LifestyleSocietyWritings

ย้อนดู Billy Elliot (2000): ว่าด้วยเด็กชาย ชนชั้น และบัลเลต์

เรื่อง: วีริสา ลีวัฒนกิจ

ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา

ภาพยนตร์ทุกเรื่องนับได้ว่าเป็นผลผลิตของสังคม ณ ชั่วเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นสิ่งบันทึกความคิด อารมณ์และเรื่องราวของสังคมนั้น ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งทางตรงและทางอ้อม

เช่นเดียวกับภาพยนตร์อายุมากกว่ายี่สิบปีเรื่องนี้ที่สร้างชื่อให้กับผู้กำกับอย่าง Stephen Daldry (ที่เราอาจรู้จักในฐานะผู้กำกับซีรีส์ชุด The Crown ใน Netflix) การันตีได้เลยว่า Billy Elliot (2000) สามารถถ่ายทอดทุกประเด็นได้อย่างประณีตและทรงพลัง โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้ง นับตั้งแต่ปมความขัดแย้งในใจของเด็ก 11 ขวบไปจนถึงการปะทะกันระหว่างอุดมการณ์ของสังคมนิยมและทุนนิยม

และจะยิ่งระเบิดพลังหากเราย้อนดูการช่วงชิงนิยามของ ‘ความเป็นอังกฤษ’ ของฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาผ่านสื่อภาพยนตร์!

 Billy Elliot เป็นภาพยนตร์ประเภท Coming of Age ที่ถูกสร้างบนฉากหลังของการประท้วงหยุดงานของคนงานเหมืองต่อนโยบายของ Margaret Thatcher นายกรัฐมนตรีฝั่งอนุรักษนิยมที่ต้องการลดอำนาจของสหภาพแรงงานและสั่งปิดเหมืองถ่านหินระหว่าง
ปี 1984

‘บิลลี่’ เป็นเด็กชายอายุ 11 ขวบที่มีพ่อและพี่ชายเป็นคนงานเหมืองที่ร่วมประท้วงหยุดงาน เด็กชายบิลลี่ถูกพ่อส่งให้ไปเรียนต่อยมวยเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ในเมือง แต่เขากลับพบว่าเขามีพรสวรรค์กับคลาสเรียนบัลเลต์มากกว่า บิลลี่จึงแอบโดดเรียนมวยไปเรียนบัลเลต์และต้องเก็บความลับนี้ไม่ให้พ่อกับพี่ชายรู้เด็ดขาด เพราะไม่อยากถูกคนอื่น ๆ โดยเฉพาะครอบครัวมองว่าเป็น ‘ตุ๊ด’

ยิ่งไปกว่านั้น ครูสอนบัลเลต์เห็นเด็กชายมีความสามารถ จึงอยากผลักดันบิลลี่ให้ไปออดิชั่นที่ Royal Ballet School ซึ่งเป็นที่ๆ จะถูกครอบครัวของเขา (ที่มีพื้นเพจากชนชั้นแรงงาน) มองว่าเป็นสังคมของ ‘พวกชนชั้นสูง’ แน่ ๆ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งคำถามถึงความหมายของ ‘ความเป็นชาย’ ได้อย่างน่าสนใจ
บิลลี่ที่พบว่าตนเองมีความสามารถในการเต้นบัลเลต์ แต่กลับไม่สามารถยอมรับว่าเขาชอบเต้นบัลเลต์ได้เต็มปาก เพราะว่าตัวเขาเองยังรู้สึกว่าการเต้นบัลเลต์นั้น ‘เป็นของเด็กผู้หญิง’

อีกทั้งอิทธิพลกดดันจากสังคมรอบตัวที่ยึดถือความเป็นชายผ่านกีฬามวย ความรุนแรงและการใช้แรงงาน รวมถึงความกลัวที่จะถูกมองว่า ‘ไม่แมน’ จากเพื่อนๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง – ครอบครัว ทำให้บิลลี่เกิดความสับสนในตัวเอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงค่านิยมที่กดทับทางเพศ โดยเฉพาะในมุมของเพศชาย ผ่านสายตาของเด็กชายวัยเพียง 11 ปีจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน ทำให้มีกลิ่นอายของความดิบผสมกับความไร้เดียงสาที่สามารถจับหัวใจผู้ชมได้ไม่ยาก

และเป็นที่ชวนคิดว่ายี่สิบปีผ่านไปหลังจากหนังเรื่องนี้ฉาย เรายังคิดว่าเด็กผู้ชายเต้นบัลเลต์นั้น ‘แปลก’ อยู่หรือไม่? และนิยามของความเป็นชายคืออะไรกันแน่?

