Art & CultureArticlesWritings

Rick and Morty: ชีวิตไร้ความหมายในจักรวาลไร้จุดหมายของริกและมอร์ตี้

เขียน : ศิรประภา จารุจิตร

ภาพประกอบ : ศิรประภา จารุจิตร

Cartoon characters in a cartoon style

Description automatically generated with medium confidence

ขอบคุณภาพจาก https://wall.alphacoders.com/big.php?i=1335145

คำเตือน: บทความชิ้นนี้มีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วน โปรดอ่านอย่างระมัดระวัง

“Nobody exists on purpose. Nobody belongs anywhere. We’re all going to die. Come watch TV.”

ไม่มีใครมีชีวิตอยู่เพราะมีจุดประสงค์หรอกนะ ไม่มีใครควรอยู่ที่ไหนทั้งนั้นแหละ ยังไงทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี ไปดูทีวีกันเถอะ

ประโยคเด็ดจากเรื่อง Rick and Morty การ์ตูนแอนิเมชันแนวบันเทิงวิทยาศาสตร์ สัญชาติอเมริกัน มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ และออกฉายช่วงดึกทางช่อง Adult Swim แต่ละตอนมีความยาว 22 นาที สร้างสรรค์ผลงานโดย Justin Roiland และ Dan Harmon ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยของ Rick Sanchez นักวิทยาศาสตร์ติดเหล้า สติเฟื่องวัย 70 ปี ผู้ที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในจักรวาล กับ Morty Smith หลานชายวัย 14 ปี ผู้มีนิสัยขี้กังวลและยอมคนอย่างไม่น่าเชื่อ มักถูกโขกสับ และถูกบังคับให้เป็นผู้ช่วยในการผจญภัยของริกอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาพากันบุกตะลุยผจญภัยในแดนต่าง ๆ ข้ามเวลา ข้ามพหุจักรวาล (Multiverse) อันมีความจริงเป็นอนันต์ ร่วมด้วยสมาชิกในครอบครัวสมิธ ที่ประกอบไปด้วย เจอร์รี่ พ่อของมอร์ตี้ หรือก็คือสามีที่ว่างงานของเบ็ธ, เบ็ธ แม่ของมอร์ตี้ หรือก็คือลูกสาวผู้เป็นศัลยแพทย์ม้าของริก และซัมเมอร์พี่สาววัย 17 ปี ของมอร์ตี้

Cartoon characters holding hands

Description automatically generated

จากซ้ายไปขวา เจอร์รี่ เบ็ธ ริก มอร์ตี้ และซัมเมอร์

ขอบคุณภาพจาก https://www.digitalspy.com/tv/ustv/a37079666/rick-and-morty-season-6-release-date/

แม้เรื่องราวจะวุ่นวายหลุดโลกเรียกเสียงฮา แต่ระหว่างทางการผจญภัยอันแสนแสนุกของริกกับมอร์ตี้นั้นกลับทำให้เห็นว่าสายสัมพันธ์ของครอบครัวสมิธไม่ได้สวยงาม มันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย อุปสรรค และความทุกข์ ที่ชวนให้กลับมาตั้งคำถามถึงชีวิต ผ่านตัวละครที่แสดงแนวคิดที่มีรากฐานของอัตถิภาวนิยม (Existentialism) สุญนิยม (Nihilism) และความไร้สาระ (Absurdism) เพื่อค้นหาความหมายของการมีอยู่

Existence is pain เพราะมีอยู่จึงเจ็บปวด

เรื่องราวของกล่องประดิษฐ์ที่กดปุ่มแล้วเจ้าตัวสีฟ้านามว่า มิสเตอร์มีซีคส์ จะเด้งออกมาช่วยเหลือครอบครัวสมิธ เพื่อให้ความต้องการเป็นจริง แล้วก็หายไป แต่บังเอิญว่าความต้องการของเจอร์รี่ที่อยากตีกอล์ฟให้ลงหลุมนั้นไม่สำเร็จสักที มีซีคส์จึงกดปุ่มเพิ่มจำนวนตัวเองให้มาช่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวแล้วตัวเล่า 

