เรื่องและภาพประกอบ: ณฐนนท์ สายรัศมี

เพราะกลัวว่าทางเลือกที่เลือกเองจะผิดไป
เพราะสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เพราะอยากรู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เพราะทนไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าปัญหาที่เผชิญอยู่จะจบลงแบบไหน
และที่สำคัญ เพราะวุ่นวายกับคำถามว่าประสบความสำเร็จไหม ในโลกที่ทุกคนดูเหมือนจะทำทุกอย่างสำเร็จได้ง่ายๆ
เจนเนอเรชัน ‘เรา’ ซึ่งคุ้นเคยกับการประกาศตัวว่า ‘ไม่มีศาสนา’ และตั้งคำถามกับอะไรที่ ‘งมงาย’ เสมอ
จึงกลับกลายเป็นเจนที่พุ่งหาที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบไพ่ดูดวง ลองเปิดแอปทำนาย หรือสวดมนต์ขอพร
นี่เป็นเหตุผลที่ Varasarn Press ตัดสินใจร้อยเรียงประสบการณ์ ความคิด ความรู้สึก และมุมมองของนักเขียนผ่าน 88,755 ตัวอักษร และนำเสนอสู่ผู้อ่านตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา
พวกเราพูดคุยกันเรื่องศาสนา ความเชื่อ การมูเตลู และความงมงาย ทั้งเรื่องที่เรารู้และไม่เคยได้ยินมาก่อนทุกวัน จนทำให้เกิดคำถามในใจว่า
สรุปแล้ว ที่พึ่งแบบไหนจะสามารถช่วยเราหาทางออกได้ดีที่สุด หรือจริงๆ แล้ว ทุกอย่างเป็นแค่กระจกสะท้อนความหวังและความกลัวของเรา?
โชคชะตากับกรรม ใครเป็นคนกำหนด?
ศาสนาไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อทำนายอนาคต แต่มันอยู่เคียงข้างมนุษย์ในวันที่เราต้องการความหมาย
ในมุมของพุทธศาสนา ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าหรือโชคชะตาลิขิต แต่เป็นผลจาก ‘กรรม’ หรือการกระทำของเราเอง ไม่ว่าปัญหาจะเล็กน้อยแค่ไหน มันก็จะมีน้ำหนักในระบบของเหตุและผล พระพุทธเจ้าสอนชัดเจนว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสิ่งที่เราทำไว้ ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติไหน แม้ในบางวัฒนธรรมพุทธจะมีการดูดวงบ้าง แต่ในพระไตรปิฎกกลับระบุให้พระสงฆ์ละเว้นการพยากรณ์ เพราะการรู้อนาคตไม่ใช่เป้าหมายของการหลุดพ้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้หลายศาสนาจะไม่สนับสนุนการพยากรณ์อนาคตอย่างเปิดเผย ผู้คนที่มีศรัทธากลับยังคง ‘มู’ ในแบบของตัวเองอยู่ดี ไม่ว่าจะผ่านการบนบาน บูชา การสวดมนต์ขอพร หรือแม้แต่ไหว้พระขอให้สอบผ่าน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็น ‘การคาดหวังสิ่งดีจากอนาคต’ ด้วยความหวังบางอย่างว่า ‘จะมีสิ่งที่ใหญ่กว่าคอยช่วยเรา’
สุดท้ายแล้วศาสนาอาจไม่ได้ให้คำตอบชัดๆ ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ศาสนามอบให้ คือเครื่องยึดเหนี่ยวเมื่อเราเผชิญกับความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้บอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่มันสอนว่าเราควรใช้ชีวิต ‘วันนี้’ อย่างไร
โหราศาสตร์ ไพ่ และความพยายามเข้าใจชีวิต
ในวันที่เราสับสน ไพ่หนึ่งใบ หรือประโยคจากนักพยากรณ์ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาในใจเราเอง
หลายคนจึงดูดวง ไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงเป๊ะๆ แต่อยากรู้ว่า ‘ตอนนี้’ ตัวเองควรทำอะไรดี ควรรอหรือควรไปต่อ เลือกเขาหรือปล่อยเขา หรือแค่อยากได้ยินคำพูดบางอย่างที่ช่วยให้ใจเบาลง เช่น “คุณเหนื่อยมาเยอะแล้ว” หรือ “มันจะผ่านไปได้แน่นอน” คำทำนายเหล่านั้น บางครั้งก็ทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนความคิดที่เรายังไม่กล้ายอมรับ และบางครั้งก็ทำหน้าที่เหมือนเพื่อนเงียบๆ ที่คอยฟังโดยไม่ตัดสิน
