เขียน: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ

รปภ.ร้องการดูแลความปลอดภัยหอพักหญิง มธ. ทำได้ไม่ทั่วถึง เหตุกำลังพลไม่เพียงพอ พบบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่และมีการแจ้งของหายอย่างต่อเนื่อง ด้านนักศึกษาแสดงความกังวลถึงความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่หอพักหญิงภายในมธ. โซน C เวลาประมาณ 22.40 น. จากกลุ่มสนทนาแอปพลิเคชันไลน์ (Line) ของหอพักหญิงฯ พบเหตุการณ์ นักศึกษาหญิงที่อาศัยอยู่ภายในหอพักฯ พาบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ชายขึ้นไปยังห้องพัก ซึ่งเป็นการละเมิดกฎของหอพักฯ และสร้างความไม่สบายใจให้กับนักศึกษาหญิงอีกหลายรายที่อาศัยร่วมภายในหอพักหญิงฯ ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
เอ (นามสมมติ) รปภ. ของหอพักหญิงฯ ที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า อาคารที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของตนเอง แต่รปภ. ที่รับผิดชอบความปลอดภัยของอาคารนั้น ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ เนื่องจากในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกันมีเหตุบุคคลภายนอกเข้ามาขโมยของภายในหอพักหญิง บริเวณจุดวางของสำหรับส่งพัสดุ จึงอยู่ระหว่างการเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรคลองหลวงเพื่อแจ้งความในกรณีดังกล่าว ต่อมาเมื่อสัญญาณประตูหนีไฟภายในอาคารดังขึ้น รปภ.ประจำอาคารที่อยู่ในสภ.คลองหลวงขณะนั้นจึงติดต่อให้เธอเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด และพบว่ามีนักศึกษาหญิงลักลอบพาผู้ชายซึ่งเป็นบุคคลภายนอกขึ้นอาคาร
เอ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่านักศึกษาหญิงและบุคคลภายนอกในกรณีดังกล่าวสำรวจประตูหนีไฟเป็นเส้นทางในการออกจากตึก เพราะผู้ชายได้เดินลงไปทางหนีไฟ ก่อนที่จะกลับขึ้นมาใหม่เพื่อเข้าห้องพัก และไม่ออกมาป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เธอได้ขึ้นไปตรวจสอบภายในห้อง พบว่าบุคคลภายนอกนั้นไม่ใช่นักศึกษาของมธ. และมีแผนว่าจะพักอยู่ภายในหอพักหญิงฯ เป็นเวลา 3 วัน เธอจึงได้แจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักหญิงฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
เอ กล่าวว่า กรณีนักศึกษาหญิงลักลอบพาบุคคลภายนอกขึ้นอาคาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง หรือบุคคลต่างเพศ เกิดขึ้นทุกภาคการศึกษา ในอดีตพบไม่บ่อยครั้ง แต่ในปัจจุบันไม่สามารถระบุจำนวนครั้งได้ เพราะการลดขนาดจำนวนรปภ. ประจำหอพักหญิงฯ เหลือเพียง 1 คน ต่อ 2 อาคาร “เมื่อก่อนเรา (รปภ.) ก็จับได้ทัน ไม่เหมือนทุกวันนี้ เพราะว่าดูแลคนละ 2 ตึก ส่วนมากถ้าพี่ดูตึกหนึ่ง อีกตึกเห็นว่ารปภ. ไม่อยู่ก็พากันขึ้นไป แล้วพอกลับไปตึกนั้น น้อง (นักศึกษาหญิงและบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ชาย) ก็ลงมากันแล้ว”
