เขียน: ภัชราพรรณ ภูเงิน

นักวิชาการชี้แม้งานดัดแปลงหนังสือจะได้รับการคุ้มครองในฐานะผลงานใหม่ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมจากเจ้าของต้นฉบับ แนะบุคคลที่เกี่ยวข้องควรรู้และเคารพสิทธิ์ของตนเองและผู้อื่น จึงจะลดปัญหาได้
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในงานเสวนาวิชาการหัวข้อ ‘สิทธิผู้เขียน & สิทธิ์ผู้อ่าน: สนทนาปัญหาว่าด้วยลิขสิทธิ์วรรณกรรม’ เพื่อถอดบทเรียนจากคดีลิขสิทธิ์วรรณกรรม ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ’ เมษปิติ พูลสวัสดิ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าคำวินิจฉัยของศาลในคดีที่สำนักพิมพ์บทจร เจ้าของลิขสิทธิ์ ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ ในไทย ฟ้องสำนักพิมพ์สามัญชน ซึ่งจำหน่ายหนังสือฉบับแปลของปณิธาน ร.จันเสน ที่แปลโดยไม่ขอลิขสิทธิ์ และศาลได้ตัดสินว่าสามัญชนไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นเพราะศาลอาจตีความแนวคิดเกี่ยวกับงานที่เกิดจากการดัดแปลง (Derivative work) คลาดเคลื่อนไปจากหลักกฎหมายต่างประเทศ เพราะในกรอบการตีความลิขสิทธิ์สมัยใหม่ งานดัดแปลง เช่น งานแปล ถือเป็นผลงานที่มีคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจในตัวเอง ต้องได้รับการคุ้มครองในฐานะผลงานใหม่ แต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ และสัญญาขออนุญาตแปลวรรณกรรมต้องครอบคลุมถึงสิทธิ์ในการตีพิมพ์และจัดจำหน่ายผลงานแปลนั้นด้วย ไม่ใช่เพียงสิทธิ์ในการแปลเท่านั้น
เมษปิติกล่าวต่อว่า ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของแนวคิดเรื่องกรรมสิทธิ์ หากมองกฎหมายลิขสิทธิ์ในฐานะเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง จะเห็นว่ามันพยายามวาดความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียน ผู้อ่าน และสำนักพิมพ์ ผ่านแนวคิดเรื่องความเป็นเจ้าของ ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ ไม่ได้พูดถึงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวัตถุเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนด้วย
“ถ้าผมบอกว่า สิ่งนี้เป็นของผม ข้อความนี้ไม่ได้สื่อแค่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับสิ่งนั้น แต่ยังเป็นการประกาศต่อทุกคนด้วยว่า ท่านจะหยิบสิ่งนี้ไปใช้ โดยไม่ขออนุญาตผมไม่ได้” เมษปิติกล่าวและว่า หากมองในมุมนี้ วิธีคิดเรื่องทรัพย์สินจึงเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ทางสังคมเสมอ เป็นการจัดระเบียบความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างผู้เขียน ผู้อ่าน และสำนักพิมพ์
เมษปิติกล่าวว่าแนวคิดเรื่องกรรมสิทธิ์มีหลายรูปแบบ แต่มีจุดร่วมเดียวกันคือมองว่าผู้เขียนหรือผู้สร้างสรรค์คือเจ้าของผลงานอย่างถูกต้องชอบธรรม แม้แนวคิดสิทธิ์ผู้เขียน (Author Rights) จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ในความเป็นจริง เจ้าของผลงานหลายคนกลับไม่มีสิทธิ์ในผลงานของตัวเองอย่างแท้จริง บางคนถูกบังคับให้โอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นตั้งแต่แรก หรือถูกควบคุมด้วยเงื่อนไขในสัญญา ทั้งสองกรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาเรื่องอำนาจการต่อรองที่ไม่เท่าเทียมในตลาดแรงงานสร้างสรรค์
“ผมไม่ทราบว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนในวงการหนังสือ แต่มันเกิดขึ้นบ่อยในวงการอื่นๆ อย่างเช่น ดนตรีและภาพยนตร์” เมษปิติกล่าว
เมษปิติกล่าวทิ้งท้ายว่าทางออกของเรื่องนี้คือเราต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า สิทธิ์ที่แต่ละฝ่ายได้รับ ไม่ได้มีไว้เพื่อกีดกันผู้อื่นออกไปจากเขตกรรมสิทธิ์ของตัวเอง แต่มีไว้เพื่อ สร้างความไว้ใจให้เกิดขึ้นในวงการหนังสือ ทำให้ทุกคนในวงการหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นคนเขียน คนอ่าน หรือสำนักพิมพ์ รู้สึกมั่นใจและเชื่อใจกันได้ เพราะรู้ว่าสิทธิ์ของตัวเองจะได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างเป็นธรรม