โหราศาสตร์ไม่ได้บอกว่า ‘ดวงดาวเป็นคนลิขิตชีวิตเรา’ แต่ใช้การเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์มาวิเคราะห์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล เป็นเครื่องมือสะท้อนบุคลิก ความถนัด อุปสรรค และจังหวะชีวิต คล้ายๆ กับการดูสถิติที่ผ่านมาเพื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรในอนาคต
ไพ่ทาโรต์ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อบอกอนาคตเท่านั้น แต่มันพาเราย้อนกลับมาสำรวจ ‘ปัจจุบัน’ ของตัวเอง เรากำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง กังวลเรื่องไหน และซ่อนอะไรไว้ใต้พรมบ้าง ซึ่งการสำรวจเหล่านี้แหละ ที่บางครั้งช่วยให้เราตัดสินใจได้ ไม่ใช่เพราะไพ่บอกให้ทำ แต่อยู่ที่ว่าเรากล้าตอบตัวเองได้แล้ว
เทคโนโลยีที่ (อาจ) ทำนายอนาคตได้
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลเกินจินตนาการ AI กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการ ‘คาดการณ์อนาคต’ ไม่ว่าจะเป็นการทำนายเศรษฐกิจ วิเคราะห์โอกาสเจ็บป่วย หรือแม้แต่แนะนำว่าใครควรจับคู่กับใครในแอปหาคู่
AI ไม่ได้ใช้ความเชื่อหรือสัมผัสที่หก แต่ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อวิเคราะห์หาแนวโน้ม ที่มนุษย์อาจมองข้าม มันไม่มีความลำเอียงทางอารมณ์ ไม่มีศรัทธา แต่มีตรรกะชัดเจนในแบบที่ดูเหมือนจะ ‘แม่นยำ’ จนน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะเก่งในการคำนวณความเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องทำนายอนาคตในความหมายอย่างสมบูรณ์ มันไม่มีวันรู้ว่าคนเราจะ ‘เปลี่ยนใจ’ เมื่อไร จะ ‘กล้าตัดสินใจ’ หรือ ‘หยุดเสี่ยง’ ตอนไหน เพราะมันไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า ‘อารมณ์มนุษย์’
แล้วสุดท้าย…ใครกันแน่ที่จะช่วยเราหาทางออก?
ถ้าต้องการความมั่นคงทางจิตใจ ศาสนาอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะศาสนาสามารถให้แนวทางในการใช้ชีวิต แม้ว่าเราจะไม่รู้อนาคตอย่างแน่ชัดก็ตาม
ถ้าต้องการสะท้อนความคิดและค้นหาคำตอบในใจตัวเอง ไพ่ทาโรต์และโหราศาสตร์อาจช่วยได้ เพราะไม่ได้บอกอนาคตแบบตายตัว แต่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น
และถ้าต้องการข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผล AI อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะ เพราะเทคโนโลยีช่วยให้เราคาดการณ์แนวโน้มของสิ่งต่าง ๆ บนพื้นฐานของสถิติและตรรกะ
แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ อนาคตไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัว
ไม่ว่าจะโดยพระเจ้า ไพ่ หรือ AI สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยให้เรามองเห็นความเป็นไปได้ต่าง ๆ เท่านั้น
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อไหร่ จะยอมแพ้กี่ครั้งก่อนจะลุกขึ้นอีก
ไม่มีใครรู้ว่าวันธรรมดาวันหนึ่ง จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนทั้งชีวิตของเราได้อย่างไร
อนาคตไม่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดวงดาว หรืออัลกอริทึม แต่มันถูกเขียนขึ้นโดยการกระทำของเราในวันนี้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกพึ่งสิ่งไหน อย่าลืมว่าตัวเราเองนี่แหละ ที่เป็นคนกำหนดเส้นทางชีวิตตัวเอง
อนาคตไม่เคยถูกเขียนไว้ล่วงหน้า มันถูกสร้างขึ้นใหม่ ทุกครั้งที่เรากล้าตัดสินใจ