เขียน: ศิวะ พุ่มอรุณ

กองกิจการนักศึกษา มธ.ขอความร่วมมือนักศึกษาไม่สนับสนุนร้านเหล้าที่เสี่ยงผิดกฎหมาย หลังพบบางร้านมีจุดที่ห่างจากรั้วมหาวิทยาลัยไม่ถึง 10 เมตร และมีการแสดงดนตรีสดทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบันเทิง ด้านสภ.คลองหลวงและกรมสรรพสามิตพื้นที่ปทุมธานี ตีความต่างเรื่องผู้มีอำนาจกำหนดระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างร้านเหล้าและมหาวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2558 ซึ่งใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ได้ยกเลิกการกำหนดระยะ 300 เมตรที่ตายตัวระหว่างร้านขายสุรากับมหาวิทยาลัย โดยให้เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณในการกำหนดบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ตามลักษณะที่เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่ายหรือไม่เหมาะสม
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ปทุมธานี 1 ซึ่งดูแลเรื่องการออกใบอนุญาตสถานประกอบการ ให้ข้อมูลว่า มหาวิทยาลัยคือผู้กำหนดระยะทางระหว่างร้านขายสุรากับสถานศึกษา ว่าระยะทางเท่าไหร่ถือว่าเหมาะสมและไม่เหมาะสม โดยในปัจจุบัน ร้านขายสุรารอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ไม่ได้มีใบอนุญาตทั้งหมด เพราะถ้าอยู่ในระยะใกล้เคียงจากสถานศึกษามากเกินไป กรมสรรพสามิตก็จะไม่ออกใบอนุญาตให้ อย่างไรก็ตาม อำนาจในการกำหนดระยะทางที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย ในขณะที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ปทุมธานี 2 ซึ่งดูแลพื้นที่อำเภอคลองหลวงโดยตรง กล่าวว่า ณ ขณะนี้ ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากข้อกฎหมายยังไม่เป็นที่ชัดเจน
ด้านสถานีตำรวจภูธร (สภ.) คลองหลวง อธิบายถึงประเด็นดังกล่าวว่า กรมสรรพสามิตต้องเป็นผู้กำหนดระยะทางระหว่างร้านขายสุรากับสถานศึกษา เพราะถือเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการออกใบอนุญาตโดยตรง หากตรวจพบการตั้งใกล้สถานศึกษาเกินกว่าที่กำหนดก็ต้องมีการดำเนินการร่วมกันทุกฝ่าย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม หากทางร้านมีใบอนุญาตก่อนคำสั่งคสช.ที่ 22/2558 ก็สามารถเปิดต่อได้ แต่ถ้าเปิดหลังประกาศคสช.ก็จะไม่มีใบอนุญาตให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งคสช.ที่ 22/2558 ข้อ 6 ระบุว่า ห้ามมิให้มีสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ภายใต้ข้อบังคับตามข้อ 6 ระบุว่า กรณีเป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานศึกษาหรือหอพักในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือสั่งปิดสถานประกอบการและห้ามมิให้มีการเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการในสถานที่ดังกล่าวอีก โดยในการสั่งเพิกถอนหรือสั่งปิด หากสถานบริการหรือสถานประกอบการนั้นได้รับใบอนุญาตขายสุรา ให้ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยสุราและให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตเพิกถอนใบอนุญาตสุราด้วย แต่ถ้าเป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ให้เพิกถอนใบอนุญาตขายสุรา และห้ามมิให้ออกใบอนุญาตขายสุราให้อีก
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ณ กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นำโชคชัย คำสด นักวิชาการปฏิบัติการ กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้สัมภาษณ์ว่า มหาวิทยาลัยได้ขอความร่วมมือนักศึกษาทุกคนไม่สนับสนุนและใช้บริการร้านขายสุราที่เสี่ยงทำผิดกฎหมาย หลังพบว่ามีบางร้านมีระยะห่างที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก อีกทั้งยังมีการแสดงดนตรีสด และลักษณะการบริการบางอย่าง รวมไปถึงมีการขายอาหาร ซึ่งเข้าข่ายเป็นบริการที่มีได้เฉพาะร้านที่มีใบอนุญาตประกอบสถานบันเทิงเท่านั้น แต่จากที่ตรวจสอบพบว่า ร้านขายสุรารอบมหาวิทยาลัยมีเพียงใบอนุญาตขายสุรา
นำโชคชัยกล่าวว่า มหาวิทยาลัยเคยออกประกาศขอความร่วมมือต่อนักศึกษามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ค่อยได้รับการปฏิบัติตาม เพราะนักศึกษาก็จะมองว่าการออกไปเที่ยวถือเป็นสิทธิและเป็นเรื่องปัจเจก