“ฉันแค่อยากตาย”

“เราก็อยากตายกันทั้งหมดแหละ”

เมื่อเวลาผ่านไปพวกมีซีคส์เริ่มชี้หน้าโทษกันเป็นทอดๆ ว่าเจ้าตัวสีฟ้าตัวไหนที่กดปุ่มให้มีซีคส์แต่ละตัวผุดขึ้นมา เพราะการมีอยู่ของมีซีคส์คือการทำภารกิจให้สำเร็จ หากไม่สำเร็จก็ไม่สามารถหายไปได้

หลังจากทะเลาะกันจนน่วม จึงได้ข้อสรุปว่าเจอร์รี่ไม่มีทางตีกอล์ฟลงหลุมสำเร็จ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่สามารถตีกอล์ฟได้อีกเลยตลอดกาล 

ขอบคุณภาพจาก https://ew.com/tv/best-rick-and-morty-episodes/

“มีซีคส์ไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เพื่อหาความหมายชีวิตหรอกนะเจอร์รี่ เราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพยายามทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถให้สำเร็จ การมีอยู่มันเจ็บปวดและเราจะทำทุกอย่างเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดนั้น”

พวกมีซีคส์รวมตัวกันไปฆ่าเจอร์รี่ แต่ด้วยพลังแห่งรักของเบ็ธ เจอร์รี่จึงตีกอล์ฟลงหลุมได้สำเร็จ สุดท้ายแล้วพวกมีซีคส์ก็ได้จากไปพร้อมรอยยิ้ม

คงต้องมีสักครั้งในชีวิตที่มนุษย์อย่างเราๆ มานั่งครุ่นคิดถึงสารัตถะหรือก็คือแก่นของการมีอยู่ของชีวิต หาจุดหมาย และสร้างความหมายในการดำรงชีวิตขึ้นตามแนวคิดอัตถิภาวะนิยม (Existentialism) แตกต่างจากเจ้าตัวสีฟ้าที่มีจุดประสงค์ในการมีชีวิต เพราะพวกเขาถูกสร้างมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่น คุณค่าจึงอยู่ที่การทำตามคำสั่งให้สำเร็จ แต่เจอร์รี่ไม่สามารถตีกอล์ฟให้ลงหลุมได้สักที การมีอยู่ของเจ้าตัวสีฟ้าเลยสั่นคลอน อีกทั้งยังมีทีท่าที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแบบมนุษย์อีก พวกมีซีคส์จึงอยู่ไม่สุขจนต้องพยายามฆ่าเจอร์รี่ 

เพราะการดำรงอยู่ท่ามกลางความไม่รู้และความสับสนนั้นแสนจะเจ็บปวด

Existential nihilism ชีวิตไม่ได้มีความหมายพิเศษ

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันนั้นเราตัดสินใจอีกอย่าง?  

อีกหนึ่งเรื่องราวของริกกับมอร์ตี้ว่าด้วยเรื่องของพหุจักรวาล (Multiverse) ที่มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด เป็นวันที่ครอบครัวสมิธรวมตัวกันดูรายการทีวีจากหลากมิติ แล้วพบว่าในอีกมิติหนึ่งเจอร์รี่ได้เป็นนักแสดงชื่อดัง และด้วยแว่นทะลุมิติของริกจึงทำให้เบ็ธได้รู้ว่าในมิตินั้น เธอเป็นศัลยแพทย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้วยเช่นกัน แตกต่างกับเบ็ธที่เป็นศัลยแพทย์ม้าและเจอร์รี่ที่ว่างงานในมิตินี้

