เรื่อง : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ
ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา
“กลัวเธอมองว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง” พูดจบ ข้าพเจ้ามองหน้าอกแบนราบใต้ผ้าเนื้อบาง เหลือบมองบ่าไหล่ที่กว้างและหนา นึกถึงองคชาติที่อยู่กึ่งกลางร่างกาย ข้าพเจ้านึก ไม่ใช่อย่างแขยงแปลกแยก ข้าพเจ้าพอใจและรักในทุกสิ่งที่มี เมื่อหันไปมองคุณเคนต์อีกครั้ง ก็เห็นว่าหล่อนจ้องมองมาอยู่แล้ว
“แล้วเธอเรียกตัวเองว่าอะไรล่ะ” หล่อนถาม
“ผู้หญิง” ข้าพเจ้าตอบในทันที
“อย่างนั้น ฉันก็เรียกเธอว่าผู้หญิง”
LADYS (ลาดิด)
จากหนังสือ Ms. Kent and Me คุณเคนต์และข้าพเจ้า
สำนักพิมพ์แซลมอน
“ข้าพเจ้า” ตัวละครไม่ระบุเพศ ไม่ระบุวัย และไม่ระบุอาชีพ ปล่อยให้จินตนาการของนักอ่านลื่นไหลไปตามตัวอักษร เป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกประกอบสร้างผ่านปลายปากกาของ “ลาดิด – ณชนก ยุวภูมิ”นักเขียนอิสระ วัย 26 ปี
ลาดิดโลดแล่นอยู่ในแวดวงนิยายแซฟฟิก (หญิงรักหญิง) ถ่ายทอดความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เลสเบียน ด้วยความเชื่อที่ว่า “คนบางคนก็รอเห็นตัวเองอยู่บนหน้าวรรณกรรมเหมือนกัน”
01: ABOUT LADYS
ทำไมต้องชื่อ “LADYS”
ก่อนหน้านี้มันมาจาก Lady’s Lady เราเพิ่งมาเปลี่ยนเป็น LADYS ด้วยความที่อัตลักษณ์ทางเพศของเรามันค่อนข้างลื่นไหล และเรารู้สึกว่า Lady’s Lady กับ ณชนก มันดูเป็นคนละคน
ความจริงในศัพท์แพทย์หลายๆ คำ “DYS” มันคือความผิดปกติ มันให้ความรู้สึกว่า นี่คือความผิดพลาดหรือเปล่า (หัวเราะ) และ LADYS มันดูไม่ชาย ไม่หญิง และก็อาจจะไม่ใช่คนด้วยซ้ำ เป็นอะไรที่กลางมากๆ เลยเอามาใช้
อะไรในงานเขียนของคุณที่ตะโกนคำว่า “LADYS” ออกมา
เวลานักอ่านมาบอก เขาจะบอกว่านิยายเราใจดี
สำหรับเรา การจบที่ใจดีไม่ได้แปลว่าตัวละครต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าให้เรามองนิยายตัวเอง เรารู้สึกว่าตัวละครของเรามัน Drive ด้วยความเป็นมนุษย์ ซึ่งมนุษย์มันเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งความกังวล หรือความสุขที่ก็ไม่ได้สุขขนาดนั้น และการที่เรามองมนุษย์เป็นมนุษย์ อันนั้นคือความใจดี
สไตล์การเขียนแบบ “LADYS” ทำให้นักอ่านเข้าถึงยากใช่ไหม
ถูกต้อง เราชอบการเขียนแบบ “กระแสสำนึก”* มาก มากๆ (ลาดิดย้ำ) เรารู้สึกว่ามันเป็นการเขียนที่แสดงความเป็นมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดและความรู้สึกในหัว
ความจริงกระแสสำนึกมันเป็นการใช้คำที่เปลือง คุณก็แค่พูดออกมาตรงๆ ก็ได้หรือเปล่า แต่มนุษย์มันมากกว่านั้นไง เราไม่ได้พูดถึงก้อนหินนี่
* การเขียนแนวกระแสสำนึก (Stream of Consciousness) เป็นวิธีการเล่ารูปแบบหนึ่ง ที่จำลองกระแสความคิดและความรู้สึกของมนุษย์ ซึ่งไม่หยุดนิ่ง ไหลไปเรื่อยๆ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเสี้ยววินาที ตามประสบการณ์ที่เคยรับรู้ นักเขียนแนวกระแสสำนึก เช่น เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf), เจมส์ จอยส์ (James Joyce) และ ฟรันซ์ คาฟคา (Franz Kafka)
แล้วไม่กังวลว่าคนจะไม่อ่านเหรอ
