เรื่อง: ยลพักตร์ ขุนทอง
ภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ

ไอ้Xวย ไอ้เXย อีXอก คือคำด่าเบสิคที่พบเจอได้ทั่วไปมาอย่างช้านาน แต่ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปิดกว้าง โลกออนไลน์มีช่องให้แสดงความคิดเห็น ชาวเน็ตไทยที่ใกล้ชิดกันเองเสมือนญาติพี่น้องก็อดไม่ได้ที่จะร่วมแสดงความรู้สึกของตนต่อเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น
วันนี้วารสารเพรสจะพาทุกท่านไปท่องโลกของคำด่าประเภทต่างๆ ของไทยทั้งเก่าและใหม่ กลับไปลองมองและทำความเข้าใจว่าที่มาของคำด่าแบบไทยนี่มาจากไหนบ้าง และบางที ถ้าคุณไม่ใช่ ‘สายด่า’ เมื่ออ่านแล้วอาจทำให้อุทานว่า “นี่โลกหมุนเร็วจนชั้นตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย!”
1. คำด่าด้วยสัตว์ เรามักจะพบเจอคำด่าประเภทนี้ได้บ่อยตามท้องถนนด้วย จนบางทีแอบคิดว่าน้องสัตว์ผิดอะไร ทำไมกลายเป็นคำด่าได้ เช่น เxย xตว์ xวาย (ในบางทีอาจมีเผือกเติมข้างหลังเพื่ออรรถรส) แรด แมงดา ฯลฯ
2. คำด่าด้วยอวัยวะ มักจะใช้อวัยวะที่คนไทยนับว่าเป็นของต่ำหรือของสงวนมาเป็นคำด่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงว่าแม้กะทั่งอวัยวะในร่างกายเรา เรายังแบ่งชนชั้นให้น้องเลย?! เช่น หน้าx หัวxวย หน้าส้xตีx สมองหมา
3. คำด่าด้วยรูปลักษณ์ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นการรณรงค์ให้มีความพอใจในเรือนร่างตัวเอง แต่หากทำตัวไม่ดีจนรถทัวร์มาจอดหน้าบ้าน รูปลักษณ์ที่แตกต่างของเราก็จะถูกนำมาใช้เป็นคำด่าด้วย เช่น อ้วน ดำ เตี้ย (ฟัน) เหยิน แห้ง ถุงกาแฟ (หน้าอกหย่อนคล้อย)
4. คำด่าด้วยเพศหรือกิจกรรมทางเพศ แม้ในตอนนี้เรื่องเพศจะเปิดกว้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนบางกลุ่มที่ใช้เรื่องนี้มาด่าเสมอ เช่น พวกชายแท้ ใจตุ๊ด หน้าตัวเมีย เxสแม่ เxสเข้
5. คำด่าด้วยลักษณะนิสัย เช่น เลว ระยำ สะเหล่อ สันดานต่ำ ตอแxล เxอก ไอ้ขี้เก๊ก
6. คำด่าด้วยอาชีพบุคคล อาชีพที่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสังคม อาจเพราะไทยเป็นเมืองพุทธที่เคร่งครัดในหลักศีลธรรมแล้ว ยังมีอาชีพต่างๆอีกมากที่โดนใช้มาเป็นคำดูถูกดูแคลน บางทีการกระทำเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งแยกชนชั้นที่ยังแฝงอยู่ในสังคมไทย เช่น นักเขียนไส้แห้ง กระxรี่ พวกกรรมกร เป็นต้น
7. ด่าด้วยตัวละครในวรรณคดี เรื่องราวในวรรณคดีไทยของเราก็มักจะมีตัวจี๊ดในแต่ละเรื่อง ซึ่งคำที่ใช้เป็นคำด่าก็มาจากลักษณะหรือนิสัยของตัวละครนั้น ๆ เช่น วันทอง(สองใจ) แก้วหน้าม้า(หน้าตาไม่สวยตาม Beauty Standard)
8. คำด่าด้วยสิ่งสกปรก คงไม่มีใครที่ต้องการสิ่งเหม็นเน่า เหล่านี้จึงกลายเป็นคำด่า เช่น พวกขยะสังคม พวกขยะเปียก กากเดนสังคม
9. คำด่าด้วยประเทศหรือภูมิภาค ถึงแม้เราจะอยู่ในประชาคมอาเซียน ที่นับได้ว่าทุกประเทศอยู่ร่วมกันแบบบ้านพี่เมืองน้อง แต่ด้วยความปากแจ๋ว และอยากเอาชนะของเราเรียกได้ว่าไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่หยิบชื่อของประเทศบางประเทศมาเป็นคำด่าเวลาเกิดเหตุถกเถียงกันระหว่างประเทศในโลกออนไลน์ เช่น ลาว พม่า พวกแขมร์ เคลมโบเดีย ในหมวดนี้ยังมีการใช้ภูมิภาคมาเป็นคำด่าอีกด้วย เช่น ข้นอีสาน E3