ทั้งสองคนเสพสุขไปกับความสำเร็จในโลกคู่ขนานของตัวเองเพื่อปลอบประโลมชีวิตจริงอันแสนโหดร้ายผ่านสิ่งประดิษฐ์ของริก ด้วยความไม่พอใจกับชีวิตที่พวกเขาเป็นอยู่ ทำให้ทั้งคู่ประชดประชันถึงการตัดสินใจในอดีตที่ทำให้ชีวิตต้องฝืนทนอยู่ด้วยกันเพื่อคำว่า ‘ครอบครัว’ ทำให้ซัมเมอร์ได้รับรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้เกิดมาด้วยความตั้งใจของเจอร์รี่และเบ็ธ ถ้าไม่มีเธอ ทั้งพ่อและแม่จะได้ทำตามความฝัน และประสบความสำเร็จ  

ซัมเมอร์ตัดสินใจจะหนีออกจากบ้านเพราะเธอคิดว่าการมีอยู่ของเธอคือสาเหตุของความทุกข์และความผิดพลาดของพ่อแม่ในวัยสิบเจ็ด ระหว่างที่เธอเก็บกระเป๋าจะไปเล่นน้ำแข็งตะวันตกเฉียงใต้ มอร์ตี้ที่เป็นห่วงซัมเมอร์ได้เปิดประตูห้องเข้ามาพูดคุย

ขอบคุณภาพจาก https://www.dailymotion.com/video/x33ik9i

มอร์ตี้สารภาพว่าริกและเขาไม่ได้อยู่ที่มิตินี้มาตั้งแต่แรก เขาหนีออกจากมิติที่พวกเขาทำให้มนุษย์ทั้งโลกกลายเป็นสัตว์ประหลาด จึงเข้ามาแทนที่เขาและตาในมิตินี้ที่ตายพอดี มอร์ตี้ชี้ไปที่หน้าต่างและบอกว่าข้างนอกคือหลุมศพที่เขาฝังด้วยตัวเขาเอง ทุกๆ เช้าเขาต้องนั่งกินข้าวห่างจากศพที่เน่าเปื่อยของตัวเองเพียงไม่กี่เมตร 

มอร์ตี้บอกกับซัมเมอร์ว่า อย่าหนีไปเลย การผจญภัยข้ามจักรวาลผ่านปืนข้ามมิติ (portal gun) ทำให้เขาเข้าใจถึงความไร้ค่า ความเล็กน้อยของตัวเขาซึ่งเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในพหุจักรวาลที่มีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด ซึ่งสามารถแทนที่ชีวิตตัวเองได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายแล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไปอย่างโหดร้าย ไม่ว่าจะรับมือกับความเจ็บปวดทางใจได้หรือไม่ก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ไม่มีความหมายอยู่ดี เป็นแนวคิดสุญนิยม (Nihilism) ที่ปฏิเสธคุณค่าและการมีอยู่ของทุกสรรพสิ่ง โดยมองว่าทุกอย่างต่างถูกประกอบสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ใดผลประโยชน์หนึ่ง 

“ไม่มีใครมีชีวิตอยู่เพราะมีจุดประสงค์หรอกนะ ไม่มีใครควรอยู่ที่ไหนทั้งนั้นแหละ ยังไงทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี ไปดูทีวีกันเถอะ”

คำพูดของมอร์ตี้ทำให้ซัมเมอร์เลิกโทษตัวเองและเลิกตั้งคำถามกับชีวิต เธอไม่สนใจแล้วว่าเธอจะเกิดมาจากความตั้งใจหรือไม่ เธอเกิดมาเพื่ออะไร ก็แค่ช่างมัน! ลงไปดูทีวีกับมอร์ตี้ และใช้ชีวิตต่อไป…

Absurdism ชีวิตเป็นแค่เรื่องไร้สาระ 

ความไร้เหตุผลและความสิ้นหวังถูกนำเสนอหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ริกบอกกับมอร์ตี้ว่าความรักไม่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงแค่สารเคมีในสมอง ไปจนถึงจักรวาลขนาดจิ๋วที่ริกสร้างขึ้นมาในแบตเตอรี่ ริกมอบนวัตกรรมการผลิตไฟฟ้าอย่างกล่องกูเบิ้ล และหลอกให้คนทั้งดาวเหยียบกล่องเพื่อผลิตไฟฟ้าให้เขาใช้เป็นแบตเตอรี่ในการขับยาน