เราเขียนแซฟฟิกอยู่แล้ว ถ้ากะจะแมสไปทำอย่างอื่นนานแล้วเปล่า มันเป็นงานฝั่งที่เราทำเพื่อ Legacy เราไม่ต้องการให้พอตายไปแล้ว มีคนขุดงานมาอ่านแล้วเขารู้สึกแบบ ทำไมงานมันเป็นอย่างนี้วะ เราเลยทำในแบบที่เราอยากทำ
ถ้าบอกว่าอยากอ่านนิยายยูริ ผู้หญิงสวยสองคน แบบ “ผู้หญิง” มีให้อ่านเต็มเลย เยอะมากๆ ซึ่งมันเป็นข้อดีของคนที่ชอบหรือเห็นตัวเองทับกับคนที่ตรงตามบิวตี้สแตนดาร์ด…แต่ว่าเราไม่เห็นตัวเองในนั้น
02: LADYS IS FLUID
ความยากง่ายของการสร้างตัวละครที่มีความลื่นไหลทางเพศ
เราเป็น Non-Binary (ไม่นิยามเพศตัวเองว่าเป็นหญิงหรือชาย) และ Pansexual (ไม่ยึดติดกับเพศของอีกฝ่าย) เพราะฉะนั้นความยากที่จะเขียนเรื่องความลื่นไหลทางเพศ สำหรับเราไม่มี ส่วนความง่ายคือพอดีว่าเราเป็น ถ้ายากหน่อยคือในบางมิติเราไม่ได้รู้ไปทั้งหมด โดยเฉพาะมิติใดก็ตามที่ทับกับความเป็นแม่ ความเป็นผู้ให้กำเนิด เรายังไปไม่ถึง เพราะเรายังมองภาพตัวเอง ณ จุดๆ นั้นไม่ออก
ช่วยยกตัวอย่างตัวละครของคุณที่คิดว่าแปลกใหม่ในแวดวงนิยายแซฟฟิกหน่อย
ตัวละคร “ข้าพเจ้า” ตัวละครซึ่งไม่ระบุชื่อ จากเรื่อง “Ms. Kent and Me คุณเคนต์และข้าพเจ้า” สารตั้งต้นแรกที่เราเขียนขึ้นมาคือช่วงนั้นมีสิ่งที่เรียกว่า “สาวดุ้น” ในวงการนิยายยูริ คือตัวละครที่มีอวัยวะเพศแบบเพศชายทางการแพทย์หรือองคชาติ ซึ่งถ้าเป็นเรา (อ่าน) เราจะเซ็ง หมายความว่าอาจมีคนที่เป็นทรานส์วูแมน (ชายที่แปลงเพศหรือมองตัวเองเป็นหญิง) ที่เขาเห็นแล้วมันสะกิดใจแบบ ฉันมีแบบนี้ แต่ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็น “ผู้หญิง” เหมือนกัน เราเลยอยากเขียนอะไรที่ทำให้คนอ่านรู้สึกชอบตัวละครนี้ไปแล้ว โดยที่ไม่รู้ว่าใต้ผ้าเขามันเป็นอะไร เพราะฉะนั้นการบรรยายตัวเองว่าข้าพเจ้ามันเลยดูเป็นกลาง
อีกตัวละครหนึ่งคือ “เจ๋” จากเรื่อง “Orlando in a Glimpse หากเล่าถึงออร์ลันโด” ณ วันที่เริ่มเล่า เจ๋เป็นทรานส์แมนที่มองตัวเองเป็นผู้ชาย เขาเล่าย้อนกลับไปในวันที่มองตัวเองเป็นทอมคนหนึ่ง ซึ่งตลอดเรื่องเขาจะเรียกตัวเองว่า “ผม” แต่ตอนที่เขาพูดกับคนอื่นเขาจะพูด “ค่ะ” มันลื่นไหล และเราก็เรียกนิยายเรื่องนี้ว่าแซฟฟิก เจ๋ได้เจอกับคนคนหนึ่งชื่อ “ออร์ลันโด” ซึ่งเป็นผู้ชาย แต่อยากเป็นผู้หญิง และเจ๋ชอบออร์ลันโด บางครั้งเจ๋ก็มองเห็นออร์ลันโดเป็นผู้หญิง และยังชอบออร์ลันโดอยู่ มันมีความลื่นไหล
เราต้องการตัวละครที่เหมือนเรา (หัวเราะ) เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ณ วันพรุ่งนี้เราจะอยากเป็นอะไร และคนที่เราชอบจะเป็นอะไร เราเลยอยากสร้างตัวละคร 2 ตัวนี้ขึ้นมา
03: LADYS’S UTOPIA
กระแสตอบรับของงานเขียน ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร
ถ้าถามว่ากระแสตอบรับมันมากพอให้เราทำเป็นอาชีพได้ไหม คือทำได้ เพราะว่าทุกวันนี้ก็ทำอาชีพเดียว แต่เรามีหลายนามปากกามาก มันกระจายอยู่ในตลาดและรวบรวมพลัง (เงิน) กัน ความใฝ่ฝันของเราคือกำจัดทุกอันทิ้งให้เหลือแค่ LADYS โดยที่มันเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งทุกวันนี้ยังทำไม่ได้
กลุ่มเป้าหมายเรายังไม่มากพอ ยังคงตามหาอยู่ เราต้องการคนมากกว่านี้ สมมติเราบอกว่า เราอยากทำซีรีส์เหมือนกันนะ…แต่มันยังทำไม่ได้ ด้วยแนวการเขียนมันยัง (คิดคำพูด) พูดเป็นภาษาทุกวันนี้ มันยัง “ไม่ฟิน” เข้าใจได้แต่ก็ยังพยายามหาตลาดอยู่
แล้วอะไรคือแพสชันในการเขียนต่อไป
งานเขียน…ถ้ามันไม่ดัง งานมันก็จะตายไปกับเรา แต่ถ้าสมมติว่ามันดัง มันจะเป็น Legacy อย่างนามปากกา LADYS เรามองมันในฐานะ Legacy ของตัวเราเอง ซึ่ง Legacy มักจะไม่ได้เงิน (หัวเราะ)
เราไม่ใช่คนดังที่เปิดพอดแคสต์ขึ้นมาช่องหนึ่ง พูดเรื่องราวของตัวเองแล้วจะมีคนมาฟัง แต่ถ้ามันอยู่ในนิยาย อย่างน้อยมันมีคนอ่าน การที่พยายามให้ตัวละครมีความหลากหลายและความลื่นไหลทางเพศแบบตัวเราเอง เราคิดว่าคนบางคนก็รอเห็นตัวเองอยู่บนหน้าวรรณกรรมเหมือนกัน เราเลยรู้สึกว่ามันมีความหมายกับการเขียนของเรา โดยที่ไม่ขึ้นกับตัวเงิน
คิดว่าอะไรที่จะทำให้นิยายแซฟฟิก “ส่งเสียง” ได้ดังขึ้น
งานแซฟฟิกมันยังตีพิมพ์โดยนักเขียนอิสระเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนักเขียนอิสระเสียงเบามากนะ ถ้าถามว่าวรรณกรรมแซฟฟิกมันจะบูมขึ้นได้ยังไง ในฐานะนักเขียนเราคิดว่า ถ้าสำนักพิมพ์ที่ใหญ่มากพอมาจับ มันจะดีกว่านี้ ในวงการวรรณกรรม พอทำให้มันดังขึ้นแล้ว เงินทุนก็จะเริ่มมา บางคนที่เขาเขียนฝั่งยูริโรแมนซ์หนักๆ เขาอาจจะอยากเขียนอย่างอื่นเหมือนกันก็ได้ แต่ว่ามันขายไม่ได้ เขาจะเขียนทำไม
ถ้าเงินมันไหลเข้ามาให้นักเขียนมากพอที่จะเห็นว่า ต่อให้ฉันเขียนแนวนี้มันก็น่าจะขายได้เหมือนกันนะ มันก็จะไหลไปเอง มันไม่ควรเป็นแบบในหัวเราตอนนี้ที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะดังแน่เลย แต่ก็เขียนอยู่ดี มันค่อนข้างเศร้า
สรุปแล้วการสร้างตัวละครที่มีความลื่นไหลทางเพศสามารถสร้างอิมแพกต์ให้สังคมได้ไหม
เรารู้สึกว่าสิ่งใดปรากฏอยู่ในสื่อมากพอ สิ่งนั้นจะโดนทำความเข้าใจไปเอง พอมันมีวรรณกรรม หรือสื่ออื่นๆ ให้เราได้เลือกเสพมากพอ เราจะเข้าใจความเจ็บปวด โดยที่เราไม่ต้องไปร่วมเป็นผู้เจ็บปวด
ถ้าเราปล่อยให้สื่อที่มีแต่ Cisgender, Heterosexual, Straight* ครองโลกและไม่มีพื้นที่ของเรา มันก็แค่นั้น แล้วใครจะมาเข้าใจเรา
* Cisgender คือ ผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศสอดคล้องกับเพศกำเนิด
Heterosexual คือ ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศและรู้สึกดึงดูดทางเพศต่อเพศตรงข้าม
Straight คือ ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศตรงกับขนบธรรมเนียมและหลักศาสนา
ให้สัมภาษณ์ ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2023
ขอร่วมแสดงความยินดีกับนามปากกา “LADYS” และ “สำนักพิมพ์ลาดิดและมูนสเคป” สำหรับผลงานนิยายแซฟฟิกจำนวน 2 เล่ม ทั้ง “Orlando in a Glimpse หากเล่าถึงออร์ลันโด” และ “Take a Sip, Apocalypse หนนั้นวันโลกแตก” ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าจัดแสดงในส่วนนิทรรศการภายใต้ธีม “Borderless ไร้พรมแดน” ในงาน “Taipei International Book Exhibition 2024” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ 2024 ณ เมืองไทเป ไต้หวัน
รายการอ้างอิง
LADYS. (2565). Ms.Kent & Me คุณเคนต์และข้าพเจ้า. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แซลมอน.
NGThai. (17 พฤษภาคม 2562). หลากหลายโฉมหน้าของเพศสภาพในปัจจุบัน. เข้าถึงได้จาก ngthai: https://ngthai.com/cultures/2540/gender-diversity-in-current/