เรื่อง : สิทธิเดช สายพัทลุง
Spoiler Alert: บทความชิ้นนี้มีการสปอยเนื้อหาของ ‘Dandadan’
สิ่งลี้ลับนั้นอยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน จนก่อเกิดความเชื่อมากมายไปทั่วโลก ตั้งแต่ภูตผี ปีศาจ สัตว์ประหลาด ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตต่างดาว ซึ่งบางอย่างยังคงไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบในปัจจุบัน แต่บางส่วนก็โดนลบล้างไปด้วยพลังของ ‘วิทยาศาสตร์’
กระทั่ง ‘กอริลลา’ เองก็เคยเป็นหนึ่งสิ่งลี้ลับ ที่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตทั่วไปจากการพิสูจน์ด้วยความสามารถของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน แต่แม้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าแค่ไหน สิ่งลี้ลับบางส่วนก็ยังไม่สามารถอธิบายด้วยหลักเหตุผลได้อยู่ดี เช่น ‘ไสยศาสตร์’
‘ไสยศาสตร์’ และ ‘วิทยาศาสตร์’ จึงกลายเป็นขั้วตรงข้ามของกันและกันไปโดยปริยาย ที่แม้จะผ่านมานานกว่าหลายร้อยปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปของความขัดแย้งนี้ได้
และในวันหนึ่ง สิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อเล่าขานถึงเรื่องราวการรวมกันของทั้งไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ก็เกิดขึ้น ชื่อของสิ่งนั้นคือ ‘Dandadan’
ตำนานของสิ่งลี้ลับ มักเกิดจากการเล่าปากต่อปาก
‘Dandadan’ หรือในชื่อไทย ‘ดันดาดัน’ เป็นการ์ตูนแนว Action, Romantic comedy, Supernatural thriller จากฝีมือของ ทัตสึ ยูกิโนบุ (Tatsu Yukinobu) นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตผู้ช่วยให้กับนักเขียนการ์ตูนอย่างทัตสึกิ ฟูจิโมโตะ (Tatsuki Fujimoto) ในผลงานที่ทำให้ผู้อ่านต้องรู้สึก ‘อิหยังวะ’ ในทุกตอนที่ปล่อยมาอย่าง ‘Chainsaw Man’ และยังเป็นอดีตผู้ช่วยให้ผลงาน ‘สุขาวดีอเวจี’ ของยูจิ คาคุ (Yuji Kaku) อีกด้วย
Dandadan ถูกเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ของ Shonen jump+ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 ก่อนที่จะถูกนำมารวมเล่มและวางจำหน่ายอีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคม ปีเดียวกัน และจนถึงเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2567 ก็มีการตีพิมพ์ออกมาถึง 14 เล่มเข้าไปแล้ว
ด้วยคุณภาพของงานภาพที่เรียกได้ว่า ‘งามหยดย้อย’ รวมถึงเรื่องราวที่ทำให้ผู้อ่านเข้าถึงได้ง่ายและน่าติดตาม ส่งผลให้เกิดการเล่าปากต่อปากของผู้อ่าน ไปจนถึงการแนะนำในช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ Dandadan สามารถกลายเป็นที่สนใจได้อย่างง่ายดาย โดยแทบจะไม่ต้องทำการตลาดใดๆ เลย
ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 Dandadan มียอดขายตัวเล่มไปทั้งหมด 3.2 ล้านเล่ม รวมไปถึงยอดการอ่านในเว็บทางการมากกว่า 360 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าพึงพอใจมากในตลาดการ์ตูนที่มีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
สิ่งที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างคงหนีไม่พ้น ‘โลก’ ของการ์ตูนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความน่าสนใจ จากการผสมผสานกันระหว่างสิ่งลี้ลับอย่าง ‘ไสยศาสตร์’ และสิ่งที่ใช้ต่อต้านสิ่งลี้ลับอย่าง ‘วิทยาศาสตร์’ ให้เข้ากัน พร้อมกับถ่ายทอดส่วนผสมทั้งสองนี้ออกมาได้เป็นอย่างกลมกลืน
เขาว่ากันว่า สิ่งลี้ลับไม่ชอบการถูกลบหลู่