ริกและมอร์ตี้เข้าไปในแบตเตอรี่เพื่อหาสาเหตุที่ยานขัดข้อง ในสายตาของคนในจักรวาลจิ๋วริกเปรียบเสมือนพระเจ้าผู้สร้างอารยธรรม เขาทักทายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อย่างติดตลก…ด้วยการชูนิ้วกลางสองนิ้ว

Cartoon characters in a cartoon scene

Description automatically generated

ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt4832268/mediaviewer/rm3656463616/

“การที่ตาให้คนทั้งดาวมาผลิตไฟฟ้าให้ มันคือระบบทาสชัดๆ”

“มันคือสังคมทุกคนทำงานให้กันมอร์ตี้ ทุกคนจ่ายเงิน ซื้อบ้าน แต่งงาน และมีลูก ซึ่งจะมาแทนพวกเขาตอนแก่เกินจะผลิตไฟฟ้า”

“ก็แค่ระบบทาสที่มีขั้นตอนเพิ่มเติมแหละ”

  จนกระทั่งริกได้รู้ว่าเหตุที่แบตเตอรี่ขัดข้องเป็นผลมาจากนักวิทยาศาสตร์ในจักรวาลจิ๋วสร้างจักรวาลที่เล็กกว่า เพื่อหลอกให้คนทั้งดาวผลิตไฟฟ้าให้ นั่นคือจักรวาลจ้อย และในจักรวาลจ้อยก็มีนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างจักรวาลที่เล็กกว่านั้นเพื่อหลอกให้คนทั้งดาวผลิตไฟฟ้าให้อีกเหมือนกัน 

ความจริงค่อยๆ เปิดเผยนักวิทยาศาสตร์จักรวาลจิ๋วรู้ความจริงว่าโลกของเขาเป็นเพียงแหล่งพลังงานในยานของริก ขณะที่เขาและริกต่อยกันชุลมุน นักวิทยาศาสตร์จักรวาลจ้อยที่สิ้นหวังกับความจริงของชีวิตได้ขับยานชนภูเขาและจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์จิ๋วก็ทำใจยอมรับในความไร้สาระของการมีอยู่ และเหยียบกล่องปั่นไฟต่อไป เป็นสัญญาสงบศึกระหว่างดาว เพื่อที่จักรวาลของเขาจะไม่ถูกทำลายนั่นเอง

เรื่องราวในตอนนี้เปิดเผยให้เห็นถึงวัฏจักรของวิถีชีวิตแบบทุนนิยม ที่คล้ายกับตำนานวีรบุรุษกรีกอย่างซิซิฟัส ผู้พยายามโกงความตายด้วยการจับเทพแห่งความตายมาขังไว้ จนทำให้ในช่วงเวลานั้นไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกถึงแก่ความตาย ซิซิฟัสจึงถูกลงโทษโดยเทพแห่งฮาเดสให้มีชีวิตนิรันดร์ดังที่เขาต้องการ พร้อมกับคำสาปที่ซิซิฟัสต้องกลิ้งหินก้อนใหญ่ขึ้นไปบนยอดเขาทุกวัน และเมื่อใดที่ซิซิฟัสกลิ้งหินเกือบถึงยอดเขา มันก็จะกลิ้งกลับลงมาที่ตีนเขา เขาจึงต้องเข็นหินขึ้นภูเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

มันคือความตลกร้ายของชีวิตที่ไม่ต่างจากมนุษย์ที่ใช้ชีวิตด้วยการทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามแสวงหาความหมายในชีวิต แต่กลับพบว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความไร้เหตุผลและหมุนวนผ่านระบบทุนนิยมในทุกอณูของการใช้ชีวิต

