เรื่องและภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ

นอกจากอากาศที่ร้อนระอุในเดือนเมษายน และต้นข้าวในท้องนาริมถนนที่ถูกเก็บเกี่ยว การเดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ฉันตั้งตารอ
.
‘ศาลเจ้าแม่ทับทิม’ ริมแม่น้ำบางปะกงได้รับการบูรณะในปี 2560 และในทุกๆ ปี ศาลเจ้าจะจัดการแสดงงิ้ว หรืออุปรากรจีน (Chinese Opera) ประจำปี เพื่อทำบุญศาลเจ้า อันเปรียบเสมือนเป็นการแสดงให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลได้ชม
“ไปดูนิ้วๆ”
พี่สาวเล่าให้ฟังแทบทุกครั้งที่เราไปดูงิ้วด้วยกัน ว่าเมื่อก่อนมีเด็กตัวเล็กๆ ที่ยังพูดไม่ชัด อยากไปดูงิ้วใจจะขาด ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำตาเพราะกลัวตัวละครงิ้วบนเวที และเด็กคนนั้นก็คือฉันเอง
ตั้งแต่จำความได้ ฉันไปดูงิ้วทุกปีนับตั้งแต่ยังเป็นศาลเจ้าเก่า ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและทำให้การแสดงไม่น่าเบื่อคือเสน่ห์ของเหล่านักแสดงงิ้วที่ใส่ชุดสุดอลังการ แต่งหน้าทำผมชวนสะดุดตาอยู่บนเวที พร้อมกับเสียงร้องภาษาจีนที่เปล่งออกมาอย่างมีพลัง รวมไปถึงดนตรีทำนองจีนที่บรรเลงขึ้นอย่างหนักแน่น ราวกับว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องไกลตัวพวกเขาเสียเหลือเกิน
ในช่วงเวลานี้ของปี ฉันได้พบเหล่า ‘คนแปลกหน้า’ ที่คุ้นเคยในวันสุดท้ายของการแสดง พิเศษหน่อยตรงที่ปีนี้ได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจหลังเวที เพื่อดูว่าเหล่านักแสดงใช้ชีวิตและเตรียมตัวกันอย่างไรก่อนที่การแสดงจะเริ่มขึ้น
“ขึ้นไปข้างบนได้นะลูก บันไดอยู่ฝั่งนู้น”
คุณป้านักแสดงเอ่ยปาก ใบหน้าที่แต่งพร้อมขึ้นแสดงเหลือเพียงแค่เปลี่ยนชุดทำให้อดมองไม่ได้ เธอกำลังคุยอยู่กับคุณป้าอีกคนข้างร้านขายน้ำตาลปั้นเพื่อรอเวลาขึ้นแสดง
แต่ด้วยความที่ไม่กล้า เลยได้แต่เดินวนถ่ายเก็บบรรยากาศรอบๆ เวทีไปก่อน
.
“ขึ้นมาดูได้นะ ขึ้นมาเลย”
คุณลุงนักแสดงเอ่ยขึ้น ในขณะที่ฉันเดินอยู่ข้างเวที จำได้ว่าเมื่อครู่คุณลุงคนนี้เดินลงมาถ่ายรูปกับผู้ชมข้างล่างด้วยความใจดี ต่างจากสีสันโดดเด่นที่สะท้อนบุคลิกดุของตัวละครบนใบหน้า
และด้วยความไม่กล้าอีกเช่นเคย ฉันเลยพยักหน้าตอบรับ พร้อมขอเวลาทำใจอยู่ราว 5 นาที
.
