เรื่อง : ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร
ภาพประกอบ : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ

จากภาพลักษณ์ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนบางกลุ่ม ปัจจุบัน ‘รอยสัก’ ได้กลายปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบนร่างกายของนักแสดงชื่อดัง นักกีฬา ศิลปิน แฟชั่นดีไซเนอร์ หรือแม้แต่คนทั่วไป
จากที่เคยจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่ม รอยสักได้กลายเป็นการแสดงออกทางศิลปะ แฟชั่น และอัตลักษณ์ของบุคคลที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
รอยสักในปัจจุบันนี้เป็นเพียงกระแสที่ฉาบฉวย หรือซ่อนความหมายที่ลึกซึ้งและหลากหลายกว่าที่เคยเป็นมา?
ในบทความนี้ ผู้เขียนจะพาไปสำรวจการเดินทางของรอยสัก ตั้งแต่วิวัฒนาการของรูปแบบ จุดประสงค์ และความหมายของการสักในสังคมร่วมสมัย ที่ทำให้รอยสักกลายเป็น ‘เรื่องเล่าบนเรือนร่าง’ ที่เน้นความเป็นปัจเจกมากขึ้น
จากอดีตสู่ปัจจุบัน จุดประสงค์ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
ย้อนกลับไปในอดีต การสักมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เช่น การเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม การแสดงถึงสถานะทางสังคม หรือการใช้เป็นเครื่องรางคุ้มครอง
ในสังคมปัจจุบัน จุดประสงค์ดั้งเดิมยังคงมีอยู่ และสืบทอดในบางวัฒนธรรม แต่ความหมายและแรงจูงใจในการสัก ได้ขยายขอบเขตออกไปในวงกว้างมากขึ้น ความเชื่อมโยงกับสังคมส่วนรวมหรือพิธีกรรมลดลง และถูกแทนที่ด้วย ความหมายเชิงปัจเจกและส่วนบุคคล ที่หลากหลายกว่ามาก รอยสักเปลี่ยนจากสัญลักษณ์ของกลุ่ม มาเป็นเรื่องราวของแต่ละบุคคล
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงมุมมองและวัตถุประสงค์ต่อรอยสัก ไม่ได้เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันทั้งหมดในทุกพื้นที่ แต่มีความหลากหลายและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม
ในบางประเทศ วัฒนธรรมดั้งเดิมและภาพลักษณ์ในอดีต ยังคงส่งผลต่อการยอมรับในปัจจุบัน
เช่น ประเทศญี่ปุ่น แม้จะมีประวัติศาสตร์การสักมาอย่างยาวนาน แต่รอยสักกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ด้านลบ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มยากูซ่าหรืออาชญากร ทำให้เกิดการตีตรา และการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการในที่สาธารณะบางแห่ง แม้ว่าการมีรอยสักจะไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ก็สร้างข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต
ในทำนองเดียวกันกับ ประเทศเกาหลีใต้ ที่แม้จะเป็นศูนย์รวมของช่างสักฝีมือดี และมีคนดังนิยมสักกันมากขึ้น แต่ทัศนคติเชิงลบที่มองว่าคนมีรอยสักเป็นพวกอันธพาล หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้มีรอยสักอาจถูกเลือกปฏิบัติในสังคม
ในทางกลับกัน บางประเทศยังคงสืบทอดวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการสัก ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและพิธีกรรม ซึ่งแตกต่างจากการสักเพื่อความหมายส่วนบุคคลที่เห็นในหลายๆ ประเทศ
ประเทศซามัว การสักยังคงเป็นการปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทน และการก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ การมีรอยสักถือเป็นความภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติสำหรับชายและหญิง แสดงถึงความเป็นสมาชิกที่สมบูรณ์ของชุมชน
การเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ของการสัก สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของวัฒนธรรม และสังคมที่ผู้คนมีอิสระในการแสดงออก และกำหนดอัตลักษณ์ของตนเองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่ารอยสักจะถูกมองและมีความหมายเช่นไรในสังคมนั้นๆ
ความหมายที่หลากหลายและการเปลี่ยนแปลง
จากภาพจำในอดีต รอยสักคือการบันทึกเรื่องราวของกลุ่มคน แต่ในปัจจุบันรอยสักคือ การบันทึกเรื่องราวส่วนบุคคล ที่ไม่จำเป็นต้องถูกตีความโดยผู้อื่นเสมอไป เช่น
- บันทึกความทรงจำ: การสักชื่อบุคคลอันเป็นที่รัก วันเกิด วันครบรอบ หรือแม้แต่รูปสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างสุนัขหรือแมว เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความผูกพันและความทรงจำดีๆ
- สิ่งที่รักและหลงใหล: การสักสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรกที่ชอบ หรือสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเชื่อและค่านิยมส่วนตัว
- ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ: การสักเพื่อฉลองความสำเร็จ การก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิต หรือการเริ่มต้นใหม่
- เป็นเครื่องเตือนใจ: การสักข้อความที่ให้กำลังใจ คติพจน์ที่ยึดถือ หรือสัญลักษณ์ที่เตือนให้ระลึกถึงเป้าหมายในชีวิต
- เพื่อความสวยงามและงานศิลปะ: หลายคนสักเพียงเพราะชื่นชอบในความงามของลวดลาย สีสัน และสไตล์การสักนั้นๆ โดยอาจไม่ได้มีความหมายเชิงลึกซึ้งเป็นพิเศษ แต่เห็นว่ามันคือศิลปะที่ต้องการประทับไว้บนร่างกาย
รอยสักในปัจจุบันจึงกลายเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารที่บอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ อารมณ์ และความเป็นตัวตนของผู้สัก ในแบบที่ไม่ต้องใช้คำพูด เปรียบเสมือน ‘สมุดบันทึกมีชีวิต’ ที่แต่ละหน้าถูกแต่งแต้มด้วยหมึกและสีสัน ตามเรื่องราวที่ผู้สักเลือกจะบอกเล่า
รอยสักกับเส้นทางชีวิต เบื้องหลังความสวยงาม และความท้าทายที่ยังคงอยู่
ทัศนคติของสังคมต่อรอยสักได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากสิ่งที่เคยถูกตีตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม วันนี้รอยสักได้รับการยอมรับและเห็นได้ทั่วไป
การที่คนดังในวงการบันเทิง แฟชั่น และกีฬาจำนวนมากมีรอยสัก มีส่วนสำคัญในการทำให้รอยสักเป็นที่คุ้นตาและยอมรับในหมู่สาธารณชน ภาพลักษณ์ของรอยสักเปลี่ยนจาก น่ากลัว เป็น เท่ หรือ มีสไตล์ ทำให้ผู้คนกล้าที่จะแสดงออกผ่านการสักมากขึ้น
แม้ว่ารอยสักจะได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบัน แต่การตัดสินใจมีรอยสัก ก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ และอาจนำมาซึ่งความท้าทายในชีวิต
การสักเป็นการตัดสินใจที่ ‘ถาวร’ แม้จะมีเทคโนโลยีการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูง เจ็บปวด และอาจทิ้งรอยแผลเป็นได้ ทำให้การสักต้องอาศัยการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นการตัดสินใจที่จะ ‘อยู่ร่วม’ กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต ทำให้รอยสักหลายๆ รอยกลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือช่วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้น
แม้การยอมรับจะเพิ่มขึ้น แต่ทัศนคติเชิงลบต่อรอยสักยังคงมีอยู่ในบางกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นเก่า ในบางองค์กร และอาชีพที่ยังคงยึดติดกับภาพลักษณ์แบบเดิมๆ ผู้มีรอยสักอาจยังคงเผชิญกับการตัดสินจากผู้อื่น การตั้งคำถามเกี่ยวกับ ‘ความน่าเชื่อถือ’ หรือแม้กระทั่งการถูก ‘ปฏิเสธโอกาส’ บางอย่างในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตในบางพื้นที่
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้มีรอยสักหลายคน รอยสักคือเครื่องมือในการเยียวยา การสักเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด หรือการสักเพื่อแสดงถึงการก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต เช่น การเอาชนะการเสพติด ปัญหาด้านสุขภาพจิต หรือความรุนแรง
รอยสักยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ผู้คนมีต่อร่างกายตนเอง เป็นการตกแต่งหรือปรับเปลี่ยนร่างกายให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ในขณะเดียวกัน ผู้มีรอยสักหลายคนก็มีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปกับรอยสักของตนเองเมื่อเวลาผ่านไป ลวดลายที่เคยมีความหมายอย่างมาก อาจมีความหมายที่เปลี่ยนไป หรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชีวิตที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน
จากสัญลักษณ์ทางความเชื่อและสังคมในอดีต รอยสักได้เดินทางมาสู่จุดที่เป็นมากกว่าแค่หมึก ที่ประทับบนผิวหนัง มันคืองานศิลปะที่มีชีวิต คือการบันทึกเรื่องราวความทรงจำ คือการแสดงออกถึงตัวตน และคือสิ่งที่สะท้อนถึงการยอมรับและความท้าทายในสังคมร่วมสมัย
รอยสักแต่ละรอยมีที่มาและความหมายที่แตกต่างกันไปตามเรื่องราวของเจ้าของร่างกาย การตัดสินผู้คนจากรอยสักบนร่างกายเพียงอย่างเดียวจึงเป็นการมองที่เปลือกนอกและอาจพลาดโอกาสในการทำความเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังที่ลึกซึ้งกว่านั้นไป
รายการอ้างอิง
LINE TODAY. (2566). รอยสักกับคุณค่าของคน สิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องตัดสิน ในเมื่อการสักก็คือศิลปะอย่างหนึ่ง. วันที่สืบค้น 07 พฤษภาคม 2568. https://today.line.me/th/v2/article/aGe6BN8
Creative Thailand. (2566). รอยสัก ≠ อคติ การตีตรา และการลดทอนคุณค่าของมนุษย์. วันที่สืบค้น 07 พฤษภาคม 2568. https://www.creativethailand.org/article-read?article_id=34160
Cremation Ink ®. (ม.ป.ป.). ต้นกำเนิดของการสัก. วันที่สืบค้น 08 พฤษภาคม 2568. https://cremationink.com/th/the-tattoo-process/the-origins-of-tattooing/
IKIDANE Nippon. (2561). ทำไมสังคมญี่ปุ่นถึงไม่ยอมรับรอยสัก !!. วันที่สืบค้น 09 พฤษภาคม 2568. https://ikidane-nippon.com/th/features/a00232
ThaiJO. (2565). เรื่องเล่าในรอยสัก : เรื่องราวชีวิตและการประกอบสร้างอัตลักษณ. วันที่สืบค้น 10 พฤษภาคม 2568. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JHUMANS/article/download/264049/177601