เขียน: ศิวะ พุ่มอรุณ
ภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา และ ฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน

จิตแพทย์ นักวิชาการ และนักเขียนร่วมเวทีเสวนา “Signal Lost ตัวตนและความสัมพันธ์ที่หายไปในสังคมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” ชี้ เยาวชนยุคดิจิทัลแม้สื่อสารได้รวดเร็วแต่กลับขาดการเชื่อมต่อกับตนเองและคนใกล้ตัว โครงการ อะเวค1525 จึงเปิดพื้นที่ออนไลน์ให้คนวัย 15–25 ปี ถ่ายทอดความคิดและประสบการณ์ชีวิตผ่านการเขียน เพื่อฟื้นสัมพันธ์ระหว่าง “ตัวตน” กับ “ใจ” ในยุคสังคมเร่งรีบ
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม เวลา 13.00 น. ณ C ASEAN Samyan CO-OP, สามย่าน-มิตรทาวน์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (วารสารศาสตร์ฯ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกับธนาคารจิตอาสาจัดกิจกรรมเสวนาภายใต้แนวคิด ‘ตื่น’ (Awake) อะเวค1525 (awake1525.com) ซึ่งเป็นโครงการห้องข่าวทดลองด้านสุขภาวะทางจิตใจ สื่อสารข้อเขียนจากเยาวชนผ่านเว็บไซต์ www.awake1525.com และอินสตาแกรม awake1525 พัฒนาขึ้นมาจากต้นทางโครงการพัฒนาจิตและชีวิตสัมพันธ์เชื่อมโยง pro-connection ของธนาคารจิตอาสา เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนอายุ 15-25 ปี ค้นหาและพัฒนาอัตลักษณ์ในแบบที่เป็นตัวเองจากภายใน เห็นการเข้าถึงความสุขที่เริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเอง และพัฒนาต่อยอดไปสู่ความเข้าใจผู้อื่นภายใต้สังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับคนรอบข้างและสังคมได้อย่างเอื้ออาทร สนับสนุนโดยธนาคารจิตอาสา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สร้างสรรค์เนื้อหาโดยกองบรรณาธิการอะเวค กลุ่มวิชาวารสารศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. ซึ่งประกอบไปด้วยนักศึกษา เครือข่ายนักศึกษาและอาจารย์ร่วมเป็นคณะทำงานนั้น


แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การเขียนความคิดของตัวเองออกมาเปรียบเสมือนการตรวจสอบความคิดของตัวเอง โดยเฉพาะการเขียนออกมาว่า ณ ขณะนั้นมีความคิดอะไรอยู่ และรู้สึกอย่างไรกับความคิดนั้น อย่าเขียนแค่ว่าสถานการณ์ที่เจออยู่เป็นอย่างไร แต่ควรเขียนออกมาด้วยว่ารู้สึกอย่างไรต่อสถานการณ์นั้นๆ เพราะยิ่งสามารถตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองได้มากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถเชื่อมต่อกับตัวเองได้มากเท่านั้น เพราะสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าความคิดคือความรู้สึก
แพทย์หญิงวิมลรัตน์กล่าวต่อว่า การเขียนความคิดของตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำทุกวันก็ได้ แต่สามารถเริ่มเขียนได้ตั้งแต่ตอนที่เจอเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ ไม่ว่าจะในทางบวกหรือลบ แล้วจะพบว่าสิ่งที่เขียนมักจะเป็นเรื่องราวหรือประเด็นเดิมๆ เพราะแต่ละคนจะมีเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจในประเด็นเดิมๆ เช่น บางคนอาจจะมีความรู้สึกกับเรื่องรูปร่างหน้าตามาก แต่บางคนกลับไม่ให้ความสนใจกับประเด็นเหล่านี้เลย ดังนั้นการเขียนจะช่วยให้ความคิดไม่วนอยู่ในหัว โดยเฉพาะในกรณีของคนที่มีสภาวะทางจิตซึมเศร้า ที่หากไม่เขียนอาจจะส่งผลทำให้รักษาไม่ได้เลย
“ผู้ป่วยซึมเศร้ามักไม่รู้ตัวเองว่ากำลังมีอารมณ์อะไรอยู่หรือมีความต้องการอะไร เพราะหลายๆ ครั้งความสุขของกลุ่มคนเหล่านี้มักต้องพึ่งอยู่กับการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ทำให้ต้องเกิดภาวะรอคอยตลอดเวลาหรือเติมเท่าไรก็ไม่เต็ม ส่งผลให้เกิดการขาดการเชื่อมต่อกับตัวเอง เจ็บปวด และซึมเศร้า” แพทย์หญิงวิมลรัตน์กล่าว
แพทย์หญิงวิมลรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า การค้นหาตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะวัยรุ่นถือเป็นวัยที่กำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเองและอยู่ในช่วงที่หาจุดยืนบนโลก ว่าจะอยู่ในสังคมแบบใดหรือจะมีความชอบในเรื่องอะไร สิ่งสำคัญคือการใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวเอง เพราะฉะนั้น การใช้สื่อที่มากของวัยรุ่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกและผิดอะไร เพราะสื่อถือเป็นช่องทางที่สำคัญในการช่วยค้นหาตัวเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าในขณะที่เล่นสื่อออนไลน์นั้นดูอะไร เพราะบางคนใช้สื่อเพื่อดูว่าตนเองเหมาะกับอะไร ซึ่งถือเป็นการค้นหาตนเอง แต่บางคนกลับใช้สื่อเพื่อดูว่าอะไรกำลังอยู่ในกระแสและทำตัวตามกระแสนั้น ทั้งที่อาจไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง สิ่งที่ควรทำคือการไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น แต่เป็นการสำรวจว่าจุดเด่นและคุณค่าของตัวเองคืออะไร
ด้าน หนึ่งฤทัย คมขำ ผู้แทนจากธนาคารจิตอาสา กล่าวเสริมว่า สื่อออนไลน์มีข้อดีในเรื่องของความเร็วในการสื่อสาร แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการปรับใช้สิ่งที่ดูจากสื่อออนไลน์ให้เป็นไปอย่างระมัดระวังและช้าลง แม้ในช่วงวัยรุ่นการมีที่ยืนและถูกยอมรับจะเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องไม่แสวงหาการยอมรับจนลืมคุณค่าในตัวเอง การใช้สื่อออนไลน์จึงควรเป็นไปเพื่อค้นหาสิ่งที่เข้ากับคุณค่าของตัวเอง
“การยอมรับในตัวตนของตัวเองว่ามีคุณค่าอะไร ต้องการอะไร และรู้สึกอย่างไรส่งผลเรากลับมาดูแลตัวเองได้มากขึ้น เพราะการกระทำเหล่านั้นเปรียบเสมือนการกลับมารู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นผ่านการฟังตัวเองเยอะๆ เป็นมิตรกับตัวเองเยอะๆ เหมือนตอนที่เราเป็นมิตรหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับคนอื่น เพราะจริงๆ แล้วทุกคนมีความน่าสนใจทุกคน จากการที่ทุกคนมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับใครเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราทุกคนต่างรอการยอมรับจากคนภายนอกมากกว่าการยอมรับจากตัวเราเอง และทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการกลับมารับฟังตัวเอง” หนึ่งฤทัยกล่าว
หนึ่งฤทัยกล่าวต่อว่า การใช้เวลาคุณภาพ (Quality Time) ร่วมกับตัวเอง ครอบครัว และคนรู้ใจ ไม่ว่าจะผ่านการกินข้าวร่วมกัน นั่งดูทีวีด้วยกัน การพูดคุยที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ให้ของขวัญ หรือแม้แต่การสัมผัสตัวกัน ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางในการช่วยฟื้นคืนการเชื่อมต่อกับตัวเองให้กลับมาอีกครั้งได้ หรือหากอยู่คนเดียวก็สามารถถอดรองเท้าเพื่อให้เกิดการสัมผัสกับธรรมชาติในขณะเดินได้ อีกทั้งยังช่วยให้ตัวเรากลับมามีสมาธิอยู่ที่ลมหายใจของตัวเองได้ นอกจากนี้ พฤติกรรมดังกล่าวยังเป็นสิ่งที่อยู่กับเราอยู่แล้วทุกวัน เพียงแต่เราต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับตัวเองบ้างเท่านั้น


