News

อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. คาดรัฐบาลเพื่อไทยอาจแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สำเร็จ

เขียน : ณัฐกานต์ บุตรคาม

ภาพประกอบ : สิทธิเดช สายพัทลุง


อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. คาดรัฐบาลเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) 2560 ทั้งฉบับไม่สำเร็จ หลังพรบ.ประชามติฯ เสร็จไม่ทันทำประชามติควบการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปี 2568 ชี้มีแนวโน้มแก้ไขรายมาตรา เพื่อทำให้บ้านใหญ่สามารถคุมเสียงในเขตเลือกตั้งได้มากขึ้น ด้านอดีตสมาชิกสสร. 2540 กล่าว รธน.ฉบับนี้ให้อำนาจองค์กรอิสระ แนะสมัยหน้าต้องเลือกพรรคที่มีแนวทางชัดเจนในการแก้ รธน.

จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยชูนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566  แต่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมีการจัดทำประชามติก่อนด้วยเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น (Double Majority) กล่าวคือ ต้องการเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด จึงอาจทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากครม. เศรษฐา ได้เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติม พรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้เปลี่ยนเกณฑ์จากเสียงข้างมากสองชั้นเป็นชั้นเดียว (Single Majority) คือ ต้องการแค่เสียงส่วนใหญ่ของผู้ออกไปใช้สิทธิ์ แต่สว.ไม่ให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไข ทำให้ต้องพิจารณาร่วมกันในสองสภานั้น

ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ปัญหาหลักของพรบ.ประชามติฯ คือ กลไกเสียงข้างมากสองชั้น โดยการออกเสียงประชามติจะได้ข้อยุติก็ต่อเมื่อมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ และต้องมีผู้เห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง หากอ้างอิงจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 52 ล้านคน ฉะนั้นในการทำประชามติจึงต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกิน 26 ล้านคน และต้องมีจำนวนผู้เห็นชอบเกิน 13 ล้านคนจึงจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ 

ปุรวิชญ์ กล่าวว่า ร่างพรบ.ประชามติฯ มีสาระสำคัญคือการแก้ไขกลไกเสียงข้างมากสองชั้น และเปลี่ยนมาใช้เกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว เพื่อให้การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทำได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อการพิจารณาร่างพรบ.ประชามติฯ ยังไม่มีข้อสรุปจากคณะกรรมธิการ (กมธ.) ร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จึงทำให้ไม่สามารถทำประชามติครั้งแรกเพื่อลงความเห็นชอบในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ควบคู่ไปกับการใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ได้ทัน  

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับของรัฐบาลเพื่อไทยจึงมีแนวโน้มสำเร็จได้ยาก ด้วยระยะเวลาเร็วที่สุดสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยไม่มีปัจจัยแทรกแซงใดๆ ต้องใช้เวลาประมาณสองปี ซึ่งตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาหนึ่งปีกว่า ยังไม่มีกระบวนการเริ่มต้นทำประชามติ จึงมีแนวโน้มที่รัฐบาลเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรามากกว่า” ปุรวิชญ์กล่าวและว่า การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรายังคงมีความท้าทายไม่ต่างจากการแก้ไขทั้งฉบับ เนื่องจากมีปัจจัยที่สำคัญคือ สว. ชุดปัจจุบัน ซึ่งไม่แตกต่างจาก สว. จำนวน 250 คน ที่แต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้สว. ชุดปัจจุบันไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของทหาร แต่ยังคงรักษาระเบียบอำนาจที่ คสช. เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 อย่างกรณีที่ สว. มีมติตีกลับ ร่างพ.ร.บ.ประชามติฯ ที่เกิดขึ้น 

ปุรวิชญ์ กล่าวว่า รัฐบาลเพื่อไทยมีแนวโน้มแก้ระบบเลือกตั้ง เพราะเป็นปัจจัยกำหนดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2570 และมีแนวโน้มที่จะทำให้สมรภูมิการเลือกตั้งไปแข่งกันที่ระบบแบ่งเขตมากที่สุด เพราะระบบเขตสามารถควบคุมได้ผ่านระบบเครือข่ายบ้านใหญ่ 

พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ. และอดีตสมาชิกสสร. 2540 กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ห่อหุ้มระบบเผด็จการไว้ข้างใน โดยให้อำนาจองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกกต. รวมถึงให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจชี้ขาดและตัดสินทุกเรื่อง ตั้งแต่การถอดถอนผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมไปถึงการยุบพรรคการเมือง

พนัส กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับมีความเป็นไปได้ยากในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีแนวทางชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องชนะเลือกตั้งเด็ดขาดในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2570 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ประเด็นหลักที่ควรแก้ไข คือ ควรยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญให้มีเพียงแค่ศาลยุติธรรมกับศาลปกครองในการวินิจฉัยกรณีที่เกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ สำหรับองค์ประกอบของศาลและองค์กรอิสระควรจะเปลี่ยนแปลงให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และกำหนดคุณสมบัติให้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่จำกัดเพียงแค่ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ และผู้ที่มีคุณวุฒิเกี่ยวกับกฎหมายและรัฐศาสตร์ 

“ส่วนระบบรัฐสภาควรมีเพียงแค่สภาเดียว คือสภาผู้แทนราษฎร เพราะหากมีสองสภาจะทำให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ เกิดความล่าช้ายุ่งยากเหมือนในปัจจุบัน และสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนต้องมีอำนาจสูงสุดเหมือนระบบรัฐสภาของอังกฤษ เรียกว่าหลักอำนาจอธิปไตยของรัฐสภา” พนัสกล่าว

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:News

News

ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ชี้ ไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับสื่อสตรีมมิง  แม้มีแผนแม่บทแต่ไม่นำเข้าที่ประชุมกสทช.

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ และ วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ชี้ ไทยไม่มีการกำกับดูแล OTT เพราะร่างแผนแม่บทไม่ถูกนำเข้าที่ประชุมกสทช. กระทบสื่อทีวี-ผู้บริโภค จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ...

News

ศาลตัดสิน คุก 2 ปี ‘พิรงรอง’ หลัง ทรูไอดี ฟ้อง กสทช.

เรื่อง : ยลพักตร์ ขุนทอง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต ...

News

ทีมผลิตคลิปงานแรกพบเพื่อนใหม่ มธ. เผยยังได้ค่าจ้างไม่ครบ ด้านอมธ. แจงจ่ายช้าเพราะกำลังพิจารณาสาเหตุของค่าใช้จ่ายที่เกินงบ

เรื่องและภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี กลุ่มนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ฯ ทีมผลิตคลิปประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย เผยได้รับค่าจ้างผลิตคลิปประชาสัมพันธ์งาน TU universe: Merging of the galaxies ไม่ครบ ทางผู้อำนวยการกองถ่ายคาด ...

News

ภาคประชาชนชี้ รัฐควรปรับปรุง ‘ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024)’ เพราะอาจดันค่าไฟสูงขึ้น เหตุตั้งกำลังผลิตเกินจำเป็น

เรื่อง : ณัฐกานต์ บุตรคาม ภาพประกอบ : จุฑาภัทร ทิวทอง “โครงการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมในประเทศไทย” ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่รณรงค์เรื่องพลังงาน ชี้ภาครัฐควรปรับปรุงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024)  เนื่องจากกำหนดกำลังผลิตไฟฟ้าเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้ค่าไฟสูงขึ้น ...

News

ผอ. กองนโยบายภาษีชี้หนี้ครัวเรือนไทย เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมบริโภคนิยม ประชาชนใช้จ่ายเกินตัว แนะรัฐฯ ปฏิรูประบบการศึกษาสร้างทักษะติดตัว

เรื่อง : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ผอ. กองนโยบายภาษีชี้หนี้ครัวเรือนไทยเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมบริโภคนิยมและค่านิยมในสังคม  ทำให้ประชาชนใช้จ่ายเกินตัว แนะรัฐฯ ปฏิรูปโครงสร้างตั้งแต่ระบบการศึกษาเพื่อสร้างทักษะติดตัวประชาชน เพราะดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เมื่อวันที่ ...

News

รมช.คลัง เดินหน้าแจกเงินหมื่นเฟส 3 เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ยันกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากกว่าเงินสด 

เรื่อง : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี รมช.คลัง เดินหน้าแจกเงินหมื่นเฟส 3 เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากกว่าเงินสด เหตุตั้งเงื่อนไขการใช้เงินได้และต้องการให้ประชาชนเปิดรับเทคโนโลยี  เมื่อวันที่ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save