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจาก 2 ตัวละครคือ อายาเสะ โมโมะ (Ayase Momo) เด็กสาวมัธยมปลายที่เชื่อในเรื่องผี เพราะมีคุณยายเป็นหมอผี กับ ทาคาคุระ เคน (Takakura Ken) หรือในชื่อที่โมโมะตั้งให้อย่าง ‘โอคารุน’ เด็กชายที่เชื่อในเรื่องของสิ่งมีชีวิตต่างดาว
ทั้งสองได้มีปากเสียงกันเรื่องสิ่งที่ตนเชื่อ จนเกิดการท้าพิสูจน์ขึ้น โมโมะต้องไปพิสูจน์เรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาว ส่วนโอคารุนต้องไปพิสูจน์เรื่องผี และความวายป่วงของเรื่องราวก็เกิดขึ้น เมื่อทั้งผีและสิ่งมีชีวิตต่างดาว ดันมีอยู่จริงทั้งคู่นี่สิ…
นี่คือเรื่องราวตั้งต้นที่ทำให้วงล้อชีวิตของทั้งคู่มาบรรจบกัน และแม้จะสามารถจัดการเรื่องราวความวายป่วงในตอนแรกไปได้อย่าง (ไม่ค่อยจะ) ราบรื่น ตัวขับเคลื่อนเรื่องราวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ‘ลูกป๋องแป๋ง’ ของโอคารุนดันหายไปเสียนี่
มันทำให้ทั้งโอคารุน โมโมะ และคุณยายของโมโมะ ต้องช่วยกันตามหาเจ้า ‘ลูกป๋องแป๋ง’ ของโอคารุนกลับมาให้จงได้ จนนำไปสู่การพัวพันกับเรื่องลี้ลับมากมาย
ผีน่ะ มีอยู่ทุกที่นั่นแหละ
โอคารุนที่ออกไปล่าท้าผีจากคำท้าทายของโมโมะนั้น ต้องพบเจอกับคำสาปของผียายสปีด (หรือในเรื่องเรียกกันว่า ผียายเทอร์โบ) ผีรูปร่างคุณยายที่จะวิ่งไล่คุณจนทันแม้ว่าคุณจะขับรถด้วยความเร็วสูงอยู่ก็ตาม มันทำให้เขาถูกสิงสู่และกลายร่างเป็นผียายสปีดที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว 100 km/hr
จนเมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คำสาปผียายสปีดก็ได้รับการชำระล้างและถูกดึงจิตสำนึกออกมาจากตัวของโอคารุนได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขายังคงมีพลังวิญญาณของยายสปีดฝังอยู่ในร่างกาย ทำให้เขาสามารถกลายร่างเป็นเจ้าหนุ่มเบื่อโลกที่มาพร้อมกับหน้ากากและทรงผมสุดเท่ รวมถึงใช้ความสามารถของยายสปีดที่ยังคงติดตัวเขาได้อยู่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้นั้นก็เพราะ ‘ลูกป๋องแป๋ง’ ของเขานี่แหละ ซึ่งในความเชื่อของภูตผีนั้น ‘ลูกป๋องแป๋ง’ เป็นสิ่งที่หายากและเป็นที่หมายปองเนื่องจากมีพลังชีวิตที่สั่งสมอยู่ภายใน ทำให้โอคารุนกับ โมโมะจะต้องช่วยกันตามหาให้พบ ก่อนที่ภูตผีจะขโมยไปได้
ในด้านของภูตผีนั้น นักเขียนได้นำเรื่องราวของผีในความเชื่อของญี่ปุ่นมาออกแบบใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งผียายสปีด ผีสาวกายกรรมผมสลวย หุ่นกายวิภาคในห้องวิทย์ ไปจนถึงผีสาวปากฉีก ที่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้คนอ่านถึงกับต้องน้ำตาซึมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่เพราะแบบนั้น… เอเลี่ยนถึงบุกโลกไม่ได้ไงเล่า
ในอีกด้านหนึ่งชาวดาวเซอร์โปที่กำลังประสบปัญหาในการวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ของตัวเองได้จับตัวโมโมะไป โดยหวังจะศึกษาอวัยวะสืบพันธุ์ของเธอเพื่อความอยู่รอด แต่แผนต้องมาพังลงเนื่องจากถูกขัดขวางโดยผียายสปีด (ในร่างของโอคารุน) และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้โมโมะปลดล็อคพลังจิตในตัวของเธอจนได้
สิ่งที่น่าสนใจคือการเปิดเผยว่า ‘อุปกรณ์ไล่ผี’ ที่คุณยายของโมโมะมีอยู่นั้น สามารถชำระล้างเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวได้แบบเดียวกับที่ทำกับเหล่าภูตผี อีกทั้งยังโยงไปถึงเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตต่างดาวไม่บุกมายังโลก ก็เพราะว่าไม่สามารถเอาชนะเหล่าภูตผีที่อยู่บนโลกได้นั่นเอง
“มีผลสำรวจออกมาว่า คนที่เจอปรากฏการณ์ทางวิญญาณบ่อยๆ มักเจอ UFO บ่อยเช่นกันครับ!”