10. คำด่าด้วยศัพท์ในคุก นับว่าเป็นประเภทที่ฮอตฮิตมากในปีนี้ อาจด้วยมาจากอินฟลูเอนเซอร์ผู้เคยมีประสบการณ์ตรง เช่น ‘อย่าซีเล็ง เดี๋ยวซู้หริ่ง’(อย่าทำตัวเก๋า ระวังจะโดนทำร้ายร่างกาย ‘หนมน้า’(ทวงบุญคุณจากขนมที่ให้เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์) เซ็ตหย่อ(การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก)
11. คำด่าด้วยศัพท์พี่จะเทย มักจะมีคำศัพท์ใหม่ ๆ ให้ติดตามเสมอ ๆ แม้อาจไม่ได้ดูรุนแรงเท่าไร แต่ถ้าเข้าใจบอกเลยว่าเจ็บจี๊ส เช่น อุ (อุบาทว์) มอม (ดูไม่ดี) ได้อยู่ (ไม่ได้) ดอทคอม (สะเหล่อ) อีนางชั้น G (ชั้นต่ำ)
12. คำด่าแบบผู้ดี การด่าในลักษณะนี้จะเป็นการด่าแบบมีชั้นเชิง ไม่มีคำหยาบคาย โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่าการโดนด่าลักษณะนี้เจ็บที่สุด เช่น “ถ้าไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น การอยู่เฉยๆง่ายที่สุด การลงทุนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ลงทุนจ่ายอินเตอร์เน็ตหรือซื้อคีบอร์ด มันคือการเรียนหนังสือ ถ้าว่างนักก็ควรไปเรียนเพิ่ม เพื่อติดอาวุธให้ตัวเอง ให้พูดอะไรแล้วดูมีคุณค่า เพราะบางทีฟังแล้วรู้สึกเปลืองหูกระดูกชั้นใน” “การที่มีอะไรแล้วใช้อารมณ์และคำหยาบคายพิมพ์ไป เนี่ย มันง่าย เพราะว่าตอนเด็กแม่อาจจะอุ้มแล้วเขย่าแรงไปหน่อยทำให้สมองมันกระแทกกะโหลกข้างหน้าเลือดออกมากลูกก็เลยโง่พอโง่ก็เลยขาดความสันทัดในการใช้อารมณ์ซึ่งอารมณ์มันอยู่ข้างหลังเหตุผลอยู่ข้างหน้าก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะใช้เหตุผลในการพูดได้” ดร. ตฤณห์ โพธิ์รักษา ได้กล่าวไว้ในรายการ ‘โหนกระแส’
13. คำด่าอื่นๆ อย่างที่กล่าวไป คนไทยเป็นคนเก่งที่มีความคิดสร้างสรรค์ จึงเกิดคำด่าแปลกๆ เกิดขึ้น เช่น ตลาดล่าง ค. (เปิดกว้างทางความหมาย สามารถให้ผู้อ่านตีความได้ด้วยตนเอง) หรืออาจด่าด้วยการประชดประชัน เช่น ไม่มีใครดีเท่าแม่xงค่ะ จ้าพ่อสุดหล่อ พ่อเทพบุตร เป็นต้น
ผู้คนอาจมองว่าสิ่งนี้เป็นความดิบเถื่อนที่เพิ่มขึ้นตามยุคสมัย แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยพบหลักฐานได้จาก ‘หนังสืออักขราภิธานศรับท์’ ที่รวบรวมและจัดพิมพ์ขึ้นโดยหมอบรัดเลย์ เมื่อ พ.ศ. 2419 หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมคำในภาษาไทยไว้กว่า 40,000 คำ พร้อมทั้งอธิบายความหมายของคำนั้น ๆ ไว้ในลักษณะพจนานุกรม
บางคำอาจดูคุ้นหูคุ้นตา เพราะเรายังเห็นใช้กันในชีวิตปัจจุบันทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นการสืบทอดความเถื่อนที่ยาวนานกว่า 149 ปี (หรืออาจมากกว่านั้น)
รวมคำด่าสมัยโบราณ
อีกาก – คำหยาบสำหรับด่าหญิงคนโง่และชั่ว เพราะหญิงนั้นเปรียบเหมือนกากของทั้งปวง
อีโกง – ด่าหญิงที่พูดไม่จริง
อีเคอะ – คำหยาบสำหรับด่าหญิงคนโง่และชั่ว
อีขี้เXด – ด่าหญิงชั่วที่อยากมีผัวมาก
อีXอกทอง – คำหยาบด่าหญิง เป็นคำผวนสำนวนกลับนั้น
อีXอแXละ – คำหยาบด่าหญิงโกหก
อีหน้าด้าน – ด่าหญิงว่าหญิงนั้นไม่มีอายหน้าด้านเหมือนส้นตีน
บางคำสามารถเปลี่ยนจาก ‘อี’ เป็น ‘อ้าย’ หรือ ‘ไอ้’ ไว้สำหรับด่าผู้ชาย เช่น ไอ้กาก ไอ้เคอะ ไอ้ระยำ เป็นต้น
คำด่าในไทยมีมากมาย และคำด่าเหล่านี้เองที่ทำให้คนหลายคนต้องมีความทุกข์ กระทั่งเลือกจบชีวิตไปเพราะพบเจอสิ่งเหล่านี้ทั้งในชีวิตจริง และผ่าน cyber bullying หรือการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ ดังนั้นเราคิดก่อนว่าจะแสดงออกแบบไหนให้ไม่เป็นการกระทบจิตใจผู้ฟัง จนเกิดเป็นบาดแผลในใจนั่นจึงสิ่งที่เราควรตระหนักไว้เสมอ
รายการอ้างอิง