เรื่อง : ปิยะพร สาวิสิทธิ์
ภาพประกอบ : จุฑาภัทร ทิวทอง
อาจารย์รัฐศาสตร์มธ.ชี้ รัฐบาลอเมริกาสามารถออกคำสั่งนโยบายเนรเทศผู้อพยพได้ทันที แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก เนื่องจากหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับผู้อพยพยังขาดความสามารถในการดำเนินการตามนโยบายนี้ อีกทั้งหากขับไล่ผู้อพยพออกจากประเทศจะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจขาดแรงงาน พร้อมเสริมว่าในบางเมืองนั้น รัฐบาลกลางไม่สามารถแทรกแซงหน่วยงานท้องถิ่นในการดำเนินการกับผู้อพยพได้
.
จากกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในระหว่างหาเสียงได้มีการกล่าวถึงนโยบายขับไล่ผู้อพยพที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายนั้น ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ อาจารย์สาขาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ตามหลักการแล้วรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถออกคำสั่งเพื่อดำเนินนโยบายขับไล่ผู้อพยพได้ทันที แต่ในเชิงปฏิบัติยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (U.S. Immigration and Customs Enforcement: ICE) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้อพยพที่เข้าประเทศแบบผิดกฎหมายยังขาดทรัพยากรและความสามารถในการดำเนินการจับกุม หากจะขับไล่ผู้อพยพที่เข้าประเทศแบบผิดกฎหมายซึ่งมีจำนวนหลายล้านคน คาดว่ารัฐจะต้องเพิ่มงบประมาณให้กับหน่วยงานในการดำเนินนโยบายนี้ประมาณ 8-9 แสน ดอลลาร์สหรัฐ
ปองขวัญกล่าวต่อว่า นโยบายนี้จะส่งผลต่อสหรัฐฯ ใน 2 ด้าน คือ ด้านภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว และด้านเศรษฐกิจโดยอาจทำให้ธุรกิจในหลายภาคส่วนขาดแคลนแรงงาน “เทียบกับกรณีประเทศไทยที่บางงานคนไทยก็ไม่ทำ คนอเมริกาก็ไม่ได้ทำงานบางงานเช่นกัน อย่างงานที่อาจจะสกปรก หรือมีอันตราย คนที่เข้าเมืองแบบผิดกฎหมายก็คือคนที่ทำงานในภาคส่วนเหล่านี้”
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสหรัฐฯ จะมีเมืองที่เป็น Sanctuary Cities ซึ่งเป็นเมืองที่รัฐบาลกลางไม่สามารถแทรกแซงในการตามจับกุมหรือดำเนินการทางกฎหมายกับผู้อพยพได้ โดยผู้ที่สามารถดำเนินการได้จะมีเพียงรัฐและหน่วยงานท้องถิ่นในเมืองนั้นๆ จึงทำให้หากหน่วยงาน ICE จะดำเนินการจับกุมผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายจะทำได้ยากขึ้น และต้องรอความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่น