เรื่อง : สิทธิเดช สายพัทลุง
บทพูดของ ‘หยำฉา’ หนึ่งในตัวละครของ Dragon Ball เอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะโดดเข้าสู่สนามรบ และถูกระเบิดจนต้องไปพบยมบาลหลังจากผ่านไปเพียง 10 นาที ภาพของหยำฉาที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นพร้อมกับร่องรอยที่เกิดจากการระเบิด กลายเป็นภาพแทนตัวเขาไปโดยปริยาย
แต่การพบยมบาลครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียว เพราะในโลกของ Dragon Ball มักเกิดการชุบชีวิตตัวละครด้วยความสามารถของ ‘ลูกแก้วมังกร’ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ตัวละครอย่างหยำฉาจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมาเผชิญหน้ากับภัยที่กำลังคุกคามโลก (อีกแล้ว) แถมภัยคุกคามส่วนใหญ่ก็มักจะมาตอนที่ตัวหลักอย่าง ‘โกคู’ หรือ ‘เบจิต้า’ ไม่อยู่เสมอ เลยต้องเป็นคนอย่างหยำฉาที่ต้องรับหน้าแทนและซื้อเวลาให้เหล่าตัวเอกเดินทางมาจัดการภัยคุกคามให้สิ้นซาก วันนี้เราเลยอยากมาพูดถึงตัวละคร ‘หยำฉา’ คนคั่นเวลาแห่งโลก Dragon Ball
จากโจรภูเขาสู่นักตายเบอร์ต้นของเรื่อง
หยำฉา หรือ Yamcha เป็นตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Dragon Ball เล่มที่ 7 ด้วยบทบาทโจรภูเขาที่ต้องการจะขโมยของมีค่าจาก ‘โกคู’ และ ‘บลูม่า’ ที่กำลังเดินทางเพื่อตามหาลูกแก้วมังกร
ในช่วงแรกของ Dragon Ball หยำฉาถือว่าเป็นตัวละครที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงมาก หากเทียบกับตัวละครที่เคยปรากฎตัวออกมา ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับโกคูในวัยเด็กได้อย่างสูสี และสุดท้ายก็ได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทางกันในที่สุด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตัวร้ายที่ปรากฏตัวออกมาใน Dragon Ball เริ่มที่จะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดามากขึ้น ทั้งราชาปีศาจ เผ่าพันธุ์นักสู้จากต่างดาว มนุษย์ดัดแปลง หรือกระทั่งเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่หยำฉาจะสู้ไหว…และก็สู้ไม่ไหวจริงๆ เพราะในภาค Dragon Ball Z หยำฉาตายจากการต่อสู้ถึง 3 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนการเสียชีวิตที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของเรื่องเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง ก็ยังพร้อมที่จะปกป้องโลกต่อไป
‘ไซไบแมน’ มนุษย์ต่างดาวสีเขียวอ่อนที่ถูกเรียกมาโดย ‘นัปปะ’ คือคู่ต่อสู้ตัวแรกที่ทำให้หยำฉาเข้าพบยมบาล จากการเข้าล็อคตัวหยำฉาและระเบิดตัวเองทิ้งไปพร้อมกัน แต่ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ หยำฉาก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้จากความสามารถของ ‘ลูกแก้วมังกร’ และนั่นคือการตายแล้วฟื้นครั้งแรกของหยำฉาใน Dragon Ball
ครั้งที่สองเกิดจากการต่อสู้กับ ‘มนุษย์ดัดแปลงหมายเลข 20’ หรือ ‘ด็อกเตอร์เกโร่’ นักวิทยาศาสตร์ที่ปรับแต่งตัวเองให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ และได้แสดงความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นของมนุษย์ดัดแปลงด้วยการแทงทะลุอกของหยำฉาด้วยมือเปล่า ทำให้หยำฉาได้เข้าพบยมบาล (อีกแล้ว)
ครั้งสุดท้ายคือการต่อสู้กับ ‘จอมมารบู’ ผู้มีความสามารถในการแปลงสิ่งมีชีวิตที่โดนลำแสงของบูให้กลายเป็นช็อคโกแลต และเมื่อกินเข้าไปจะได้รับพลังของคนๆ นั้น ซึ่งหยำฉาก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่โดนเล่นงานด้วยพลังนี้และถูกย่อยอยู่ในท้องของจอมมารบู
แม้ทุกการต่อสู้ของหยำฉาจะจบด้วยความพ่ายแพ้และความตาย แต่ไม่ว่าจะฟื้นคืนชีพอีกกี่ครั้ง เขาก็พร้อมที่จะเข้าต่อสู้กับภัยคุกคามที่เข้ามาอย่างไม่ลังเล และแม้จะทำได้เพียงแค่ซื้อเวลา แต่นั่นก็มากพอที่ทำให้ตัวหลักอย่างโกคูหรือเบจิต้าสามารถเข้ามาต่อสู้กับภัยคุกคามต่อจากเขาได้ทันที
โลกของ Dragon Ball อาจจะถึงคราวอวสานไปนานแล้วก็ได้ หากไม่มีตัวละครคั่นเวลาอย่างหยำฉา
บทความชิ้นนี้เขียนขึ้นในช่วงเวลาที่มีการประกาศว่า ‘อาจารย์อากิระ โทริยามะ’ ผู้สร้าง Dragon Ball ได้เสียชีวิตลงในวัย 68 ปี เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้เขียนขอร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของอาจารย์
โลกที่อาจารย์เขียนออกมาเป็นสิ่งที่เติมเต็มวัยเด็กของใครหลายๆ คน รวมถึงตัวของผู้เขียนด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเศร้า ความสุข แรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าต่อแม้ในวันที่ยากลำบาก เพื่อที่จะได้อ่านงานเล่มถัดไปของอาจารย์ รวมถึงการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด เราอาจไม่สามารถเติบโตมาเป็นเราในทุกวันนี้ได้ หากขาดงานที่อาจารย์อุทิศชีวิตเพื่อเขียนมันขึ้นมา
ขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งถึงการทำงานตลอดระยะเวลาหลายปี
“เพราะชีวิตในโลกจริง ไม่สามารถฟื้นคืนด้วยลูกแก้วมังกรได้ แต่งานเขียนของอาจารย์ จะยังคงอยู่ในจิตใจของผู้อ่านทุกคนตลอดไป”