ในส่วนของ ศุภกฤต วณิชเจริญพงษ์ อดีตนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. และผู้ประกาศข่าวช่อง 7 HDกล่าวว่า ในปัจจุบันการเข้ามาของโซเชียลมีเดียมีส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบเกินจริงของคนในสังคม ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบกันที่มากเกินไป เกิดการเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับผู้อื่น ทั้งที่ความจริงทุกคนล้วนประสบกับปัญหาชีวิตเหมือนๆ กันหมด การหันกลับมามีสมาธิกับตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้รู้ความคิดของตัวเองมากขึ้น อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาชีวิตได้ในท้ายที่สุด ผ่านการอยู่และยอมรับในตัวเอง
สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ นักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ฯ มธ. และตัวแทนกองบรรณาธิการอะเวค กล่าวว่า การเขียนมีส่วนช่วยในการเรียบเรียงความคิดของตัวเองออกมาได้ เพราะบางทีการฟังความคิดในหัวตัวเองที่มากเกินไปจะส่งผลให้เกิดการคิดวน แต่พอเขียนความคิดในหัวออกมาเป็นรูปธรรมจะช่วยให้รู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ช่วยให้จับต้องความคิดของตัวเองได้มากขึ้น และทำให้รู้เหตุผลทางความคิดของตัวเองว่าคิดแบบนั้นเพราะเหตุใด การได้เขียนงานลงอะเวค1525 จึงเปรียบเสมือนการมีพื้นที่ระบายความคิดของตนเอง ช่วยให้กลับมาทบทวนความคิดของตัวเองมากขึ้น เพราะบางทีความคิดบางอย่างติดอยู่ในหัวนานเกินไป การเขียนระบายความคิดของตัวเองจึงเปรียบเสมือนการเรียบเรียงความคิดของตัวเองออกมา ซึ่งช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
สุชานันท์ให้สัมภาษณ์ต่อว่า เธอเคยผ่านประสบการณ์คิดวนอยู่ในหัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา เช่นในตอนที่ได้โอกาสเขียนเรื่องความตายของอาม่า เธอรู้สึกคิดถึงและร้องไห้ทุกครั้งในยามที่คิดถึงอาม่า แต่พอตัดสินใจเขียนเรื่องนั้นออกมาความรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดต่อการตายของอาม่าก็ลดน้อยลง เช่นเดียวกับความเศร้าโศกเสียใจที่ลดน้อยลงเช่นกัน
“อยากแนะนำว่าคนที่สนใจเขียนลงอะเวค1525 ควรมีจุดมุ่งหมายในการเขียนเพื่อตัวเอง เพราะอะเวค1525 เปรียบเสมือนพื้นที่สำหรับการปลดปล่อยความคิดของตนเอง ไม่ใช่พื้นที่ในการเขียนเพื่อตอบโจทย์คนอื่น” สุชานันท์กล่าว


ข้อมูลจากโครงการอะเวค1525 โดยคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับธนาคารจิตอาสาระบุว่า ในปัจจุบันโลกได้มีการติดต่อสื่อสารที่ทำให้ผู้คนต้องติดต่อกับผู้อื่นตลอดเวลา แต่กลับขาดการเชื่อมโยงกับตนเองและคนใกล้ตัว awake1525.com และอินสตาแกรม awake1525 จึงเป็นพื้นที่ให้เยาวชนอายุระหว่าง 15-25 ปีได้ลองผิดลองถูกในการทำงานด้านการสื่อสาร รวมถึงมีโอกาสได้เข้าถึงเครื่องมือที่จะมีส่วนช่วยในการเข้าถึงความสุขและเชื่อมต่อกับตนเอง สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจกันได้แม้จะมีความแตกต่าง และเป็นที่ให้เยาวชนได้แสดงความคิดและศักยภาพที่จะถูกทำให้มองเห็นมากขึ้น