“การดูแลนักศึกษาเป็นหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัย เพราะถือว่าผู้ปกครองก็ได้ฝากลูกหลานไว้กับที่นี่แล้ว จึงไม่อยากให้มีการออกไปดื่มกิน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการประสบอุบัติเหตุ มีการก่อความรุนแรง หรือการที่ลูกสาวของใครสักคนต้องมาถูกมอมเมาจากการมาใช้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง” นำโชคชัยกล่าว
นำโชคชัยให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบพบว่า ร้านขายสุราที่มีระยะทางใกล้กับมหาวิทยาลัยมากที่สุด ณ ขณะนี้มีระยะห่างเพียง 5-10 เมตร เท่านั้น โดยมีจุดที่ใกล้ที่สุดคือบริเวณชั้นสองของร้าน ซึ่งมีระยะห่างของตัวอาคารที่แทบจะติดกับรั้วของมหาวิทยาลัย ส่วนตัวจึงมีความเห็นว่า การที่ร้านอยู่ใกล้กับรั้วของมหาวิทยาลัยขนาดนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นบริเวณต่อเนื่องติดกัน ซึ่งตามกฎหมายคือทำไม่ได้ แต่ทางร้านจะใช้ข้ออ้างที่ว่าพื้นที่ของทางร้านไม่ได้อยู่ติดกับมหาวิทยาลัย
นำโชคชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีต จังหวัดปทุมธานีเคยเรียกหารือกับมหาวิทยาลัยทั่วจังหวัดปทุมธานีในการให้ความเห็นเกี่ยวกับระยะทางที่เหมาะสมระหว่างร้านจำหน่ายสุรากับมหาวิทยาลัย ซึ่งในที่ประชุมก็มีการระบุมาว่าระยะทาง 300 เมตรคือระยะทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลังพบว่ามีร้านที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึง 300 เมตร ทางมหาวิทยาลัยได้มีการติดต่อประสานไปยังสภ.คลองหลวงเพื่อให้มาดำเนินการป้องปรามร้านสุราที่ค่อนข้างใกล้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่แค่นั้น
นำโชคชัยกล่าวว่า มหาวิทยาลัยเคยประสานงานกับกรมสรรพสามิตพื้นที่ปทุมธานี 2 และสภ.คลองหลวงในกรณีที่พบร้านที่ทำผิด ซึ่งก็ได้มีการตั้งชุดปฏิบัติการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบร้านขายสุราที่อยู่รอบมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยก็ทำได้เพียงป้องปรามเท่านั้น แต่ทางร้านก็จะสู้ด้วยข้อกฎหมายว่าทางร้านเปิดก่อนที่จะมีคำสั่งคสช.ในปี 2558
นำโชคชัยให้สัมภาษณ์ต่อว่า แม้บางร้านจะปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนดคือ 24.00 น. แต่ในหลายๆ ครั้งก็จะพบว่าลูกค้าจะซื้อเครื่องดื่มตุนไว้ก่อนร้านปิด และมีการดื่มกินกันต่อหลังร้านปิดในพื้นที่ของร้าน ซึ่งก็ได้สร้างเสียงรบกวนต่อนักศึกษาที่พักในหอพักบริเวณใกล้เคียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อไปยังร้านขายสุราที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเพื่อขอคำชี้แจงผ่านทางไลน์และอินสตาแกรมของทางร้านเป็นเวลา 10 วัน รวมถึงติดต่อผ่านพนักงานของร้านเพื่อขอเบอร์ติดต่อของร้านโดยตรง แต่จนถึงวันที่ข่าวเผยแพร่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในด้านไทม์ไลน์การออกกฎหมายและการออกประกาศจากมหาวิทยาลัยเรื่องระยะห่างระหว่างร้านขายสุรากับมหาวิทยาลัย พบว่า ในปี 2554 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เคยออกประกาศเรื่องแนวปฏิบัติการจัดระเบียบร้านจำหน่ายสุรารอบมหาวิทยาลัย (โซนนิ่ง 300 เมตร) ระบุว่า ร้านที่อยู่ต่อเนื่องกับมหาวิทยาลัยจะไม่มีการออกใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และร้านที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัย 300 เมตรที่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราจะจำหน่ายสุราได้ แต่ห้ามมีการแสดงดนตรีสด กรณีที่มีการแสดงดนตรีสดก็ห้ามจำหน่ายสุรา ให้จำหน่ายได้เฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ต่อมา ในปี 2558 คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 22/2558 ห้ามมีสถานที่จำหน่ายสุราใกล้เคียงกับสถานศึกษาหรือหอพักใกล้เคียงกับสถานศึกษาแบบไม่ได้มีการกำหนดระยะทาง ก่อนที่คำสั่งคสช.จะถูกแทนที่ด้วยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2558 ซึ่งได้ยกเลิกการกำหนดระยะ 300 เมตรที่ตายตัว แต่ให้เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณในการกำหนดระยะทางที่เหมาะสมแทน ล่าสุด มีพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568 ซึ่งเป็นฉบับแก้ไขใหม่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน