เรื่อง : จิตริณี แก้วใจ
ภาพ : กัญญาภัค วุฒิรักขจร
ความฝันอย่างการได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองภายในหอพักนั้นอาจเป็นสิ่งที่เหล่านักศึกษาหลายคนใฝ่ฝัน แม้จะไม่ใช้พื้นที่อบอุ่นและสะดวกสบายเทียบเท่ากับบ้าน แต่การอยู่หอนอกจากจะสนับสนุนการเรียนแล้ว ยังสนับสนุนเรื่องของการมีสังคม ซึ่งจะจริงหรือไม่ รูปแบบใดบ้าง รวมไปถึงการจัดการค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วยการกู้ยืมเพื่อการศึกษา เราจึงตัดสินใจมาพูดคุยกับนักศึกษาคนหนึ่งอย่าง กนกนันท์ แสนทำพล นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาประวัติศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ตัดสินใจมาอยู่หอพัก แม้ว่าแต่ก่อนจะอยู่บ้านก็ตาม
มีหลายคนพูดว่าอยู่บ้านดีกว่าอยู่หอ แล้วทำไมถึงมาอยู่หอเหรอ
แต่ก่อนเราเดินทางไปกลับจากบ้านทำให้บางครั้งมันส่งผลต่อการเรียนเนื่องจากความเหนื่อยจากการเดินทางที่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เวลาที่เราควรจะเอาไปอ่านหนังสือหรือทำการบ้านก็น้อยลง ไม่ค่อยสะดวกในการเรียนหรือทำกิจกรรมภายในมหาวิยาลัยตอนที่ไปกลับบ้าน การที่ประสิทธิภาพการเรียนของเราน้อยลงจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลัก
ส่วนสาเหตุที่สองคือเรื่องของสังคมเพื่อน ตอนที่เดินทางไปกลับบ้านทุกวันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีสังคมเท่าไร จนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะมันจะมีบทสทนาบางอย่างระหว่างกลุ่มเพื่อนที่เราไม่ได้รับรู้เรื่องนั้น หรือพลาดการติวสอบกับเพื่อนที่ติวกันหลังเลิกเรียน หรือติววันหยุดต่าง ๆ ทำให้บางครั้งรู้สึกเหมือนไม่มีสังคมและเรียนเอาตัวรอดไปวัน ๆ เพื่อให้ได้ใบปริญญา ซึ่งการเดินทางไปกลับส่งผลต่อความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้ใช้ชีวิตในการเป็นนักศึกษาเลยตัดสินใจอยู่หอพักดีกว่า
เลือกหอพักยังไงเหรอ
วิธีการของเรา อย่างแรกคือเลือกว่าจะอยู่หอนอกหรือหอใน ซึ่งก็ได้คำตอบมาเป็นหอนอกดีกว่า เพราะมันจะไม่มีปัญหาห้องหรือเรื่องรูมเมทที่เราอาจไม่รู้จักก็ได้ เช่น ปัญหาไดร์ผมดังเกินไป อีกคนไม่ยอมปิดไฟ เป็นต้น
ต่อไปคือเรากำหนดราคาหอที่เราจะไปอยู่แล้วไปเดินดูตามหอต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งเราค้นพบว่าหอพักที่อยู่ใกล้ ๆ หรือติดกับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีค่าเช่ารายเดือนที่แพง แต่โชคดีที่เราหาหอพักได้ตรงกับที่คิดไว้คือจ่ายเดือนละ 3000 บาทถือว่าถูกที่สุดเท่าที่หาได้และระยะทางการเดินทางจากหอพักถึงมหาวิทยาลัยก็ไม่ไกลมาก
และตอนนี้ได้เงินกยศ. (กู้ยืมเพื่อการศึกษา) มาสนับสนุนค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วย เพราะช่วงก่อนหน้าที่เลือกเดินทางไปกลับคือครอบครัวเรามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจภายในบ้าน ตอนนั้นมีปัญหาที่กระทบทั้งค่าใช้จ่ายเพื่อมาเรียนและค่าเทอม ซึ่งทำให้ตลอดปีหนึ่งเราไม่ได้อยู่หอเพราะไม่มีเงินมาใช้จ่ายตรงนี้ จนปี 2 เทอมที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยกับพ่อแม่ว่าจะยื่นกู้กยศ.เลยได้ค่าครองชีพที่เอามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการอยู่หอนอกเหนือจากที่แม่ให้อีกเดือนละ 3000 บาท ตลอดทั้งเทอม
พอมาอยู่หอแล้วเป็นอย่างไร แล้วการอยู่หอสนับสนุนการเรียนและสังคมจริงไหม
เราได้ทำหลายเรื่องที่ไม่มีโอกาสได้ทำมาก่อน เช่น ไปเที่ยวใช้เวลากับเพื่อน ๆ กินข้าว เดินเล่น ร้องคาราโอเกะ สังสรรค์ ซึ่งแต่ก่อนเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ ทำให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์เรื่องของสังคมเพื่อนดีขึ้น ชีวิตก็ร่าเริงขึ้น รวมถึงได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น นั่งรถ EV เพื่อเดินทางไปเรียน หรือนั่งวินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
พออยู่หอเหมือนได้เรียนแบบที่มีสังคมเพื่อนด้วย เพราะแต่ก่อนเหมือนเรียนเพื่อเอาตัวรอด เรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญา
ส่วนเรื่องการเรียน เราสามารถจดจ่อกับการเรียนได้มากขึ้น เพราะมันมีสิ่งอำนวยความสะดวกเรื่องความรู้อยู่ใกล้ตัวขึ้น เช่น หนังสือในห้องสมุด และมีเวลาให้กับการเรียนมากขึ้น เพราะสามารถประหยัดเวลาเดินทางได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าการอยู่หอพักสนับสนุนการเรียนและสังคมจริง
หลังมาอยู่หอจริงๆ มีปัญหาอะไรบ้างไหม
คงเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย เพราะการอยู่หอมีค่าใช้จ่ายเยอะ อย่างแรกคือค่าหอ ค่าครองชีพอื่น ๆ อย่างค่าข้าว 1 มื้อก็อาจจะตกอยู่ที่ 50 บาท เราเลยประหยัดด้วยการกินข้าววันละ 2 มื้อแทน คือมื้อกลางวันและเย็นหรือต้มมาม่าด้วยหม้อต้มไฟฟ้าที่เราพกมา 1 ใบถ้วน ซักผ้าครั้งหนึ่งก็เกือบจะ 100 บาท เราเลยเลือกที่จะเอากะละมังมาจากบ้าน 1 ใบ เพื่อใช้ซักผ้าในหอพัก แต่บางครั้งก็เอากลับไปซักที่บ้านดีกว่าจะได้ประหยัดส่วนตรงนี้ พวกตู้เย็นหรือน้ำดื่มก็ขนมาจากบ้านแทนเหมือนกันนะ (ขำตลก) คือเราจะขี้งกไว้ก่อน เพราะจะได้ไม่เกินงบประมาณค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์ที่ผู้ปกครองให้ไว้ คือสัปดาห์ละ 1000 บาท
อีกเรื่องคงเป็นความปลอดภัย เพราะบางทีมีคนแปลกหน้าเดินเข้าออกหอพักหรือมีคนนอกมาขโมยพัสดุไปทั้งที่อยู่บริเวณหอทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัยเหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์พวกนี้จริง ๆ ก็เกิดขึ้นที่หอในที่ว่าบางทีมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในบริเวณ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอยู่หอ
การอยู่หอทำให้เราโตขึ้น เพราะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการหลายเรื่องด้วยตัวเอง เช่น การบริหารเงิน ได้เงินมา 1000 บาท จะต้องใช้ยังไงพอดีต่อ 1 สัปดาห์ แล้วจะต้องใช้ไปกับอะไรบ้าง อันไหนต้องใช้จ่าย อันไหนต้องงดเพื่อประหยัด หรือการจัดการเวลา เพราะไม่มีใครปลุกตอนไปเรียนแล้ว ไม่มีใครเตือนว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ต่างจากการอยู่บ้านที่ในบางครั้งเรามีแม่มาคอยช่วยเตือน ทุกอย่างคือต้องทำเองเลยรู้สึกว่าได้พัฒนาตัวเองในหลายด้าน ทำให้ตัวเองมีวุฒิภาวะมากขึ้น แต่ชีวิตร่าเริงขึ้นกว่าเดิมเพราะมีเรื่องของสังคมเพื่อนมาเกี่ยวข้อง การได้เริ่มใช้เวลาสร้างความทรงจำการเป็นนักศึกษาแบบที่ไม่ได้เรียนเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ มันทำให้เราได้เรียนรู้ความร่าเริงหรือความสนุกที่สมวัย