เรื่องและภาพ : ธนัชชา สิริคุณานันทน์กุล
สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬาจัดโครงการตรวจประเมินสุขาภิบาลโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (มธ.) โดยใช้แบบสำรวจ สอรร.7 ตามมาตรฐานกรมอนามัย ด้านนักวิชาการสาธารณสุขแนะควรเพิ่มเกณฑ์การตรวจให้ครอบคลุมกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มธ. จัดโครงการตรวจประเมินสุขาภิบาลอาหารและความปลอดภัยด้านอาหาร ใน 4 ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้แก่ ศูนย์อาหารสังคมศาสตร์ (โรงอาหาร SC) ศูนย์อาหารวิศวกรรมศาสตร์ ศูนย์อาหารวิทยาศาสตร์ และศูนย์อาหารทิวสนโดม โดยเพจสำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา มธ. ลงรายละเอียดโครงการไว้ว่า เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของอาหาร ร้านอาหารที่เปิดให้บริการ ต้องผ่านมาตรฐานสุขาภิบาลโรงอาหาร และปลอดสารปนเปื้อน ตามข้อกำหนดมาตรฐานการสุขาภิบาลอาหารของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สอรร.7) โดยร้านอาหารภายในศูนย์อาหารที่ผ่านการประเมิน จะเริ่มได้รับป้ายรับรองผ่านการตรวจสุขาภิบาลอาหารและความปลอดภัยด้านอาหาร ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ชัยเลิศ กิ่งแก้วเจริญ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบสุขาภิบาลอาหาร สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แบบสำรวจโรงอาหาร สอรร.7 ของกรมอนามัย เป็นมาตรฐานในการตรวจโรงอาหารแบบเก่า ที่กระทรวงได้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว แต่การที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ยังคงนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบโรงอาหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในครั้งนี้ก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ แค่ต้องปรับเพิ่มเกณฑ์ในการตรวจสอบให้สอดคล้องและครอบคลุมถึงกฎใหม่ที่ทางกระทรวงได้ประกาศใช้แทน สอรร.7 ด้วย
“กฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 เป็นกฎใหม่ที่กระทรวงออกมาให้ใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบสถานที่จำหน่ายอาหาร ว่ามีสุขลักษณะที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือไม่ แทนแบบสำรวจโรงอาหารเดิม (สอรร.7)” ชัยเลิศกล่าวและว่า เกณฑ์สำคัญที่เพิ่มมา ได้แก่ เกณฑ์การเฝ้าระวังทางสุขาภิบาลอาหาร และเกณฑ์กำหนดสุขลักษณะในหมวดสถานที่ เรื่องค่าความเข้มข้นของแสงสว่างบริเวณต่างๆ ในโรงอาหาร
สำหรับเกณฑ์การเฝ้าระวังทางสุขาภิบาลอาหาร เป็นการตรวจหาสารเคมีปนเปื้อนในอาหาร ภาชนะ และมือของผู้สัมผัสอาหารด้วยชุดทดสอบเบื้องต้น โดยจะต้องทดสอบเป็นประจำทุก 3 เดือน หรือ 2 ครั้งต่อภาคเรียนการศึกษา เพื่อให้มั่นใจว่าโรงอาหารเป็นสถานที่ที่ปลอดการปนเปื้อนจากสารบอแรกซ์ สารฟอกขาว สารฟอร์มาลีน แบคทีเรียโคลิฟอร์ม และโลหะหนัก รวมทั้งไม่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่มีอาหารและน้ำเป็นสื่อ
ส่วนเกณฑ์กำหนดสุขลักษณะในหมวดสถานที่ เรื่องค่าความเข้มข้นของแสงสว่างบริเวณต่างๆ ในโรงอาหาร เป็นการกำหนดค่าความสว่างในแต่ละบริเวณภายในโรงอาหาร โดยบริเวณห้องแช่เย็น ห้องเก็บอาหาร และห้องส้วมจะต้องมีค่าความสว่างอย่างน้อย 100 ลักซ์ บริเวณที่บริโภคอาหารจะต้องมีค่าความสว่างอย่างน้อย 215 ลักซ์ พร้อมที่ครอบหลอดไฟ และบริเวณที่เตรียมอาหาร และล้างภาชนะ จะต้องมีค่าความสว่างอย่างน้อย 300 ลักซ์
นายชัยเลิศกล่าวเพิ่มเติมสำหรับรายละเอียดในหมวดอื่นๆ ว่ายังคงมีเนื้อความไม่ต่างจาก สอรร.7 มากนัก สามารถปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละโรงอาหาร และหลังจากดำเนินการตรวจเสร็จสิ้น ผู้ตรวจจะต้องส่งผลตรวจไปให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อออกป้าย เอกสาร หรือประกาศรับรอง ที่จะมีผลรับรองเป็นระยะเวลา 1 ปี
ด้าน จิ๊ เบญ พนักงานร้านอาหารสมใจค้าไข่ โรงอาหาร SC กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนมาเดินสำรวจรอบบริเวณโรงอาหารอยู่ 2-3 ครั้ง เขาเข้ามาขอถ่ายภาพอาหาร และหน้าร้านตามแต่ละร้าน บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการตรวจประเมินสุขาภิบาลอาหารและความปลอดภัยด้านอาหารของมหาวิทยาลัย เลยให้ความร่วมมือไป และครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากถ่ายรูปตามปกติแล้วเขายังขอตรวจมือ และอุปกรณ์ประกอบอาหารเพิ่มเติมอีกด้วย
นอกจากนี้ พิมพ์ลภัส ห้วยเรไร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ มธ. กล่าวว่า โรงอาหาร SC เป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงพักกลางวัน สมควรแล้วที่หน่วยงานในมหาวิทยาลัยจะให้ความสนใจในเรื่องของความสะอาด แต่ส่วนตัวจะตรวจสอบความสะอาดของอาหารโดยการสังเกตด้วยตาเปล่ามากกว่า คิดว่าป้ายรับรองไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกร้านที่จะซื้อเท่าไหร่ ถ้าร้านอาหารที่กินประจำไม่ได้รับป้ายก็ไม่เป็นไร เพราะป้ายก็อาจจะไม่สามารถรับรองความสะอาดของอาหารได้ทุกวันจริงๆ อาจจะสะอาดแค่วันที่มาตรวจก็ได้