  “การไร้ความหมายนั่นแหละคือชีวิต” อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส เจ้าของแนวคิดปรัชญาไร้สาระ (Absurdism) มองว่ายิ่งเราเผชิญหน้ากับความจริงและยอมรับว่ามันไร้ความหมายได้เร็วเท่าไหร่ เรายิ่งจะได้เป็นอิสระจาการดิ้นรนตามหาความหมายใดๆ ได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องสร้างคำอธิบายใหญ่โตเพื่อบอกว่าชีวิตมีความหมาย

เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว

ก่อนที่จะมาเป็นนักวิทยศาสตร์สติเฟื่อง ติดเหล้า มีนิสัยหยาบกระด้าง บ้าบิ่น พูดจาขวานผ่าซาก และก่ออาชญากรรมมานับไม่ถ้วนอย่าง ‘ริก c-137’ เขาได้เผชิญกับการสูญเสียครอบครัวจากมิติเดิม โดยตัวเขาเองที่มาจากมิติอื่น หรือก็คือ ‘ริก ไพร์ม’ ที่ฆ่าภรรยา กับลูกสาวของเขา เนื่องจากเขาไม่ยอมรับข้อเสนอการอัปเกรดปืนข้ามมิติเพื่อที่เหล่าริกจะได้เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในจักรวาล เพราะเขาพอใจในชีวิต และพร้อมจะวางมือจากวงการวิทยาศาสตร์

นับตั้งแต่นั้นมาเป้าหมายหนึ่งเดียวในชีวิตของริกจึงเป็นการตามล่าเจ้าริก ไพร์ม และลากคอมันมาลงนรกให้ได้ ระหว่างนั้นเขาได้เข้าร่วมกลุ่มกบฏกับสหาย เพื่อต่อสู้กับสหพันธ์กาแล็กซี องค์กรที่ล่าอาณานิคมทั่วจักรวาล และได้สังหารตัวเองจากมิติอื่นๆ ไปมากมายเพื่อตามล่าหาตัวฆาตรกร 

  การกระทำของริก c-137 เลื่องชื่อลือชาไปทั่วว่าเป็นภัยกับริกในมิติอื่นเป็นอย่างมาก นอกจากจะต้องระวังพวกสหพันธ์กาแล็กซีที่มองว่าริกจากทุกมิตินั้นเป็นตัวอันตราย ยังต้องระวังริก c -137 อีกด้วย เหล่าริกที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ขอร้องให้ริก c-137 เซ็นสัญญาสงบศึก ริกที่เริ่มหมดอาลัยตายอยากจากการตามหาฆาตรกรจึงยอมร่วมมือกับเหล่าริก สร้างสภาริก และรวมตัวริกจากทุกมิติในที่เดียวกันเรียกว่า The Citadel  อีกทั้งยังเป็นหลุมหลบภัยจากศัตรูหลักอย่างสหพันธ์กาแล็คซีของพวกเหล่าริกอีกด้วย

  สิ่งสำคัญที่ทำให้ริกรอดตัวจากการตรวจจับของศัตรูได้ทุกครั้งคือคลื่นพลังสมองของมอร์ตี้ เพราะเป็นคลื่นสมองที่โง่ที่สุดของจักรวาล ซึ่งสร้างความขัดแย้งกับคลื่นสมองที่ฉลาดที่สุดของริก ทำให้อำพรางคลื่นสมองริกจากศัตรูได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมริกและมอร์ตี้ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

ขอบคุณภาพจาก https://screenrant.com/rick-morty-photo-season-5-citadel-plot-hole/

เมื่อเหล่าริกรู้จึงสร้างสถานการณ์ให้เบ็ธกับเจอร์รี่ในหลายๆ มิติตกหลุมรัก และมีลูกด้วยกัน เพื่อที่มอร์ตี้จะได้เกิดมาเป็นลิ่วล้อของตัวเอง ภายหลังพวกเขาเจอวิธีที่รวดเร็วและยั่งยืนกว่าคือการเอาดีเอ็นเอของมอร์ตี้มาวิจัย เพื่อสร้างมอร์ตี้แบบไม่จำกัด ที่อัดความทรงจำปลอมเกี่ยวกับริกและแจกจ่ายให้กับริกแต่ละมิติทั่วจักรวาล 

