ArticlesSocietyWritings

ต้องอายุเท่าไหร่ ถึงควรจะประสบความสำเร็จ?: ชวนสำรวจนิยามความสำเร็จผ่านตัวละครหลักหลากวัยจาก Only murders in the building

เรื่องและภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี

หมายเหตุ: บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์

คุณเคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองว่างเปล่าหรือไร้ค่าบ้างไหม?

คุณเคยรู้สึกเจ็บช้ำจากความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าบ้างหรือเปล่า?

คุณเคยมองความสำเร็จของคนอื่นแล้วถามตัวเองหรือไม่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่?

หากคุณเคยรู้สึกหรือเคยถามตัวเองแบบนั้น คุณอาจเป็นเหมือนสามตัวละครหลักจาก Only murders in the building ซีรีส์คอมเมดี้ – ดราม่าสัญชาติอเมริกัน ว่าด้วยมนุษย์ต่างวัย 3 คนในอะพาร์ตเมนต์ ‘the Arconia’ ที่นอกจากจะมีจุดร่วมเดียวกันคือการชอบฟังพอดแคสต์สืบสวนเรื่องฆาตกรรมแล้ว พวกเขายังเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต จนวันหนึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในตึก พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมมือกันทำพอดแคสต์และสืบคดีที่เกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้ไขไม่ใช่แค่ปริศนาของเหตุฆาตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นนิยามของคำว่า ‘สำเร็จ’ ที่ชวนให้คนดูอย่างเราได้เรียนรู้และเข้าใจว่าแท้จริงแล้วความสำเร็จคืออะไร  

ตลอด 4 ซีซัน 40 ตอน ของซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากจะชวนเราดูฝีมือการตามล่าฆาตกรด้วยวิธีที่แสนจะพิสดารแล้ว มันยังพาเราไปสำรวจความว่างเปล่า ความหวัง และความเชื่อของตัวละครหลักทั้ง 3 ตัว อย่าง‘Charles Haden Savage’ แสดงโดย Steve Martin ‘Oliver Putnam’ แสดงโดย Martin Short และ ‘Mable Mora’ แสดงโดย Selena Gomez

.

ชาร์ลส์: คนไร้จุดหมายและโอกาสครั้งสุดท้ายในการใช้ชีวิต

ขอบคุณภาพจาก IMDb

“การอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่นะ ฉันชอบอยู่คนเดียว”

สำหรับ ชาร์ลส์ เฮเดน-ซาเวจ (Charles Haden-Savage) อดีตดาราละครทีวีวัย 78 ปี ปัจจุบันเป็นเพียงลุงแก่ๆ ที่ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวและใช้ชีวิตทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ อย่างในเรื่อง เขาทำออมเล็ตใส่พริกหยวกทุกวันเหมือนที่เคยทำให้ลูกติดที่เขารักมากของแฟนเก่ากิน ก่อนจะเทมันลงถังขยะโดยไม่แตะต้องมันสักนิดเดียว เป็นสัญญาณว่าภารกิจในหนึ่งวันของเขาหมดลงแล้ว

ตัวละครนี้เป็นเหมือนภาพสะท้อนความว่างเปล่าของชีวิตที่มีอยู่ไปวันๆ เพราะสำหรับเขาการตื่นขึ้นมายามเช้าไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรมากนัก ไม่มีอะไรต้องทำมากไปกว่าออมเล็ต ไม่มีใครต้องดูแลและเป็นห่วง มีเพียงแค่ตัวเขาเองที่ต้องอยู่กับความเหงาและความสำเร็จในอดีตที่บางครั้งก็เป็นเหมือนดาบทิ่มแทงเขาอยู่ทุกวัน เพราะทุกครั้งที่เขาหันไปเห็นโปสเตอร์ละครที่เขาเคยเล่น เขาก็ได้แต่ย้อนนึกถึงอดีตที่เคยมีชื่อเสียง แม้จะไม่ได้ดังมาก แต่ก็ยังดีกว่าปัจจุบันที่เขาเป็นแค่ดาราตกอับ ไม่มีงาน ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีความฝันหรือเป้าหมายในชีวิต

