เรื่อง : ธนัชชา สิริคุณานันทน์กุล
ภาพประกอบ : ปาณิสรา ช้างพลาย
ว่ากันว่า การก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง เพราะเราจะได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ได้รับเงินเป็นรายเดือนและวางแผนบริหารจัดการเงินนั้นด้วยตัวเอง
ค่าใช้จ่ายในการเรียน เช่น ค่าเทอม ค่าอาหาร อุปกรณ์การเรียน ค่าที่พัก หรือค่าเดินทาง เราต่างทราบกันดีว่าเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปที่จำเป็นต้องจ่ายเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย แต่มองลงไปให้ลึกอีกหน่อยจะเห็นว่ายังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นที่ไม่เคยถูกพูดถึง และไม่เคยคิดว่าจำเป็นต้องมี จนกระทั่งได้เข้ามาเรียนเองถึงรู้ว่ามีอยู่ด้วย
เราอยากชวนสำรวจตัวอย่างค่าใช้จ่ายแฝงที่ซ่อนอยู่ในการศึกษา จากตัวแทน 4 สายคณะในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แก่ สายสังคมศาสตร์ สายมนุษยศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ/สุขศาสตร์ ว่าเมื่อเข้ามาเรียนมีค่าใช้จ่ายใดซ่อนอยู่ และต้อง ‘พร้อมจ่าย’ หลังเลือกเข้ามาเรียนบ้าง
เริ่มด้วยสายสังคมศาสตร์ ธนกร ไทยราช (โอปอ) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ เล่าว่า นอกจากค่าเทอมแล้ว ในปีสูงๆ จะมีภาษีสังคม หรือรายจ่ายเพื่อการเข้าสังคม เช่น ค่ากินเลี้ยงของคณะ ค่าโต๊ะ (กิจกรรมคล้ายสายรหัส) ที่จะช่วยให้ได้เข้าสังคม พูดคุย และทำความรู้จักกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือเพื่อนๆ ประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่ความสมัครใจเข้าร่วม
ส่วนรายจ่ายหลักๆ จะเป็นค่าหนังสือ เพราะหนังสือในห้องสมุดมีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียเงินซื้อหนังสือเองอยู่หลายครั้ง “ตลอดระยะเวลาที่เรียนมา 3 ปี เสียค่าหนังสือไปประมาณ 3,000-5,000 บาทได้” โอปอเสริมว่า หนังสือที่จำเป็นต้องซื้อจริงๆ คือหนังสือประมวลกฎหมายทั้งหลาย เช่น แพ่ง อาญา วิธีพิจารณาความแพ่ง และหนังสือคำอธิบายตัวบทกฎหมาย ส่วนหนังสืออื่นๆ บางเล่มสามารถยืมที่ห้องสมุดได้ (ถ้ายืมทัน)
เช่นเดียวกันกับสายมนุษยศาสตร์ พิชามญชุ์ พิสิฐศุภโชคกุล (มาย) นักศึกษาปี 4 คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส เองก็ต้องซื้อหนังสือแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-books) สำหรับเรียนในรายวิชาบังคับ อย่างวิชารหัส EG (วิชาภาษาอังกฤษของคณะศิลปศาสตร์) ประมาณ 800 บาทต่อเทอม โดยนักศึกษาทุกคนต้องซื้อไฟล์ e-books ในแอปพลิเคชัน SE-ED “มันเป็นไฟล์ที่ไม่สามารถส่งต่อได้ เลยต้องซื้อไว้เป็นของตัวเองกันทุกคน” ส่วนหนังสือคู่กายสุดคลาสสิกของคนเรียนภาษาอย่างพจนานุกรม ไม่ได้มีการบังคับซื้อ แต่ถ้ามีก็จะสามารถนำเข้าห้องสอบได้ จึงขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
นอกจากนี้ยังมีค่าสัมมนาคณะ หรือ workshop วิชาเลือกฝึกภาคปฏิบัติของสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นกิจกรรมพัฒนาบุคลิกภาพที่จำเป็นสำหรับการต่อยอดอาชีพของสายภาษา รายวิชาละ 150 บาท และการรวมเงินกันเพื่อจัดกิจกรรมรับน้องให้กับรุ่นน้องอีกคนละ 300 บาท
ในส่วนของสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นราวิชญ์ เอียดช่วย (อ๊าก) นักศึกษาปี 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาสถิติประยุกต์ เล่าว่า ช่วงปี 1 จะมีกิจกรรมต้อนรับรุ่นน้องที่รุ่นพี่จัดให้ เป็นค่ายนอกสถานที่แบบไม่เก็บค่าใช้จ่าย แต่จะมีเสื้อโต๊ะและเสื้อสาขาออกมาขายในราคาตัวละประมาณ 500-700 บาท คาดว่าเพื่อใช้เป็นต้นทุนในการจัดค่าย แต่จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ ไม่ได้บังคับ