เมื่อรวบรวมความกล้าได้สำเร็จ (สักที) ก็ก้าวเท้าขวาขึ้นเหยียบบันไดลิง ก่อนพบว่ามันชันกว่าที่คาด แต่ก็ขึ้นไปได้อย่างปลอดภัย
“เดินถ่ายได้เลย อยากถ่ายใครก็ขออนุญาตเขาเลย” คุณลุงนักแสดงคนเดิม เดินมาบอก
ด้วยความเกร็งเลยถ่ายคุณลุงกับคุณพี่นักดนตรีก่อน คุณลุงสวมแว่นไม่หันมามองสักนิด เพราะกำลังง่วนอยู่กับการอ่านโน้ต เพื่อตีเครื่องดนตรี ทั้งกลองเล็กและฆ้องให้ตรงกับจังหวะการแสดง
เมื่อเริ่มเดินเข้าไปในโซนแต่งตัวหลังเวที ฉันก็ตกหลุมรักกับพื้นที่แคบๆ นี้อย่างจัง อย่าหาว่าโลกสวยเลย แต่เสน่ห์ของพื้นที่แคบๆ นี้คือการมีทุกอย่างเพรียบพร้อม โดยที่ทุกคนมี ‘กล่องแต่งหน้า’ เป็นของตัวเอง ตอนนี้นักแสดงบางคนกำลังแต่งหน้า บางคนกำลังแต่งตัว บางคนกำลังกินข้าว และบางคนกำลังซ้อมบท
.
“นี่ เป็นพยานให้ด้วยนะว่างิ้วเขาแสดงจริง ร้องจริง ไม่ได้ลิปซิงค์”
คุณลุงนักแสดงคนเดิมเดินมาบอก อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉันก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน จึงพยักหน้าตอบรับ พร้อมยิ้มให้ อย่างกับว่าคุณลุงกำลังบอกทั้งคนอ่านและคนเขียนไปในตัว
.
“เล่น (ขิมจีน) เป็นไหม”
คุณลุงนักดนตรีควบหน้าที่นักพากย์ หันมาถามฉันในช่วงที่เสียงดนตรีหยุดลง และเสียงภาษาจีนกำลังเปล่งออกมาจากปากของนักแสดงบนเวที ฉันส่ายหน้าพร้อมสารภาพว่าไม่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีเลยจริงๆ
ที่จริงแล้วเมื่อกลางวัน ฉันแอบเห็นคุณลุงคาบบุหรี่พร้อมกับซ้อมตีขิมไปด้วย คิดในใจว่า “โคตรเท่เลยลุง มู้ดมากๆ”
คุณลุงหันมาพูดอีกว่า “ผู้หญิงเล่นเยอะนะอันนี้” ก่อนจะหันกลับไปจดจ่ออยู่กับจังหวะการตีขิมอีกครั้ง
ฉันเดินกลับไปตามทางเดิม พร้อมกับพูดว่า “ขออนุญาตถ่ายนะคะ” เกือบ 10 รอบ ก่อนจะก้าวลงบันไดลิงตัวเดิม (ที่เหมือนขาลงจะชันกว่าเดิม)
การผจญภัยในที่แคบครั้งนี้จบลงหลังจากที่เหล่านักแสดงงิ้วแสดงจบเรื่อง งิ้วปีนี้ของฉันเต็มไปด้วยความรู้สึก ‘ฟรินส์’
เพราะคนหลังเวทีเหล่านั้นคือคนที่ฉันเห็นมาหลายปี แม้จะเห็นหน้าค่าตากันปีละไม่กี่วัน แต่ก็จะกลับมาเจอกันอีกทีในปีถัดไป จนอาจเรียกว่าเราเป็น ‘คนแปลกหน้าที่รู้จักกัน’ ก็ย่อมได้
ระหว่างเดินไปขึ้นรถกลับบ้าน ฉันเดินสวนกับคุณป้านักแสดงคนเดิม คนแรกที่เชื้อเชิญให้ขึ้นไปหลังเวที
“กลับแล้วเหรอ” คุณป้าถาม
“กลับแล้วค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” ฉันตอบ พร้อมยิ้มอย่างสุขใจ
และหวังว่าเราจะเจอกันอีกทีปีหน้านะ…‘คนแปลกหน้า’