จนวันหนึ่งชีวิตเขาก็พลิกผันไป เมื่อเขาได้รู้ว่ามีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นในตึกของเขา แม้ว่าตำรวจจะปักใจเชื่อว่าเป็นเหตุฆ่าตัวตายและไม่มีอะไรต้องสืบหาต่อ อย่างไรก็ตามไม่ว่าการตายครั้งนี้จะเป็นเหตุฆาตกรรมหรือเหตุฆ่าตัวตาย แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นโอกาสในการกลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง เป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้ตื่นขึ้นมาและรู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำนอกเหนือจากออมเล็ตที่เขาไม่เคยกิน และเป็นโอกาสให้เขาได้ออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง เขาจึงเริ่มทำพอดแคสต์เพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริง

ท้ายที่สุดความพยายามก็มอบสิ่งพิเศษให้กับเขา เพราะหลังจากที่เขาสามารถไขคดีปริศนาได้ เขาก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากดาราหน้าเก่าคนหนึ่งที่เดินไปไหนมาไหนไม่มีใครรู้จักก็เริ่มกลายเป็นคนที่ถูกจับตามองอีกครั้ง แต่นั่นมันเทียบไม่ได้เลยกับความสำเร็จที่เขาได้กลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง

.

โอลิเวอร์: คนที่ล้มกี่ครั้งก็ยังมีความหวังเสมอ

ขอบคุณภาพจาก Frame.io inside

“ทำไมไม่มีใครเห็นเหมือนที่ฉันเห็น ไม่มีใครเห็นในสิ่งที่ฉันทำสักที”

โอลิเวอร์ พัตนัม (Oliver Putnam) ผู้กำกับละครเวที วัย 77 ปี อาชีพของเขากำลังอยู่ในช่วงขาลง เขาเป็นตัวละครที่สดใส ชอบแสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผย และดูมีความสุขอยู่ตลอดเวลา ทว่าลักษณะนิสัยเหล่านั้นเป็นเพียงภาพภายนอกที่คนอื่นเห็นเท่านั้น แท้จริงแล้วเขาเป็นเพียงชายแก่ที่เก็บงำความรู้สึกผิดหวังกับชีวิตที่ไม่มีใครให้ค่าหรือชื่นชมกับสิ่งที่เขาทำได้ดี

ตัวละครนี้ทำให้เราเห็นภาพของคนบอบช้ำกับชีวิตที่พยายามแค่ไหนก็ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงแค่ความหวังเล็กๆ หล่อเลี้ยงให้เขาใช้ชีวิตต่อไปได้เท่านั้น ซึ่งความหวังนั้นคือการกลับมากำกับละครเวทีอีกครั้ง หลังจากละครเรื่องล่าสุดของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า ทำให้ไม่ว่าจะเสนอบทละครใหม่กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ไม่มีนายทุนคนไหนอยากร่วมงานกับเขาอีก

จนในที่สุดเมล็ดพันธุ์ความหวังเล็กๆ ของเขาก็เติบโตขึ้น เพราะหลังจากที่ชื่อของเขากลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งหลังจากปิดคดีไปได้ถึงสองครั้ง เขาก็ได้รับโอกาสในการกำกับละครเวทีเรื่องใหม่อย่าง ‘Death rattle dazzle’ แม้ว่าโอกาสที่เขาตั้งตารอจะใช้เวลาเกือบสองทศวรรษกว่ามันจะตกมาอยู่ในมือเขา แต่สุดท้ายแล้วความหวังที่เขามีมาตลอดก็ไม่ทรยศเขาและสำเร็จเป็นความจริงเสียที

.

