เรื่อง : สิทธิเดช สายพัทลุง
Spoiler Alert : บทความนี้มีการสปอยเนื้อหาของ Kimetsu no Yaiba และ Kimetsu no Yaiba Mugan Train The Movie
“ระหว่างที่เผลอหลับไป มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้แล้วเหรอ…ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ช่างน่าอับอายในฐานะเสาหลักยิ่งนัก แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลย”
หนึ่งในคำพูดของนักล่าอสูรผู้มีผมสีทองปลายแดงดั่งเปลวเพลิงสมกับตำแหน่งหน้าที่ของเขา ชายผู้แม้จะมีบทเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็มากพอที่ทำให้เขาถูกคนดูจดจำไปจนถึงตอนจบ ‘เสาหลักเพลิง เรนโงคุ เคียวจูโร่’
‘Kimetsu no Yaiba’ หรือ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ มังงะที่เล่าเรื่องราวของ ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ เด็กหนุ่มที่ครอบครัวถูกฆ่าโดยหัวหน้าของเหล่าอสูร เขาจึงเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูรเพื่อฝึกปรือฝีมือ และหาทางรักษา ‘เนซึโกะ’ น้องสาวของเขา ก่อนที่เธอจะกลายร่างเป็นอสูรเต็มตัว
เรนโงคุเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยพิฆาตอสูร หรือที่เรียกกันในเรื่องว่า ‘เสาหลัก’ โดยตัวเขาเป็นผู้ใช้วิธีการหายใจที่เรียกว่า ‘ปราณเพลิง’ เมื่อเข้ารับตำแหน่งเสาหลัก เขาถึงกลายเป็น ‘เสาหลักเพลิง’ ปรากฏตัวครั้งแรกในมังงะตอนที่ 44 หรืออนิเมชันตอนที่ 21 ในฐานะคนที่คัดค้านไม่ให้รับเนซึโกะเข้าร่วมหน่วยพิฆาตอสูร
ก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้งในมังงะตอนที่ 54 หรือในภาพยนตร์อนิเมชัน ‘Kimetsu no Yaiba Mugan Train The Movie ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของกลุ่มทันจิโร่ที่ประกอบด้วย ‘ทันจิโร่’ ‘เนซึโกะ’ และเพื่อนอีกสองคนอย่าง ‘อางาซึมะ เซนอิทซึ’ ผู้ใช้ปราณสายฟ้า และ ‘ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ’ ผู้ใช้ปราณสัตว์ป่า โดยทั้งสี่ได้เดินทางมาหาเรนโงคุเพื่อที่จะสอบถามถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ปราณตะวัน’
ในระหว่างเดินทางก็ได้มีอสูรเข้ามาโจมตีพวกของทันจิโร่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เรนโงคุโชว์ความสามารถ เขาได้ใช้ ‘ปราณเพลิง กระบวนท่าที่ 1 เปลวเพลิง ณ เส้นขอบฟ้า’ ตัดเฉือนคอของอสูรลงไปอย่างง่ายดาย
ก่อนที่เรื่องจะเฉลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน จากความสามารถของ ‘อสูรข้างแรมที่ 1 เอ็นมุ’ ซึ่งกำลังพยายามรวมร่างตัวเองกับรถไฟนี้อยู่
หลังจากจัดการเอ็นมุไปได้ ทุกอย่างก็ดูท่าว่าจะจบลง แต่แล้วอสูรปริศนาที่สวมใส่เพียงเสื้อกั๊กก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ‘อสูรข้างขึ้นที่ 3 อาคาสะ’ เข้ามาเชิญชวนให้เรนโงคุไปเป็นอสูรแบบเดียวกับตน เพื่อที่จะได้มีคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมและสู้กับเขาต่อไปเรื่อยๆ อีกหลายร้อยปี และเมื่อเรนโงคุปฏิเสธข้อเสนอ ก็ถึงเวลาที่ทั้งคู่จะต้องต่อสู้กัน
ภาพการต่อสู้ของทั้งคู่ที่ปรากฏนั้น ทั้งดุเดือดและงดงาม เปลวเพลิงที่ถูกวาดออกมาอย่างประณีต สีหน้าของตัวละครที่ฝ่ายหนึ่งกำลังรู้สึกสนุกกับการต่อสู้ ขณะที่อีกฝ่ายทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องผู้คน เป็นภาพสะท้อนถึงเจตจำนงที่แตกต่างกันของทั้งสองตัวละครได้เป็นอย่างดี
แม้ในวาระสุดท้ายของเรนโงคุ เขาจะไม่สามารถบั่นคออาคาสะลงได้ แต่เขาได้ปกป้องผู้คนบนรถไฟสู่นิรันดร์ไว้ทั้งหมด และในตอนสุดท้ายเขาก็สั่งเสียแก่เหล่าทันจิโร่ ซึ่งคำพูดนั้นเปรียบดั่งการจุดประกายให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะพบเจอกับเรื่องราวอันตรายเพียงใดก็ตาม
.
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือเพลงประกอบที่ใช้ในภาคของศึกรถไฟสู่นิรันดร์ โดยได้เพลงจากนักร้องสาวชาวญี่ปุ่นสุดโด่งดังอย่าง ‘LiSA’ ที่เคยสร้างกระแสเพลงอย่าง ‘Rising Hope’ หรือ ‘Crossing Field’ เพลงประกอบอนิเมชันอย่าง ‘Sword Art Online’
และในครั้งนี้เธอมาพร้อมกับเพลงอย่าง ‘Homura’ กับเรื่องราวที่กล่าวถึงคนที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไป แต่แม้จะเศร้าโศกเพียงใด ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป และสัญญาว่าเมื่อความฝันเป็นจริง เราจะยังคงคิดถึงคนสำคัญคนนั้นเสมอ
.
สำหรับผม ไฟในตัวของเรนโงคุอาจไม่ใช่เปลวเพลิงที่ใช้แผดเผาศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเปลวเพลิงที่ช่วยส่องแสงสว่างชี้นำทางให้กับเหล่าผู้หลงทาง เหมือนดั่งกระบวนท่าที่ 1 ที่หากมองเข้าไปใกล้พอ เราจะพบว่ามันเกิดจากคบเพลิงที่วางต่อกัน เพื่อนำทางผู้คนสู่เส้นทางที่ถูกต้องต่างหาก
เนื่องในวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของเรนโงคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงแห่งหน่วยพิฆาตอสูร ผู้ซึ่งมีบทเพียงน้อยนิด แต่เปลวไฟที่เขาได้จุดเอาไว้ ยังคงส่องสว่างอยู่ในใจของทันจิโร่และใจของผู้ชมด้วยเช่นกัน