เรื่องและภาพ : กัญญาภัค วุฒิรักขจร
ข้าวกล้องมันปู
ข้าวกล้องหอมนิล
ข้าวไรซ์เบอรี่
จัดอยู่ในหมวดข้าวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนในเมืองเท่าไหร่ แม้ว่าคุณประโยชน์มันจะมีมาก แต่เพราะรสสัมผัสออกจะแข็งกระด้างกว่าข้าวหอมมะลิ ซึ่งมีรสสัมผัสนุ่มกว่า อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมน่าทานกว่า
ด้วยความที่บ้านของฉันเป็นร้านขายข้าวหุงสุก ทำให้ร้านของเรามีข้าวหลากหลายชนิดให้ลูกค้าได้เลือกสรร ใครอยากกินข้าวแบบไหนขอแค่บอกมา ข้าวขัดสีอย่างข้าวเสาไห้ ข้าวหอมมะลิจะมีราคาค่อนข้างถูก ส่วนข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้องก็จะมีราคาสูงกว่าสักหน่อย เพราะคุณประโยชน์ที่มากกว่า และต้นทุนที่แพงกว่า
แต่ว่าลูกเจ้าของร้านขายข้าวอย่างฉันกลับไม่เคยได้เลือกข้าวที่ตัวเองอยากกินเลย
ในทุกมื้ออาหาร 3 มื้อต่อวันของฉันและพี่สาว “ข้าวไรซ์เบอรี่” หรือ “ข้าวกล้อง” จะเคียงคู่อยู่กับกับข้าวร้อน ๆ ที่แม่พึ่งทำเสร็จ ขณะที่พ่อของฉันนั้นเหมือนจะหลุดจากความเอาใจใส่ของแม่ ทำให้เขาสามารถเลือกกินข้าวขาวอย่างข้าวหอมมะลิได้ทุกมื้อ มีหลายครั้งที่ฉันต้องแอบแบ่งข้าวขาวจากพ่อมากิน เพราะอยากลิ้มรสความนุ่มนิ่ม และกลิ่นหอม ๆ ของข้าวหอมมะลิมากกว่าข้าวกล้อง
ชีวิตที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวกล้อง และกับข้าว 2 อย่างต่อมื้อ สิ้นสุดลงเมื่อต้องจากบ้านมาไกลหลายสิบกิโล เพื่อสิ่งที่เรียกว่า “การศึกษา” และเพราะชีวิตที่ต้องยืนอยู่ด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองนั้นน่าอิจฉาเพียงใด
ข้าวมื้อแรกต้อนรับการเข้ามาอยู่หอพักคือข้าวมันไก่ทอดหนึ่งจาน ข้าวมันเยิ้ม ๆ เย็นชืด พร้อมไก่ทอดไม่กรอบ ที่แม่ไม่มีทางทำให้กินแน่ ๆ เข้าปากของฉันไปหลายคำ พร้อมสนทนากับเพื่อนใหม่ที่พึ่งย้ายเข้าหอพักเช่นกัน หากให้พูดตามตรงบทสนทนาของเราก็ค่อนข้างชืดชาเหมือนข้าวมันไก่ทอดตรงหน้าเรานั่นแหละ
ชีวิตในมหาวิทยาลัยดำเนินมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างช่วงโควิด-19 จนกลับมาเป็นปกติ ตอนนี้ก็เข้าสู่เทอมสุดท้ายที่ต้องอยู่หอพักแล้ว เมนูอาหารสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ถูกบ้าง แพงบ้าง ตามเงินที่อยู่ในบัญชี (และแน่นอนว่าไม่กลับไปกินข้าวมันไก่ร้านนั้นอีก ไม่ว่าเงินจะเหลือมากหรือน้อยก็ตาม) แต่ที่เห็นว่ากินบ่อยที่สุดในชีวิตมหาลัยก็คงจะเป็นข้าวหมูกรอบผัดพริกเผาและสุกี้แห้งไก่ที่กินได้หลายวันต่อสัปดาห์ หลายมื้อต่อวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีอะไรที่กินแล้วรู้สึกคุ้มค่าเท่ากับข้าวของแม่อยู่ดี
เมื่อสัปดาห์ก่อนพ่อมาหาฉันที่หอพัก พร้อมกับของฝากจากแม่อย่าง “แกงกะหรี่เนื้อ” ในถ้วยโต คะเนจากสายตาน่าจะแบ่งกินได้ 3 มื้อพอดี จึงทำให้แกงกะหรี่อุ่นร้อน พร้อมข้าวหอมมะลิเวฟจากร้านสะดวกซื้อกลายเป็นอาหารเช้าในวัดถัดมา สัมผัสของเนื้อชิ้นโต ๆ พร้อมกับมันฝรั่งและแครอทชิ้นใหญ่ ๆ ทำให้มื้อเช้าวันนั้นกลายเป็นมื้อเช้าที่ดีที่สุดวันหนึ่ง เพราะหากไม่ได้แกงกะหรี่ถ้วยโตจากแม่ กระเพาะของฉันเช้านี้คงมีแต่กาแฟเติมเต็มท้อง
พอมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ยิ้มหยันถึงมื้ออาหารในชีวิตมหาลัย ข้าวเสาไห้แห้ง ๆ มักโผล่อยู่ในมื้ออาหารบ่อยครั้ง คุณประโยชน์ต่ำ คาร์โบไฮเดรตสูง พร้อมกับกับข้าวที่มีเนื้อสัตว์น้อยนิด เคียงคู่กับเศษวิญญาณผัก ถูกขายในราคากว่า 60 บาท รอบมหาวิทยาลัยที่ห่างจากตลาดไทไม่ถึง 5 กิโลเมตร พอเอามาเทียบกับอาหารของแม่ที่ให้มาในปริมาณที่อิ่มท้องได้ทั้งวัน ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ และผักเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้เข้าใจแล้วว่าความรัก ความเอาใจใส่ที่เป็นรูปธรรมนั้นเป็นอย่างไร
ความรู้สึกของการโดนโอบอุ้มด้วยความรักและความห่วงใยถูกรวมอยู่ในแกงกะหรี่เนื้อถ้วยใหญ่ชามนั้น คิดย้อนถึงคืนวันที่ยังเป็นเด็กเมื่อตอนที่แม่ยังบังคับกินข้าวหลากสี เพราะเห็นว่ามีคุณประโยชน์มากกว่าข้าวขาวที่หอมนุ่ม หยดฝนเม็ดน้อยร่วงหล่นลงจากนัยน์ตาต่อหน้าแกงกะหรี่เนื้อและข้าวเวฟทีละน้อย จนกลายเป็นห่าฝนน้ำตาของความคิดถึงบ้าน และจินตนาการที่เตลิดไปไกล
ถ้าแม่หายไปในสักวันหนึ่ง เราจะหาความห่วงใยอร่อยลิ้นแบบนี้ได้ที่ไหนอีก