เขียน: ณิชกุล หวังกลุ่มกลาง

อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. เผยรัฐธรรมนูญ 60 เป็นปัญหา เหตุเป็นมรดกจากคณะรัฐประหาร 57 สร้างปัญหาต่อประชาธิปไตยหลายด้าน แนะการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยฉันทามติอย่างกว้างขวาง
จากกรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปี 2560 (รัฐธรรมนูญ 2560) เรื่อยมากว่า 20 ครั้ง เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จ จนถึงครั้งล่าสุด ร่างแก้ไขฯ กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา โดยมีสาระสำคัญคือ การกำหนดที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประกอบกับข้อตกลงตาม MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่ให้มีการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน จัดการเลือกตั้งทั่วไป รวมทั้งการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในเดือนมีนาคมปี 2569 นั้น
ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นปัญหาทั้งในแง่ของที่มาซึ่งเป็นมรดกจากการรัฐประหารปี 2557 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถึงแม้จะอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้ผ่านการออกเสียงประชามติมาแล้ว แต่ประชามตินั้นไม่ได้เกิดขึ้นในบรรยากาศที่เสรีและเป็นธรรม มีผู้ถูกจับกุมและคุมขังจากการออกมาต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อีกทั้งเนื้อหาของบทบัญญัติต่างๆ ก็ไม่ได้เสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตย เช่น ทำให้ระบบการเมืองอ่อนแอโดยสะท้อนผ่านการออกแบบระบบเลือกตั้งที่มีพรรคการเมืองมากเกินไป
ปุรวิชญ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ยังมีปัญหาในด้านการเพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระมากเกินไป เช่น การเลือกองค์กรอิสระชุดใหม่ขึ้นมาแทนชุดที่หมดวาระต้องผ่านความเห็นชอบจากสว. องค์กรอิสระต่างๆ จึงกลายเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์การเมืองไทย นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานจริยธรรมในรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา ซึ่งถูกนำมาโจมตีอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน จนทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมาตรฐานจริยธรรมนี้ถูกเขียนขึ้นโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ และสิ่งสุดท้ายที่เป็นปัญหาคือการควบคุมสังคมระยะยาวผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยปัจจุบันเวลาหน่วยราชการจัดทำงบประมาณหรือพรรคการเมืองจัดทำนโยบายใดๆ จำเป็นต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนถูกเขียนขึ้นโดยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
“นี่คือระบอบรัฐประหารแปลงร่าง รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นมหากาพย์ของการเมืองของการพยายามทำให้แก้ไขได้ยาก โดยการเปลี่ยนให้อำนาจจากคณะรัฐประหารกลายเป็นสถาบันต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้ในรัฐธรรมนูญ” ปุรวิชญ์กล่าว
ปุรวิชญ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงสามารถทำได้โดยอาศัยฉันทามติอย่างกว้างขวางจากทั้งสังคม ทั้งในระดับชนชั้นนำและระดับมวลชน การทำให้การเมืองมีความหมาย มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นจำต้องใช้วิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องไกลตัวและอยู่ที่ว่าเราอยากเห็นหน้าตาอนาคตการเมืองของสังคมนี้เป็นอย่างไร
ชยพล ดโนทัย เจ้าหน้าที่โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ซึ่งทำงานสื่อสารรณรงค์ด้านประชาธิปไตยผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม ปี 2569 นอกจากการเข้าคูหากา ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังมีการลงประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันเรียกร้อง รณรงค์ให้คนไปใช้สิิทธิ์และโหวตเห็นชอบในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยคำถามจะมี 2 ข้อ คือ เห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเห็นชอบกับกระบวนการได้มาซึ่ง สสร. หรือไม่ ซึ่งแม้ปัจจุบันการพิจารณากระบวนการได้มาซึ่ง สสร. จะยังอยู่ในการพิจารณาของสภา ยังไม่แล้วเสร็จ แต่อย่างน้อยการแสดงความเห็นชอบในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นการยืนยันจุดยืนที่ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยต้องการเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เกิดขึ้นจริง
ชยพลกล่าวว่า นอกจากนี้อยากเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งและการลงคะแนนประชามติ เพื่อให้มั่นใจมากขึ้นว่าเสียงของเราถูกนับไปพร้อมกับเจตจำนง รวมทั้งอยากเชิญชวนคนที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่วมกันรณรงค์ให้ผู้คนมาโหวตเห็นชอบให้ได้มากที่สุดผ่านวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจกแผ่นพับ ติดโปสเตอร์ หรือการแขวนป้ายไวนิล ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนและ iLaw จะมีการปล่อยแคมเปญรณรงค์ในช่วงปลายปีนี้ “จังหวะนี้สำคัญมากจริงๆ ที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราติดหล่มอยู่กับรัฐธรรมนูญ 2560 (ซึ่งมีที่มาจาก) ยุคคสช. ตั้งแต่ปี 2557”
ชยพลกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2562 นับตั้งแต่มีรัฐสภาชุดแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เคยมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว 26 ครั้ง แต่การแก้ไขที่สำเร็จนั้นมีเพียงครั้งเดียวคือ การแก้บัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบเป็น 2 ใบ ซึ่งกล่าวได้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้นแทบไม่สำเร็จเลย สิ่งนี้จึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า