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษา จะมีค่าหนังสือประกอบการเรียนประมาณปีละ 500 บาท ซึ่งสามารถยืมหรือหารกับเพื่อนเพื่อซื้อมาแสกนเป็นไฟล์อ่านในแท็บเล็ตแทนได้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้ในการทำงานก็สามารถใช้แบบฟรีได้เช่นกัน “แต่ถ้าเป็นโปรแกรมทางสถิติแบบที่ดีๆ เลย ราคาจะสูงหน่อย ประมาณ 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งในการทำวิจัย โปรแกรมพวกนี้มันจะน่าเชื่อถือกว่า” และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับสายนี้ก็คือ เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ เครื่องละประมาณ 900 บาท ซึ่งจะต้องใช้ในตอนสอบและตอนทำควิซ
สุดท้าย ในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ/สุขศาสตร์ ภัทรกฤต พุทธเมธา (ลีโอ) นักศึกษาปี 2 คณะสหเวชศาสตร์ สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ เล่าว่า เมื่อขึ้นปี 2 จะต้องมีเครื่องแต่งกาย หรือเสื้อกาวน์ ทั้งเสื้อกาวน์ปักชื่อแบบสั้น ซึ่งเป็นชุดที่จะต้องใส่ไปเรียนในรายวิชาของคณะแทนชุดนักศึกษา ราคาตัวละ 700 บาท และเสื้อกาวน์แบบยาว ที่จะต้องใส่เมื่อมีการทำแล็บ ราคาตัวละ 500 บาท จะซื้อกี่ตัวก็ขึ้นอยู่กับวิชาที่ลงเรียนและความสะดวกในการซักรีดของแต่ละคน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าหนังสือแล็บฟิสิกส์ 100 บาท ค่าเครื่องคิดเลขเช่นเดียวกันกับคณะวิทยาศาสตร์ (900 บาท) และค่ากองกลางสำหรับรับน้องอีก 150 บาท เป็นต้น
.
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า นอกจากค่าเทอมในอัตรา 13,000-22,100 บาท ซึ่งไม่ใช่จำนวนเงินที่ทุกคนจะพร้อมจ่าย แม้จะสามารถขอผ่อนผันค่าเทอม หรือขอทุนช่วยเหลือการศึกษาได้แล้ว ค่าหนังสือ หรือค่าอุปกรณ์ที่เอื้อให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ยังเป็นเรื่องที่นักศึกษาต้องควักเงินออกเองด้วย ยังไม่นับค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยตรง เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมรับน้องของคณะ ค่าเครื่องแต่งกายสำหรับเข้าเรียน ซึ่งไม่สามารถนำไปเขียนอธิบายพ่วงเป็นสาเหตุที่ต้องขอทุนได้อีก
ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อ สินค้าราคาสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคก็สูงขึ้น ลำพังรายได้ต่อเดือนเพื่อใช้ครองชีพก็ยากแล้ว การต้องเตรียมเงินหลักหมื่นไว้สำหรับจ่ายค่าเทอม รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่เป็นต้นทุนในการมีสังคม หรือช่วยทำให้การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสะดวกขึ้น จึงอาจหมายถึงโอกาสที่คนไม่พร้อมจ่ายนั้นจะหลุดออกจากระบบการศึกษามีเพิ่มขึ้นอีก
‘สวัสดิการด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษา’ จึงควรเป็นสิ่งที่รัฐจะต้องยกมาพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างจริงจังได้แล้ว
.
.
อ้างอิง
รายชื่อหลักสูตร/สาขาวิชา ที่เปิดสอนในแต่ละระดับการศึกษา ของ มธ. (299 หลักสูตร). สืบค้นจาก https://acrd.tu.ac.th/course/documents/publish/รายชื่อหลักสูตรทั้งหมด/รายชื่อหลักสูตรทั้งหมด%20(299)_27%20ธ.ค.%2064.pdf
หลักเกณฑ์การสมัครขอรับทุนส่งเสริมการศึกษา (ทุนทั่วไป). สืบค้นจาก https://drive.google.com/file/d/18gKq1Km1gj1AzQpPoRIc96c83ToQ6SOR/view
ฉบับ พ.ศ. 2555 (ค่าธรรมเนียมเหมาจ่ายของแต่ละคณะ). สืบค้นจาก https://www.reg.tu.ac.th/th/post/read/159