SocietyWritings

#สาวอวบ เสรีบุลลีที่มาพร้อมกับเหตุผล

เขียน: จิระกานต์ วรรณธะสุข

ภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา

กระแสการวิจารณ์รูปร่าง (Body Shaming) ที่เคยเบาบางลงไปในยุคของ #BodyPositivity กำลังหวนกลับมาอย่างรุนแรงอีกครั้งในสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน TikTok คำว่า ‘เสรีบุลลี’ ได้กลายเป็นคำที่สะท้อนถึงการใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างเกินขอบเขต

#สาวอวบ #เสื้อผ้าสาวอวบ ที่ติดไว้ในคำอธิบายของคลิปผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐานใน TikTok เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนตาลุกวาวและกลับมาวิจารณ์รูปร่างคนอื่นได้อย่างสนุกปากอีกครั้ง

“คนนี้ป่าวที่แกร็บบ่นว่า นั่งรถจนโช้คพัง”

“ถ้าพิมพ์ไปจะหาว่าบุลลีมั้ย”

“ชาติหน้าเอาใหม่”

“ดูแลสุขภาพก่อนเนอะ”

ความคิดเห็นบางส่วนที่ชาวเน็ตแสดงไว้ใต้คลิปที่ติด #สาวอวบ ไว้ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือคนที่ชมว่าสวย น่ารัก กับอีกฝั่งหนึ่งคือคนที่บอกว่านี่ไม่ใช่ ‘สาวอวบ’ แต่เป็น ‘สาวอ้วน’

การถกเถียงระหว่างสองฝั่งผ่านช่องแสดงความคิดเห็นเป็นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฝั่งที่ชมว่าสวย น่ารัก ก็ถูกตอบกลับด้วยคำถามที่ว่า “ขอให้เจ้าของคอมเมนต์สวยเหมือนคนในคลิปนะครับ” ส่วนฝั่งที่บุลลีก็จะถูกตอบกลับด้วยความคิดเห็นในเชิงบุลลีและถูกบอกว่าไม่มีมารยาท

ปรากฏการณ์นี้ถูกจุดชนวนขึ้นอย่างชัดเจนภายใต้ #สาวอวบ ที่ไม่ได้นำไปสู่การยอมรับความหลากหลาย แต่กลับกลายเป็นการเริ่มต้นถกเถียงกันไม่รู้จบระหว่างผู้ที่ ‘ชื่นชม’ กับ ผู้ที่ ‘ตัดสิน’

กระแสของความคิดเห็นในเชิงลบมีมากขึ้นเรื่อยๆ และถูกยกระดับความรุนแรงขึ้นจากบัญชีผู้ใช้ Tiktok ที่ชื่อว่า ‘ปากดีกว่าหุ่น’ ที่อัปโหลดคลิปเกี่ยวกับคนอ้วน ซึ่งเธอย้ำในคลิปว่าคนอ้วนที่พูดถึงในคลิปนั้นคือคนอ้วนแบบที่น้ำหนักเกินเกณฑ์จนถึงขั้นป่วย โดยเนื้อหาในคลิปเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ของเธอตอนที่อ้วน มีการแนะนำให้ลดน้ำหนักให้ลดน้ำหนักและเลิกมั่นใจในตัวเองแบบผิดๆ ทั้งยังย้ำว่าการมีชีวิตที่เป็นคนผอมนั้นดีกว่าตอนเป็นคนอ้วนอย่างแน่นอน

จากคลิปดังกล่าวสิ่งที่จุดประเด็นเกี่ยวกับการบุลลีสาวอวบให้เป็นที่สนใจของผู้ชมคือคำพูดเปิดคลิปที่ว่า “ผอมไม่ได้แปลว่าสวย แต่อ้วนต่างหากที่แปลว่าไม่สวย” ซึ่งคลิปนี้เองเป็นการอนุญาตทางอ้อมให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วยว่าคนอ้วนไม่สวยและควรลดน้ำหนัก

บัญชีผู้ใช้ ‘ปากดีกว่าหุ่น’ ยังได้จุดประเด็นเกี่ยวกับการบุลลีสาวอวบขึ้นมาใหม่ผ่านการโพสต์อีกหนึ่งคลิป โดยมีเนื้อหาที่พูดถึงประสบการณ์ชีวิตในตอนที่เธอมีน้ำหนักตัวมากเปรียบเทียบกับตอนที่ลดน้ำหนักได้แล้ว ทั้งนี้เนื้อหาสำคัญที่สุดของคลิปนี้คือ การเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องสุขภาพส่วนบุคคล ไปสู่การตอกย้ำว่า ‘คนอ้วน = ภาระสังคม’ 

เธอเล่าผลกระทบจากการมีน้ำหนักตัวมากซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตในสังคม เช่น การใช้ที่นั่งบนขนส่งสาธารณะที่ใช้พื้นที่มากกว่าคนอื่น การนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่กระทบกับสภาพรถ ทำให้รถมีโอกาสเสื่อมสภาพจากน้ำหนักตัวที่มาก และปัญหากลิ่นตัวเนื่องจากมีเหงื่อมากกว่าคนทั่วไป 

การพูดถึงรูปร่างอย่างเปิดเผยและสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสุขภาพคงไม่ใช่เรื่องที่น่าถกเถียง แต่การพูดถึงรูปร่างและสุขภาพของผู้อื่นในเชิงลบเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วหรือ?