เมเบิล: คนธรรมดาที่ศรัทธาในตัวเอง

ขอบคุณภาพจาก BuzzFeed

“นี่ฉันทำอะไรอยู่ อายุ 30 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย”

ในซีรีส์เราจะเห็น เมเบิล โมรา (Mable Mora) เป็นหญิงสาวธรรมดาวัย 30 ปี ที่ภายนอกดูเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ และดูไม่เป็นมิตรมากนัก แต่นั่นเป็นแค่เพียงเครื่องมือป้องกันตัวเองจากสังคมที่ใจร้ายกับเธอ เพราะตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นว่าคนรอบตัวของเมเบิลคอยแต่ตั้งคำถามกับเธอว่าเมื่อไหร่เธอจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับชีวิตบ้าง เธอจึงเป็นคนไม่ค่อยนิ่งๆ ไม่ค่อยเปิดใจกับใครง่ายๆ

เมเบิลที่เราได้เห็นในเรื่องจึงเป็นผู้หญิงที่สงสัยในตัวเองตลอดเวลาว่าเธอควรทำอะไรกับชีวิต เพราะแม้ว่าเธอจะทำพอดแคสต์ได้ดี แต่คนรอบข้างเธอตั้งแต่ป้าเพื่อนบ้านในตึก ไปจนถึงแม่ของเธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอทำอยู่มันคืออะไร แต่ยิ่งคนอื่นสงสัยในตัวเธอมากเท่าไหร่ เธอยิ่งเชื่อมั่นและยิ่งพิสูจน์ตัวเองมากขึ้นว่าสิ่งที่เธอทำอยู่อย่างการทำพอดแคสต์สืบหาฆาตกรคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ในช่วงเวลานี้

จนวันหนึ่งเธอได้เข้าประชุมบทกับค่ายหนังใหญ่ที่มาขอซื้อลิขสิทธิ์พอดแคสต์ของเธอและเพื่อนๆ ไปทำภาพยนตร์ แต่เมื่อเธอได้ฟังคำอธิบายตัวละครของเธอ เธอกลับรู้สึกไม่ดีมากๆ เพราะบทดังกล่าว เขียนให้เธอดูเป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิต เธอจึงออกมาคิดทบทวนตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมันไม่สำคัญเลยว่าคนอื่นจะมองเธอยังไงหรือว่าบทภาพยนตร์จะสะท้อนตัวตนของเธอออกมาแย่แค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วเธอยังเชื่อว่าตัวเองมีค่ามากกว่าที่คนอื่นมอง อีกทั้งยังมีค่ามากพอจะทำให้เธอเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์จากค่ายหนังเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งท้ายที่สุดค่ายหนังก็ตกลงรับข้อเสนอ และนั่นก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเธอประสบความสำเร็จได้ตราบใดที่เธอเชื่อมั่นต่อตัวเองและต่อสิ่งที่ทำมาตลอด

.

ไม่ว่าจะสำเร็จช้าหรือเร็ว มันก็ล้วนเป็นความสำเร็จทั้งนั้น

ขอบคุณภาพจาก PureWow

สำหรับผู้เขียนตัวละครทั้งสามเป็นเหมือนภาพสะท้อนชีวิตจริงของมนุษย์ที่ต้องอยู่ภายใต้เส้นมาตรฐานของสังคมที่กำหนดให้เราต้องดิ้นรน แข่งขัน และทะเยอทะยาน เพื่อความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยหรือประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน 

ทั้งที่จริงแล้วคนเราต่างก็ต้องลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานกันทั้งนั้น อย่างชาร์ลส์ ที่รู้สึกว่างเปล่ากับชีวิต แต่เขาก็ลุกขึ้นมามีเป้าหมายอีกครั้ง หรืออย่างโอลิเวอร์ที่เจอความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคงมีความหวังเสมอ หรือแม้กระทั่งเป็นคนธรรมดาที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักที แต่ยังคงมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเมเบิล

เพราะท้ายที่สุดความสำเร็จแบบคนอื่นๆ หรือแบบที่สังคมเชื่อว่ามันคือความสำเร็จ อาจจะไม่สำคัญเท่ากับการมีชีวิตอย่างมีเป้าหมาย มีความหวัง และความเชื่อ ที่แม้ว่ามันอาจจะใช้เวลานานหรืออาจจะตามหลังคนอื่นๆ ไปหลายก้าว แต่สักวันหนึ่งจังหวะชีวิตและเวลาที่เหมาะสมอาจจะตอบแทนคุณด้วยความสำเร็จในแบบที่คุณนิยามด้วยตัวเอง   

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Articles

Articles

ภัยพิบัติในไทยกับความสนใจ ‘แค่กรุงเทพ’

เรื่อง: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพ: Wiroj Sidhisoradej จาก Freepik 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ...