ริก c-137 ที่เริ่มปลงในชีวิต และกินเหล้าไปวันๆ ได้พาตัวเองไปอยู่ในมิติของริก ไพร์ม ฆาตกรที่ฆ่าครอบครัวของเขา และใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวสมิธในมิตินั้น เพื่อเฝ้ารอการกลับมาของริก ไพร์มอย่างเงียบๆ

  วันแล้ววันเล่า ริก ไพร์มก็ไม่โผล่หัวมา ความหวังของเขาริบหรี่ลงเรื่อยๆ ในที่สุดเขากลายเป็นคนไม่เอาไหนโดยสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตไปกับการผจญภัยกับมอร์ตี้และครอบครัวสมิธในมิตินี้ แต่ในใจลึกๆ เขาหวังว่าการตามล่าฆาตรกรที่ฆ่าครอบครัวของเขาจะจบลงเร็วๆ นี้

“Wubba lubba dub dub!”  

ฉันเจ็บปวดมาก โปรดช่วยฉันด้วย

วลีติดปากของริกที่หลุดออกมาบ่อยๆ ในระหว่างการผจญภัย แต่การใช้เวลาร่วมกับหลานๆ ทำให้เขาเริ่มจะมีความสุขได้อีกครั้ง 

ในวันที่เบ็ธและเจอร์รี่ออกไปข้างนอก พวกเขาแอบจัดปาร์ตี้เชิญชวนคนมาร่วมทั้งจักรวาล อย่างสนุกสุดเหวี่ยงจนบ้านพังเละเทะ ริกได้หยุดเวลาเพื่อทำความสะอาดก่อนที่เบ็ธและเจอร์รี่จะกลับมา พวกเขาใช้เวลาในการตกแต่งบ้าน ซื้อของในเมือง และดูทีวีร่วมกับหลานทั้งสอง

“ริกฮะ ช่วงที่ผ่านมาผมไม่ได้ยินตาพูดวับบาลับบาดั๊บดั๊บ เหมือนที่ชอบพูดบ่อยๆ เลยนะ” มอร์ตี้ถามริก

“ไม่จำเป็นหรอก ตามีคำติดปากใหม่”

“ว่าอะไรเหรอฮะ ริก”

“ตารักหลานๆ ไง” ซัมเมอร์ และมอร์ตี้เข้าไปกอดริก

“บ้า ตาล้อเล่น คำพูดติดปากของฉันคือฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น”

ก่อนที่ริกจะเปิดเพลง ลุกขึ้นเต้นส่ายสะโพกโยกย้ายไปกับหลานๆ จนจบตอน

ขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=ytt6Uz5hc_c

แม้ว่าเรื่องราวการผจญภัยของริกและมอร์ตี้จะเต็มไปด้วยคำถาม ความเจ็บปวด และความไร้สาระของการมีอยู่ที่หาคำตอบไม่ได้ แต่การเลือกที่ช่างมันและใช้ชีวิตต่อไปก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เสียหายอะไรนัก

อย่างน้อยการที่พวกเขาหัวเราะ ร้องไห้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สวยงามนั้นถือเป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง 

เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าการไม่รู้ว่าเรามีอยู่ทำไม คือการมีอยู่โดยที่ไม่มีคนคอยอยู่เคียงข้างต่างหาก

อ้างอิง

วินทร์ เลียววาริณ. (24 มกราคม 2566). โลกไร้สาระ และชีวิตมนุษย์ก็ไร้สาระ. เรียกใช้เมื่อ พฤศจิกายน 2567 จาก Blockdit: https://www.blockdit.com/posts/61ea3b2f03d4a33ff6a26c12