ทั้งนี้การพูดถึงรูปร่างของผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากในสังคมออนไลน์เป็นเรื่องที่พบมานานและวนมาอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่นในกรณีที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างและไรเดอร์ (มอเตอร์ไซค์รับจ้างจากในแอปพลิเคชัน) ขอเพิ่มค่าโดยสารหรือปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารที่มีน้ำหนักตัวมาก ซึ่งในตอนนั้นคนส่วนมากมีความคิดเห็นไปในเชิงตำหนิมอเตอร์ไซค์รับจ้างและไรเดอร์เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปมีไรเดอร์บางส่วนที่ต้องการให้แอปพลิเคชันรับส่งผู้โดยสารให้ข้อมูลน้ำหนักตัวของผู้โดยสารเพื่อที่จะคิดราคาต่างกัน โดยคนที่มีน้ำหนักตัวมากจะถูกคิดค่าโดยสารมากกว่า เนื่องจากทำให้รถมีโอกาสเสื่อมสภาพง่ายกว่า ซึ่งประเด็นดังกล่าวใกล้เคียงกับกรณีแรกมาก แต่ความคิดเห็นครั้งนี้กลับได้รับการสนับสนุนในประเด็นที่ควรบอกน้ำหนักตัวผู้โดยสาร ทั้งยังมีกระแสเห็นใจไรเดอร์มากขึ้น

ทำไมเหตุการณ์ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?

หากพูดถึงการวิจารณ์รูปร่างกันในโลกออนไลน์คงต้องย้อนไปในช่วงก่อนที่มีกระแสนิยมสาวอวบหรือสาวชับบี้ (Chubby Girl) เกิดขึ้น และในตอนนั้นผู้หญิงที่ผอมก็ถูกกระแสตีกลับโดยประโยคที่ว่า “ผอมไม่ได้แปลว่าสวย” ค่านิยมและความชอบของคนในโลกออนไลน์ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สำหรับในตอนนี้ผู้หญิงผอมได้รับความนิยมอีกครั้ง ซึ่งก็ตามมาด้วยการวิจารณ์รูปร่างของผู้หญิงอ้วนแทน กระแสนิยมผู้หญิงผอมที่วนกลับมาเช่นนี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สาวอวบหรือผู้หญิงอ้วนถูกกระแสตีกลับอย่างรุนแรงมากขึ้น

สาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้กระแสตีกลับสาวอวบหรือผู้หญิงอ้วนถูกพูดถึง และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คือการติด #สาวอวบ ซึ่งทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นเชิงลบว่า นี่ไม่ใช่สาวอวบแต่เป็นสาวอ้วน และมีการพูดรุนแรงขึ้นไปอีกเกี่ยวกับความมั่นใจของคนที่ติดแฮชแท็กนี้ว่าแท้จริงแล้วก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองหรอก แต่เป็นแค่การหลอกตัวเองและติดแฮชแท็กให้เข้ากับมาตรฐานความงามเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นสุขภาพมาเป็นเหตุผลในการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างผู้อื่น ซึ่งสามารถแบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองมิติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มิติแรก คือ ความเป็นห่วงที่มาจากความปรารถนาดีที่แท้จริงของผู้แสดงความคิดเห็น ซึ่งอาจมีประสบการณ์ตรงหรือรับรู้ถึงความเสี่ยงที่น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจหรือโรคเบาหวาน

โดยความคิดเห็นเหล่านี้มักจะมุ่งเน้นไปที่การให้คำแนะนำอย่างสร้างสรรค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก แต่ในมิติที่สอง ซึ่งมักพบได้บ่อยกว่าในกระแสเสรีบุลลี คือการใช้คำว่าเพื่อสุขภาพเป็นเพียงฉากหน้า หรือข้ออ้างที่ฟังดูดี เพื่อบุลลีและตัดสินผู้อื่นอย่างรุนแรงแทน ซึ่งความคิดเห็นประเภทนี้ไม่ได้ต้องการช่วยเหลือ แต่เป็นการใช้ถ้อยคำที่เยาะเย้ย หรือกล่าวโทษอย่างเปิดเผย เช่น “ดูแลสุขภาพก่อนเนอะ” โดยมุ่งเน้นไปที่การตอกย้ำความบกพร่องของบุคคลนั้นอย่างเจาะจง การตัดสินเช่นนี้มักมาจากการขาดข้อมูล ทั้งยังเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะอย่างชัดเจน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงแก่ผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นความอับอาย ความเครียด หรืออาจนำไปสู่ความผิดปกติในการรับประทานอาหาร แทนที่จะนำไปสู่สุขภาพที่ดีตามที่กล่าวอ้าง