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Billy Elliot เป็นหนังที่น่าจดจำของใครหลายคนคือการเล่นกับประเด็นเรื่องชนชั้นและอุดมการณ์ ทั้ง ‘ใน’ และ ‘นอก’ บท

ก่อนอื่นต้องเล่าถึงลักษณะของภาพยนตร์จากฝั่งอังกฤษเล็กน้อย ภาพยนตร์ของอังกฤษในยุค 1980’s ถึง 2000’s แบ่งออกเป็นสอง ‘ค่าย’ ที่สะท้อนถึงอุดมการณ์แนวคิด รวมถึงความขัดแย้งในเรื่องชนชั้นของสังคมอังกฤษ ณ ขณะนั้นได้อย่างชัดเจน ได้แก่ ค่ายอนุรักษนิยมและค่ายสังคมนิยม

ค่ายอนุรักษนิยมที่ชูคุณค่าความเป็นอังกฤษผ่านภาพยนตร์ที่เรียกว่า ‘Heritage Cinema’ ซึ่งให้ความหมายของ ‘ความเป็นอังกฤษ’ ว่าหมายถึง ความเป็นผู้ดี เช่นในเรื่อง Pride and Prejudice (1995), Hamlet (1996) หรือ Elizabeth (1998) โดยเน้นเล่าย้อนไปถึงอดีตอันสวยงามของอังกฤษผ่านสุนทรียภาพของงานศิลปะ งานวรรณกรรมคลาสสิกหรือเล่าชีวประวัติของราชวงศ์

ในขณะที่อีกค่ายอย่างค่ายสังคมนิยม นำโดยผู้กำกับ Ken Loach และ Mike Leigh จะนำเสนอ ‘ความเป็นอังกฤษ’ ผ่านแนวคิด Realism โดยเน้นเล่าเรื่องผ่านสายตาของชนชั้นแรงงานและสะท้อนปัญหาสังคมอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากรัฐบาลและการเมืองของชนชั้นสูง

Billy Elliot (2000) เป็นภาพยนตร์ที่เล่นกับอุดมการณ์ทั้งสองฝั่งได้อย่างเฉียบแหลม ทั้ง ‘ใน’ เรื่องที่เป็นเด็กชายเต้นบัลเลต์อย่างงดงามชวนฝัน แต่ก็เป็น ‘บัลเลต์คลุกฝุ่น’ ที่มีฉากหลังเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและคนงานเหมือง

ส่วน ‘นอก’ เรื่อง คือการวางตำแหน่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ระหว่างสองแนวคิดกระแสหลักของภาพยนตร์อังกฤษในสมัยนั้น จึงกล่าวได้ว่า Billy Elliot เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนถึง ‘ความเป็นอังกฤษ’ ในช่วงปี 1984 (หรือแม้แต่ปี 2000) ได้อย่างไม่ธรรมดา

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูครั้งแรกอาจดูเป็นเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจและชวนให้ขบคิดในประเด็นเกี่ยวกับเพศ ครั้งที่สองอาจชวนมองในเรื่องของการปะทะกันของแนวคิดต่างๆ  ครั้งถัดไปจะเป็นอาจเป็นเรื่องของบริบททางสังคมและประวัติศาสตร์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องโปรดของใครหลายคนเสมอมา

ความสัมพันธ์ระหว่างภาพยนตร์กับสังคมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้ หลายครั้งภาพยนตร์ก็ทำหน้าที่รับใช้อุดมการณ์บางอย่าง โดยที่ผู้ชมหรือแม้แต่ตัวผู้ผลิตภาพยนตร์เองอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ได้เคลือบคุณค่าอันเป็นที่ยึดถือในสังคมหนึ่ง (หรืออยากให้สังคมหนึ่งยึดถือ) ลงไปด้วย

และทำให้เราย้อนกลับมามองถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยด้วยว่า นิยามของ ‘ความเป็นไทย’ ที่ถูกฉายผ่านสื่อภาพยนตร์คืออะไรกันแน่?