Articles

หลอดไฟในดงไม้ แสงสว่างที่ระบบนิเวศไม่ต้องการ

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ในเมืองกรุงอันแสนกว้างใหญ่ แม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ฟ้ามืดสนิท แสงจากไฟถนนและตึกยังคงส่องสว่างเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญ และในเมืองที่ไม่มีวันดับแสงนี้ การจะเห็นดาวที่ลอยอยู่เต็มผืนฟ้าช่างยากเหลือเกิน แม้แสงไฟจะเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ แต่ไม่ใช่ทุกที่จะเหมาะสมกับความสว่างไสวนี้ ...

Articles

 I’m cringe but I’m free สะเหล่อแล้วไง ไม่แคร์แล้วกัน

เรื่อง : ศิรประภา จารุจิตร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี “โอ้ยยย ทำไมตอนนั้นสะเหล่อจัง” ความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวขณะที่ล้มตัวลงนอนหลับตาเตรียมฝันดี แต่สมองไม่รักดีกลับขุดภาพความทรงจำอันน่าอับอายขึ้นมาฉาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เล่นมุกแล้วคนทั้งห้องกริบ ทักคนผิดเพราะนึกว่าเป็นเพื่อนตัวเอง ส่งข้อความหาคนที่ชอบเขาอ่านแต่ไม่ตอบ ...

Articles

ผม (ไม่) เคย เฉยชากับความตาย

เรื่องและภาพประภาพ: Amphea Warning : บทความชิ้นนี้มีการพูดถึงเนื้อหาของการพยายามอัตวินิบาตกรรมและการสูญเสียของคนใกล้ตัว โปรดอ่านอย่างระวัง ‘อาม่า’ ของผมเสียไปตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ในวัยประถม แม้ช่วงบั้นปลายชีวิต เธอจะเริ่มหลงลืมลูกหลานและอารมณ์รุนแรงไปบ้าง แต่สำหรับลูกทั้ง 8 คนแล้ว เธอยังคงเป็นคนที่ทุกคนในครอบครัวรักมากที่สุดคนหนึ่ง ส่วนผมนั้นไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับอาม่ามากนัก ...

Articles

ออกเดินทางมาแล้วแต่ยังไกลจุดหมาย : ตอนนี้ Universal Design พาคนพิการเดินทางไปได้เท่าไหนในไทย

เรื่องและภาพประกอบ : ชวิน ชองกูเลีย เป็นเวลาหลาย 10 ปีมาแล้วที่คนพิการต้องเรียกร้องสิทธิต่างๆ ทั้งในประเด็นสิทธิในการเข้าทำงาน มุมมองด้านลบที่คนพิการเคยถูกมองว่าไม่มีความสามารถ หรือเคยทำกรรมไว้จึงพิการ และปัญหาความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขาหลังจากที่ต้องสูญเสียทักษะบางอย่างไป การเดินทางเองก็เป็นอุปสรรคอันดับต้นๆ ที่คนพิการต้องพบเจอและมีการเรียกร้องมาเป็นเวลานาน จนมีกฎหมายเกี่ยวกับ Universal Design ...

Articles

โลกกำลังจะแตก เรายังควรแย่งวัฒนธรรมกันอยู่ไหม?

เรื่อง : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ ภาพประกอบ : ชวิน ชองกูเลีย ชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาในหลายประเทศทำให้เห็นการกลับมาของแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่เริ่มมีมากขึ้นในปัจจุบัน ด้านประเทศไทยเองถึงแม้กลุ่มที่นิยามตนเองว่า ‘หัวก้าวหน้า (Progressive)’ ซึ่งเป็นแนวคิดการเมืองแบบฝั่งซ้ายจะเริ่มมีพื้นที่และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทว่าหากพิจารณาตามจุดประสงค์ของการเกิดกลุ่มแนวคิดนี้ ก็อาจยังไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจและความต้องการต่อต้านรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะหากประเทศไทยเต็มไปด้วยกลุ่มคนหัวก้าวหน้าจริงเราคงไม่ได้เห็นคนในสื่อสังคมออนไลน์ตบตีแย่งชิงวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน “รักกันไว้เถิด ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save