การบุลลีในนามของ ‘ความเป็นห่วงสุขภาพ’ คือการใช้ประเด็นด้านสุขภาพเป็นอาวุธทางสังคม เพื่อตัดสินและลดทอนคุณค่าของผู้อื่น ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ยังส่งผลร้ายแรงมากกว่าที่คิด การถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่างจากทั้งคนใกล้ตัวและคนแปลกหน้าส่งผลต่อสุขภาพจิต นำไปสู่ความเครียด ความวิตกกังวล และบางครั้งนำไปสู่พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ (Eating Disorders) แทนที่จะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี

เป็นประเด็นที่น่าคิดว่า คนที่ถูกกระทำด้วยความคิดเห็นเช่นนี้จะมีเพียงผู้หญิงเท่านั้นหรือไม่?

แม้ปัญหาเรื่องน้ำหนักจะเกิดขึ้นกับคนทุกเพศ แต่ในกระแส #สาวอวบ เป้าหมายหลักของการบุลลีกลับเป็นผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนถึงรากฐานทางสังคมของ ‘ค่านิยมความงาม’ ที่แตกต่างกัน

จากการถูกคาดหวังด้านความงามสูงกว่า สังคมยังคงคาดหวังให้ผู้หญิงมีรูปร่างที่ ‘สวยงาม’ และ ‘ดึงดูดใจ‘ เป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดคุณค่าของสตรีที่ผูกโยงกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเข้มข้นในวัฒนธรรมและสื่อกระแสหลัก (Gendered Body Expectations) ขณะที่การวิจารณ์รูปร่างผู้ชายมักเน้นไปที่ความแข็งแกร่งหรือสถานะทางสังคมมากกว่า ตามค่านิยมที่ผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้า เรื่องที่จะนำมาตัดสินทั้งสองเพศจึงมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และการใช้แฮชแท็ก #สาวอวบ จึงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาตัดสินความสวยของผู้หญิงได้ง่ายกว่า

ในขณะที่ ‘ความอ้วน’ มักถูกผูกโยงกับ ‘ความไม่สวย’ ‘ความผอม’ ก็ถูกผูกโยงกับ ‘ความสวยงาม’ ซึ่งเป็นค่านิยมความงามที่เป็นบรรทัดฐานทางสังคมมาอย่างยาวนาน โดยถือเอาความผอมเพรียวเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ วินัยในตนเอง และการเป็นที่ยอมรับนั้น ได้ถูกตอกย้ำโดยสื่อและอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในเรื่องการดูแลตัวเองที่ผู้หญิงที่ผอมเพรียวคือผู้หญิงที่ใส่ใจตัวเองมากกว่า ทั้งเรื่องการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ในขณะที่ความอ้วนกลับถูกตีความว่าเป็นสัญลักษณ์ของการไม่สามารถควบคุมตนเอง ความเกียจคร้าน และความล้มเหลว เพราะถูกมองในมุมที่ตรงกันข้ามกับผู้หญิงที่ผอมเพรียว อคติและการมองคนเพียงแค่ 2 แบบนั้นเป็นรากฐานที่ก่อให้เกิดอคติทางรูปร่าง ที่ทำให้ผู้คนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานถูกตัดสินทันทีว่า ‘ไม่สวยงาม’ หรือ ‘ไม่เป็นที่ต้องการ’ ตามมาตรฐานหลักที่สังคมกำหนดไว้ เมื่อเกิดกระแสตีกลับ การวิจารณ์ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากจึงเป็นการตอกย้ำค่านิยมเดิมที่ว่ารูปร่างที่ไม่สมบูรณ์แบบคือความล้มเหลวทางความงาม ต่างจากการบูลลี่ผู้ชายที่อาจเน้นไปที่ความสามารถในการทำงานหรือความน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลมาจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ใช้เรื่องนี้เป็นตัวตัดสินคุณค่าของผู้ชายมากกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา

ดังนั้น แม้ประเด็นเรื่อง ‘ภาระสังคม’ จะนำไปสู่การวิจารณ์คนอ้วนได้ทุกเพศ แต่ในบริบทของ #สาวอวบ การบุลลีที่เกิดขึ้นนั้นมีลักษณะเฉพาะเจาะจงที่มุ่งเน้นลดทอนคุณค่าของผู้หญิงโดยอิงจากมาตรฐานความงามที่สังคมกำหนด