เอ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายใหม่ที่กำหนดให้รปภ. 1 คน ดูแล 2 อาคาร และนั่งดูแลประจำนอกอาคาร ทำให้กำลังพลไม่เพียงพอ จึงอยากเรียกร้องให้สำนักงานบริหารทรัพย์สินฯ กลับมาเพิ่มกำลังพลเป็น 1 คน ต่อ 1 อาคาร เช่นเดิม เนื่องจากดูแลได้ไม่ทั่วถึง และนักศึกษาบางส่วนยังไม่สามารถติดต่อรปภ. ได้ในกรณีฉุกเฉิน อย่างเช่นการติดอยู่ภายนอกระเบียง ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า อีกทั้งยังไม่เคยได้รับคำอธิบายจากสำนักงานบริหารทรัพย์สินฯ ถึงสาเหตุการลดกำลังพล
บี (นามสมมติ) นักศึกษาหญิง ชั้นปี 3 ผู้อาศัยอยู่ภายในหอพักฯ โซน C อาคารที่เกิดเหตุ กล่าวว่า กรณีนักศึกษาหญิงลักลอบพาผู้ชายขึ้นอาคารพบเป็นครั้งคราว ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็เคยเกิดกรณีเช่นนี้แล้วครั้งหนึ่ง โดยนักศึกษาร่วมอาคารกล่าวว่าห้องพักที่เกิดเรื่องขึ้นในครั้งนั้น มีการพาผู้ชายคนเดิมขึ้นห้องพักแล้วหลายครั้ง และจากการที่เกิดกรณีนี้ซ้ำ ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจกับการชีวิตในหอพักหญิงฯ
“เวลาได้ยินเสียงผู้ชายจะเริ่มสงสัยว่าเป็นช่าง หรือคนที่ลักลอบเข้ามา และส่งผลให้รู้สึกว่าไม่กล้าใช้ชีวิตในห้องตัวเองด้วย แค่อาบน้ำยังไม่กล้า เพราะว่าถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ช่าง แล้วเขาเป็นใคร จะมาทำอะไรที่ไม่ปลอดภัย หรือเป็นอันตรายต่อเราหรือเปล่า” บีกล่าวและว่า ระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ก็ยังไม่รัดกุม เช่นระบบสแกนหน้าขึ้นอาคารที่สามารถนำรูปภาพไปสแกนได้ หรือระบบสแกนหน้าเข้าโซนหอพักฯ หลังสี่ทุ่ม ที่คนที่ไม่ได้พักอยู่ภายในโซนหอพักฯ ก็สามารถสแกนเข้าได้ในบางครั้ง อีกทั้งยังเกิดกรณีพัสดุหรืออาหารหายอยู่บ่อยๆ
ซี (นามสมมติ) นักศึกษาชาย ชั้นปีที่ 3 ผู้อาศัยภายในหอพักชายภายในมธ. โซน M กล่าวว่า กังวลเรื่องความปลอดภัยของหอพักชายฯ เช่นกัน เพราะในช่วงกลางวันคนนอกสามารถเข้าไปเดินในบริเวณหอพักชายฯ ได้ โดยไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรรองรับ นอกจากรปภ. ส่วนตอนกลางคืนที่ใช้ระบบสแกนหน้าก่อนเข้า ก็สามารถใช้รูปภาพสแกนได้ หรือบางครั้งคนนอกก็สามารถสแกนเข้าไปได้ จึงตั้งคำถามกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความหละหลวม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลในกลุ่มสนทนาแบบเปิด (Line Openchat) พบว่า นอกจากปัญหาเรื่องนักศึกษาหญิงลักลอบนำผู้ชายขึ้นหอพักหญิงฯ ปัญหาของหาย และเครื่องใช้เสียหาย ยังมีปัญหาเรื่องครัวกลางเสียงดังในยามวิกาล ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของนักศึกษาภายในหอพักฯ โดยการแก้ปัญหามีเพียงแค่การตักเตือนเท่านั้น ทำให้ปัญหายังเกิดขึ้นซ้ำอยู่เป็นระยะ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของหอพักนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่สำนักงานบริหารทรัพย์สินฯ ในวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อขอสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น และนโยบายการแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับจนถึงเวลาที่รายงานชิ้นนี้เผยแพร่