตร์กำหนดไว้ด้วย “ต้องไม่มีส่วนในการกระทำผิด มีโอกาสชนะคดี ไม่ใช่ข้อพิพาทคดีครอบครัว และไม่มีทุนทรัพย์จ้างทนายความ”
นายสรรค์พัศ ปราบปัญจะ อนุกรรมาธิการการเมืองและส่งเสริมประชาธิปไตย สมาชิกสภานักศึกษา กล่าวว่า แรงงานบางคนรู้ว่าโดนเอาเปรียบอย่างไร แต่ไม่รู้จะสู้กลับอย่างไร เพราะไม่มีการรวมกลุ่มในมหาวิทยาลัย อาจารย์อยู่ส่วนอาจารย์ นักศึกษาอยู่ส่วนนักศึกษา แรงงานที่เสียงเบาจึงถูกผลักให้ไปอยู่ชายขอบ
“ไม่มองว่า (การเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุม) เป็นเรื่องของการพูดแทน แต่เป็นเรื่องของการต่อสู้ทางชนชั้น นักศึกษาเองก็เป็นแรงงานเหมือนกันในระบบทุนนิยม เพราะฉะนั้นการมาส่งเสียงเรื่องนี้ เป็นการต่อสู้ร่วมกันของแรงงานที่เป็นรปภ. แม่บ้าน และนักศึกษา ต่อความไม่เป็นธรรมและการโดนเอาเปรียบ” นายสรรค์พัศกล่าว
อีเมลศูนย์นิติศาสตร์
เว็บไซต์ศูนย์นิติศาสตร์
https://www.law.tu.ac.th/about/tulawcenter
เพจเฟซบุ๊กศูนย์นิติศาสตร์
https://www.facebook.com/tulawcenter.org/
สามารถชมการประชุมสภานักศึกษา สมัยวิสามัญ 1 ครั้งที่ 4 ปีการศึกษา 2564 เรื่อง สภาพการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมของพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) และพนักงานรักษาความสะอาดในมธ. ได้ที่
แม่บ้าน รปภ. โอด ชม.ทำงานมากไป.. อ่านข่าวต่อที่
ประธานกมธ.แรงงาน แนะเลิกจ้าง subcontract.. อ่านข่าวต่อที่