Dek-D Team. (14 ธันวาคม 2564). สรรพสิ่งบนโลกมีอยู่จริงไหม? ร่วมหาคำตอบกับ ‘Nihilism’ แนวคิดชีวิตว่างเปล่าไร้จุดหมาย. เรียกใช้เมื่อ พฤศจิกายน 2567 จาก Dek-D: https://www.dek-d.com/studyabroad/59202/

กฤษฎิญา ไชยศรี. (19 พฤษภาคม 2567). หินแห่งความสุข เบเกิลแห่งความสูญสิ้น: สำรวจ 3 ปรัชญาที่ซ่อนอยู่ใน Everything Everywhere All At Once. เรียกใช้เมื่อ พฤศจิกายน 2567 จาก groundcontrolth: https://groundcontrolth.com/blogs/philosophy-in-everything-everywhere-all-at-once

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
4
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0
Writings

ภาษารุนแรงในเพลงร็อก: ศิลปะ การต่อต้าน หรือแค่คำหยาบ

เรื่อง: ณฐนนท์ สายรัศมี ภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ หากดนตรีคือกระจกสะท้อนสังคม เพลงร็อกก็คงเป็นกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ บาดคม ท้าทาย และไม่เคยเลือกแสดงเพียงด้านที่งดงาม  ภายใต้เสียงกีตาร์อันกระหึ่ม เสียงกลองที่ดุดัน และน้ำเสียงของนักร้องที่มักเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ เกลียด หรือผิดหวัง ...

Writings

มากกว่าแค่ลวดลาย รอยสักที่บอกเล่าเรื่องราว อัตลักษณ์ และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป

เรื่อง : ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร ภาพประกอบ : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ จากภาพลักษณ์ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนบางกลุ่ม ปัจจุบัน ‘รอยสัก’ ได้กลายปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบนร่างกายของนักแสดงชื่อดัง นักกีฬา ศิลปิน ...

Writings

Graffiti ศิลปะแห่งการต่อสู้ไม่รู้จบ

เรื่องและภาพ : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ เพราะไม่ว่าจะต้องสู้กับใคร ศิลปะจะคงอยู่ข้างผู้คนเสมอ… ภาพวาดที่มีมากกว่าความสวยงาม และแฝงไว้ด้วยความคิดอย่างเต็มเปี่ยมจึงสามารถพาผู้ชมย้อนกลับไปมองไปปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมต่างๆ ได้ทุกขณะ  ดังนั้น เมื่อกำแพงกลายเป็นแคนวาส สีสันฉูดฉาดที่พ่นลงไปเป็นตัวแทนการแสดงออกทางความคิด กราฟิตี้ (Graffiti) ศิลปะที่คนส่วนใหญ่มองว่าขบถ ...

Writings

จดหมายถึงบ้านใหม่

เรื่องและภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ที่อยู่จัดส่ง บ้านใหม่ ถึง บรรพบุรุษ 30 มีนาคม 2568        นาฬิกาบอกเวลาตี 3 ได้เวลาตื่นเช้ามาช่วยหม่าม้าเตรียมของเพื่อไปเยี่ยมเหล่ากง (ทวดชาย) ...

Lifestyle

ปาจื่อ: เปิดรหัสลับแห่งโชคชะตาด้วยศาสตร์จีนโบราณ

เรื่อง: ณฐนนท์ สายรัศมี ภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตของคุณถูกกำหนดไว้แล้ว? ทำไมบางคนเกิดมาพร้อมความโชคดี ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่บางคนต้องดิ้นรนอย่างหนัก แผ่นดินก็ไหวพร้อมกัน แต่ห้องเราพังห้องเดียว เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบุคลิก นิสัย ...

Art & Culture

วิปลาส เมื่อความเชื่อนำไปสู่โศกนาฏกรรม

เรื่อง : ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร และ สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพประกอบ : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ “แม่ทำหนูทำไม อย่าทำหนูเลย” เสียงร่ำไห้ของเด็กหญิงดังสะท้านในความมืดมิด…นี่คือเสียงจากละครเวที ‘วิปลาส ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save