กระแส ‘เสรีบุลลี’ ที่แพร่หลายในโลกออนไลน์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ #สาวอวบ บน TikTok คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของการกลับมาของอคติในการตัดสินรูปร่าง แต่มีรูปแบบที่ซับซ้อนและมีเหตุผลสนับสนุนที่ดูชอบธรรมกว่าเดิม


รายการอ้างอิง

Diversifying. (2022). Diet Culture: The Only Thing We Need to Lose is Fatphobia. สืบค้นจาก 

https://www.diversifying.com/blog/diet-culture-the-only-thing-we-need-to-lose-is-fatphobia

Jason Frerichs. (2018). Bullying and Toxic Masculinity. สืบค้นจาก

https://goodmenproject.com/social-justice-2/bullying-and-toxic-masculinity-cmtt

J Behav Med. (2013). Associations between hurtful weight-related comments by family and 

significant other and the development of disordered eating behaviors in young adults. 

สืบค้นจาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3337892/

Katrina Johnson León. (2023). Gender-based Social Expectations for Women. สืบค้นจาก 

https://content.acsa.org/gender-based-social-expectations-for-women

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Society

Writings

จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในวันที่กาลเวลาเปลี่ยน

เรื่องและภาพ: ภัชราพรรณ ภูเงิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่แต่เดิมคือ ‘มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง’ มีหนึ่งในผู้ก่อตั้ง คือ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้เชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยจะหยั่งรากลึกในสังคมไทยได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย การปกครอง และสังคม เขาจึงก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ขึ้นในปี 2477 เพื่อเป็น ‘มหาวิทยาลัยของประชาชน’ มหาวิทยาลัยที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับความหวังว่าจะเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งเริ่มเบ่งบานในสังคมไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ...

Writings

โดนมิจฉาชีพหลอกเพราะไม่ระวัง หรือเพราะข้อมูลรั่วจากระบบที่ไม่รัดกุม

เขียน: เปรมชนก พฤกษ์พัฒนรักษ์ ภาพประกอบ: จิระกานต์ วรรณธะสุข เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาสั่งอาหารผ่านแอปถึงต้องเลือกเพศ ทำไมร้านกาแฟถึงถามวันเกิดตอนสมัครสมาชิก ที่น่าคิดกว่านั้นคือ ข้อมูลเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน และทุกวันนี้ ที่เรากดปุ่มยอมรับ ‘ข้อกำหนดและนโยบายความเป็นส่วนตัว’ โดยไม่เคยเปิดอ่าน หรือแม้แต่ไม่รู้ว่ามีสิทธิ์กดปุ่ม ‘ไม่ยอมรับ’ ...

Writings

49 ปี รำลึก 6 ตุลาฯ 

เขียน: อชิรญา ปินะสา ภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา และ เปรมชนก พฤกษ์พัฒนรักษ์ เมื่อ 49 ปีที่แล้ว เมื่อ 49 ปีที่แล้ว ...

Writings

สมาร์ทโฟน จาก ‘นวัตกรรม’ สู่ Fast Fashion ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อความทันสมัย

เขียน:  ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร ภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ คุณกำลังตามเทรนด์หรือเปล่านะ การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกปีกลายเป็นปรากฏการณ์น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยไปกว่าเทรนด์แฟชั่น เมื่อไหร่ก็ตามที่มีของรุ่นใหม่เปิดตัวออกมา ก็จะเหมือนมีแรงดึงดูดให้ผู้คนรู้สึกว่าต้องซื้อ มิเช่นนั้นจะตกเทรนด์ ไปได้ทันที  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าคิด คือ ...

Writings

Run2Free: Run for Rights

เรื่องและภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ปล่อยเพื่อนเรา “ปล่อยเพื่อนเรา” เสียงร้องกึกก้องของพี่น้องประชาชนอาจจะดังจนผ่านหูคุณมาบ้าง แต่ดูเหมือนยังดังไม่มากพอที่จะไปไกลจนเข้าหูของคนมีอำนาจ เพราะ ‘เพื่อน’ กว่า 57 ชีวิต ยังคงถูกจองจำ เพียงเพราะเลือกที่จะแสดงออกทางความคิดและใช้สิทธิเสรีภาพของพวกเขาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างชอบธรรม ทว่าไม่ถูกใจใครบางคน ...

Writings

Work & Travel: ประสบการณ์ที่ได้… ความปลอดภัยที่หาย?

เรื่อง: แพรพิไล เนตรงาม ภาพประกอบ: ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร เอิร์น นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ Work & Travel 2025 ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปทำงานจนถึงแก่ชีวิตระหว่างเข้าร่วมโครงการ ณ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save