เขียน สมิตา พงษ์ไพบูลย์
ภาพ ศิรประภา สีดาจันทร์
ชายแท้ เป็นคำเรียกที่เพศชายรู้สึกไม่พอใจ แต่ก่อนหน้านั้น ฝั่งผู้หญิงเองก็มีวลี Pick Me Girl (พิคมีเกิร์ล) ซึ่งโด่งดังจากการนิยามผู้หญิงที่มีลักษณะต้องการความสนใจจากเพศชาย
อย่างรูปด้านล่าง เป็นไอคอนพิคมีเกิร์ล หรือเจ้าของวลีเด็ดที่ว่า
“Pick me, choose me, love me.”
(เลือกฉัน เลือกฉันสิ รักฉัน)
คำว่า พิคมีเกิร์ล เกิดขึ้นในยุคที่ผู้หญิงที่มักแต่งหน้าจัด แต่งตัวเยอะ ผู้หญิงอีกกลุ่มรู้ดีว่าผู้ชายไม่ชอบแบบนี้ จึงมักประกาศหรืออธิบายตัวเองให้ตรงความชอบของผู้ชายว่า “I’m not like the other girls” (ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น) บอกว่าฉันเป็นประเภทที่คุณชอบ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นหรอก ไม่แต่งหน้า ไม่ชอบทำกิจกรรมแบบผู้หญิง แล้วยังชอบอยู่กับเพื่อนผู้ชายมากกว่า เพราะผู้ชายไม่นินทาเหมือนผู้หญิง
พิคมีเกิร์ลส์เกิดขึ้นเพื่อครอบคำนิยามให้กับคนที่กดผู้หญิงเพื่อแยกตัวเองออกจากผู้หญิงด้วยกัน ไปเข้าหาผู้ชาย เรียกว่าเป็นกระแสตีกลับก็คงถูก
ในช่วงหลังมานี้พิคมีเกิร์ลกลายเป็นศัพท์ที่เบลอจนมีตัวตนอยู่เพื่อกดผู้หญิง เพราะมีการนำพิคมีเกิร์ลไปใช้ จนความหมายเดิมเริ่มเปลี่ยน ขอแค่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ถูกใจบางคน เช่นมีไลฟ์สไตล์ของพิคมีเกิร์ลคือ อยากคุยเรื่องบอล หรือใช้น้ำเสียงแอ๊บแบ๊ว ก็โดนเรียกว่าพิคมีเกิร์ลแล้ว แม้คนนั้นจะยังไม่มีพฤติกรรมกดผู้หญิง หรือทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ถูกเรียกด้วยวลีเชิงลบ ถูกผลักให้เป็นคนประเภทที่สังคมไม่ยอมรับ
จากคำที่ตีกลับคนกดผู้หญิงกลายเป็นเครื่องมือที่กดผู้หญิงด้วยกันเอง
แต่ปีนี้มีคำใหม่ในเชิงบวก Girl’s Girl ที่น่าเอาไปใช้กับเพื่อน ๆ รอบตัว อย่างก่อนหน้านี้เคยมีคำคล้ายกันคือเพื่อนหญิงพลังหญิง และ Home Girl (เพื่อนที่รู้ว่าไว้ใจได้ และพร้อมช่วยเหลือเสมอ)
ส่วน Girl’s Girl มักใช้เมื่อเห็นพฤติกรรมของผู้หญิงที่สนับสนุนผู้หญิงด้วยกัน ทั้งเพื่อน คนใกล้ตัว หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก ก็จะได้รับสถานะว่า “She’s a girl’s girl” (เขาเป็นเพื่อนหญิง) เป็นกลุ่มคนที่เลือกให้ความสำคัญเพื่อนผู้หญิงก่อนผู้ชายคนอื่น
สถานการณ์ที่อาจช่วยให้เข้าใจคำว่าเกิร์ลส์เกิร์ลมากขึ้นคือ ตอนที่เพื่อนช่วยกันแต่งหน้าทำผม ให้ยืมชุดสวยๆ ใส่ออกไปเที่ยว คอยดูแลกันและกัน หรือแม้แต่ในสถานการณ์อย่างห้องน้ำในร้านเหล้า ที่ไม่รู้จักกันก็พร้อมช่วยเหลือทั้งแบ่งผ้าอนามัย ดึงเสื้อที่เกือบหลุด หรือประคองเข้าห้องน้ำ ด้วยเหตุผลแค่เพราะเขาเข้าใจความลำบากของอีกคน
ซึ่งเกิร์ลส์เกิร์ลเป็นได้ทั้งผู้หญิงไลฟ์สไตล์สาวๆ และมีความแมสคิวลินอย่างชาย แม้จะชอบดูบอล-กินเบียร์ ขอแค่อยู่ในสถานการณ์นั่งเล่นกับเพื่อนชาย (ที่เคยมีความเชื่อว่าไม่ปากร้าย ขี้นินทาเท่าผู้หญิง) ถ้าเพื่อนยกเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาในเชิงเสียหาย ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่รู้จักก็พร้อมจะช่วยห้าม และพูดแทนผู้หญิงในบทสนทนาเสมอ ถ้าเป็นแบบนี้
“You’re a Girl’s Girl” : )
(คุณเป็นเพื่อนหญิงแล้วแหละ)
คำนิยามทั้งสองนั้นดิ้นไปมา มีคนให้ความหมายแตกต่างกันตามกระแส และประสบการณ์ของผู้ใช้ตลอดเวลา แต่การนั่งพิจารณาว่าใครเป็นพิคมีเกิร์ลส์อยู่ในอดีตข้างหลังไปแล้ว เพราะกลายเป็นคำที่กดผู้หญิงในบรรยากาศเชิงลบ การไฮป์คนให้เป็น Girl’s Girl สนุกสนานและสร้างรอยยิ้ม พลังบวกด้วยการใช้หลักการของการเป็นคนที่เคารพและพร้อมช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้นเอง