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
2
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
1

More in:Lifestyle

Features

เคยได้ยินเรื่องราวจากสายส่งหนังสือไหม?

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์ ภาพประกอบ : ชวิน ชองกูเลีย สายส่ง น. ผู้ดำเนินกิจการเป็นตัวแทนในการส่งหนังสือหรือสินค้าอื่นให้แก่ผู้รับ. เคยได้ยินชื่ออาชีพสายส่งไหม? ฉันรู้ว่านักเขียนเป็นผู้สร้างสรรค์เรื่องราวในหนังสือ ฉันรู้ว่าสำนักพิมพ์เป็นผู้นำเรื่องราวจากนักเขียนมาผลิตหนังสือ และรู้ว่าร้านหนังสือเป็นผู้ส่งหนังสือมาให้ถึงมือเหล่าคนอ่าน แต่ฉันกลับไม่รู้เลยว่าสายส่งคืออะไร… จนกระทั่งเมื่อฉันมีโอกาสทำความรู้จักกับคุณน้าคนหนึ่ง ผู้เป็นนักเขียนและบรรณาธิการอยู่ในวงการหนังสือมาอย่างยาวนาน ...

Articles

สารภาพบาปนักชอปกระเป๋าแฟบ กับคู่มือไม่ให้ตัวเองต้องกินมาม่าในสิ้นเดือนนี้

เรื่องและภาพประกอบ: จุฑาภัทร ทิวทอง นักช็อปสายบิวตี้อาจเคยสังเกตหลายแบรนด์ที่ออกเครื่องสำอางคอลเลกชันใหม่กันแทบทุกเดือน พร้อมเหล่าอินฟลูมากมายที่โฆษณากันเกรียวกราวว่า ‘ของมันต้องมี’ พ่วงกับโปรโมชันลดราคาที่ดูเหมือนจะจำกัด แบบที่นานๆ ครั้งจะมาที ทั้งที่ในความเป็นจริงก็วนมาอยู่ทุกเดือน หลายคนก็อาจเป็นเหมือนฉัน ที่ตื่นเต้นทุกคราเมื่อได้เห็น ได้ดู และได้ยินปรากฏการณ์ข้างต้น สุดท้ายก็เผลอใจกดสินค้าลงตระกร้าในแอปสั่งของออนไลน์แทบทุกครั้งไป ...

Features

4 เพลงรัก ที่ควรฟังให้ ‘ตัวเอง’

เขียน : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ปกติเวลาฟังเพลงรักคุณนึกถึงใครกันบ้าง ?  ขอเดาว่าว่าผู้อ่านบทความนี้ คงเคยมีโมเมนต์ซ่อนใครบางคนไว้ในบทเพลง ยิ่งแล้วกับหมู่มวลเพลงรักที่มักจะเอาใบหน้าสุดที่รักไปใส่ไว้ตอนที่เราอินเลิฟ แล้วเมื่อถึงเวลาที่รักร้างลาไป เพลงรักที่เคยหวานซึ้งกลับกลายเป็นบทเพลงสุดเศร้าที่ต้องลบออกจากเพลย์ลิสต์ ...

Features

วิธีทำลายคำสาปร้านหนังสือ

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์ ภาพประกอบ : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ ร้านหนังสือ ในที่นี้หมายถึง ร้านหนังสืออิสระที่มีอยู่ประปรายในประเทศไทย ไม่ว่าจะในรูปแบบของออฟไลน์หรือออนไลน์ โดยไม่รวมร้านหนังสือในเครือขนาดใหญ่ที่มักเปิดอยู่ในห้างสรรพสินค้า (Chain store) ร้านหนังสือคือสถานที่อันเต็มเปี่ยมด้วยมนตร์ขลังและจินตนาการ  ยามใดที่ก้าวเท้าเข้าไปในเขตแดนของร้านหนังสือแล้ว ...

Features

หนังสือดี อยาก ‘หลอก’ ต่อ โดย ยมทูตในห้องนอน

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์ ภาพประกอบ : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ ยมทูต น. ผู้นำคนตายไปยังบัลลังก์พระยมเพื่อรอคำตัดสิน. ยมทูต น. ผู้ดำเนินเรื่องจากวรรณกรรมเยาวชน ‘จอมโจรขโมยหนังสือ’ โดยได้รับหน้าที่เป็นยมทูตของ ลีเซล ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save