หนึ่งในคำพูดของโอคารุน ในขณะที่กำลังวิ่งหนีสิ่งมีชีวิตต่างดาวอยู่
สิ่งนี้จึงยิ่งเสริมเหตุผลที่ว่า ทำไมพวกสิ่งมีชีวิตต่างดาวถึงต้องการตัว (หรืออวัยวะสืบพันธุ์) ของเหล่าตัวเอกนัก นั่นก็เพื่อนำไปศึกษาและพัฒนาให้ตัวเองสามารถต่อกรกับเหล่าภูตผีบนโลกได้ และเมื่อสำเร็จ พวกมันจะได้เข้า ‘ยึดครองโลก’ ตามแผนที่วางไว้มาอย่างยาวนานเสียที
ในด้านการเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ผู้เขียนได้สอดแทรกสิ่งลี้ลับทั้งในโลกจริงอย่าง เนสซี (Nessie, Loch Ness Monster) หรือหนอนมรณะมองโกเลีย (Mongolian Death Worm) และแบบที่ผู้เขียนสรรสร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง อย่างชาวดาวเซอร์โป (Serpo) หรือลูดริส (Ludris) ที่มีไม่ว่าจะแบบมาดีหรือมาร้าย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบหลัง)
คุณไม่เชื่อได้ แต่การดูถูกคนที่เชื่ออาจไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
ดังนั้นจะเห็นว่า แม้จะมีการผสมกันอย่างน่าสนใจของภูตผีและสิ่งมีชีวิตต่างดาวภายในเรื่อง แต่สิ่งเหล่านั้นต่างยังคงไว้ลายเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภูตผีกับความเชื่อเรื่องอารมณ์ความรู้สึกและจุดกำเนิดของชีวิต หรือเรื่องของสิ่งมีชีวิตต่างดาวกับการใช้วิทยาศาสตร์และเหตุผลในการรุกรานสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพลักษณ์ของศาสตร์นั้นๆ ที่ยังคงเด่นชัดอยู่ใน Dandadan
อันที่จริงแล้ว ในปัจจุบันที่แม้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปมากเพียงใดก็ตาม แต่ยังคงมีเรื่องราวของไสยศาสตร์อีกหลายที่ทั่วทุกมุมโลกที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์เรื่องเหล่านั้นได้ และยังคงมีอิทธิพลต่อความเชื่อของผู้คนที่หลากหลายนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนที่เชื่อ ก็ต้องมีคนที่ไม่เชื่อแบบสุดทาง และมันมักจะนำไปสู่เรื่องราวความบาดหมางที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ต่อไป ทว่าหากสิ่งที่เขาเชื่อมั่นนั้นไม่ได้ไปทำร้ายใคร เราจำเป็นต้องทำลายความเชื่อนั้นด้วยหรือ?
เพราะบางครั้ง สิ่งที่ยังไม่จริงตอนนี้ มันก็อาจเป็นจริงได้ในอนาคต แม้แต่กอริลลาเองยังเคยเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับมาก่อนเลย เพราะฉะนั้น ผียายสปีดก็อาจเป็นเพียงสิ่งลี้ลับที่ยังไม่ถูกค้นพบเฉยๆ ได้เช่นกันนี่นา…
แต่ถ้าคุณอยากจะพิสูจน์…
แอนิเมชันเรื่อง Dandadan นั้นมีประกาศฉายวันที่ 4 ตุลาคมที่จะถึงนี้ทาง Netflix โดยได้สตูดิโอแอนิเมชันอย่าง ‘Science Saru’ สตูดิโอสัญชาติญี่ปุ่นมารังสรรค์ชีวิตให้กับการ์ตูนเรื่องนี้ พวกเขาเคยมีผลงานเลื่องชื่ออย่าง ‘Devilman Crybaby’ หรือล่าสุดเมื่อปีที่แล้วอย่าง ‘Scott Pilgrim Take Off’ ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ส่วนการ์ตูนเรื่อง Dandadan ในประเทศไทยนั้นอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ ‘Siam Inter Comic’ สำนักพิมพ์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของการ์ตูนระดับตำนานอย่าง ‘One Piece’ หรือ ‘Haikyu!!’ ซึ่งปัจจุบันออกมาจนถึงเล่มที่ 15 แล้ว หากใครสนใจก็สามารถติดตามซื้อได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Siam Inter Comic ได้เลย
หากดูแอนิเมชันแล้วชอบ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจอ่านเรื่องนี้ฉบับหนังสือการ์ตูนดูสักครั้ง รับรองเลยว่าทั้งลายเส้น เส้นนำสายตา ไปจนถึงจังหวะจะโคนในการใช้หน้ากระดาษ มันจะยิ่งเสริมความสนุกของเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน