เรื่อง: พรวิภา หิรัญพฤกษ์
ALL EYES ON RAFAH
รูปภาพที่มีตัวอักษรเล็กๆ ราวสิบบรรทัด ถูกแชร์ซ้ำไปมาอยู่บนสตอรี่ หน้าอินสตาแกรมของใครหลายคน ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเมืองราฟาห์ เขตพื้นที่สุดท้ายที่ชาวปาเลสไตน์สามารถอาศัยอยู่ได้ในฉนวนกาซ่า
สิ่งนี้คืออะไร ทำไมเราถึงต้องจับตามอง ?
มาเริ่มกันที่จุดที่เรียกว่า ‘ฉนวนกาซา’ (Gaza Strip) พื้นที่ปกครองตัวเองของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งมีขนาดพอๆ กับจังหวัดสมุทรสงครามของไทย ตะวันตกติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตะวันตกเฉียงใต้อยู่ติดกับอียิปต์ ส่วนที่เหลือล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของอิสราเอล ซึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้วถูกอิสราเอลโจมตีอย่างต่อเนื่อง และกระชับเขตพื้นที่ให้เล็กลงเรื่อยๆ จนขณะนี้ชาวปาเลสไตน์สามารถอยู่ได้แค่ใน ‘ราฟาห์’ (Rafah) พื้นที่ใต้สุดของฉนวนกาซา ซึ่งติดอยู่กับพรมแดนของอียิปต์ และเป็นช่องทางเดียวที่จะสามารถส่งความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าไปยังค่ายพักพิงของผู้ลี้ภัย
เพราะเป็นพื้นที่ปกครองตัวเองของชาวปาเลสไตน์ที่มีกลุ่ม ‘ฮามาส’ เป็นเหมือนรัฐบาล นั่นคือเหตุที่ทำให้อิสราเอลมุ่งเป้ามาโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่าต้องการจะปราบล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก จากความขัดแย้งที่มีมาอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลและปาเลสไตน์ รวมไปถึงเหตุจลาจลต่างๆ ที่ทางอิสราเอลเป็นผู้ถูกกระทำ และต่างฝ่ายต่างก็ต้องเสียพลเมืองผู้บริสุทธิ์ไปไม่น้อย ทว่าในตอนนี้ความสูญเสียที่เกิดในฉนวนกาซาตลอดระยะเวลาราว 10 เดือนที่ผ่านมามากและโหดร้ายเกินกว่าที่จะเรียกว่าสงคราม แต่มันคือการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’1
นี่ไม่ใช้คำพูดเพื่อปรักปรำอิสราเอลอย่างเลื่อนลอย หากแต่อยู่บนความเป็นจริงจากสิ่งที่อิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ แม้แต่สหภาพยุโรปเองยังเรียกว่ามันคือการสังหารหมู่ เพราะทั้งการโจมตีหน่วยพยาบาล ทำลายมหาวิทยาลัยและโรงเรียน การทิ้งระเบิดในเขตที่ตนเองประกาศว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย สังหารเด็กเล็ก หรือแม้กระทั่งการขัดขวางการช่วยเหลือด้านพยาบาลและอาหารที่จะส่งไปยังค่ายของผู้ลี้ภัย การกระทำเหล่านี้ล้วนมีส่วนที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนที่ระบุไว้นะ ‘อนุสัญญาเจนีวา’ ซึ่งเป็นเหมือนกฎสากลของการทำสงคราม
ทั้งนี้ อิสราเอลได้ลงนามในอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 อันว่าด้วยการคุ้มครองเชลยสงคราม แแต่ไม่ได้ลงนามไว้ในอนุสัญญา ฉบับที่ 4 ที่ระบุเกี่ยวกับการคุ้มครองพลเรือนผู้ไม่เกี่ยวข้องในสงครามไว้ แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่อิสราเอลทำยังคงเรียกได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในกาซา
หากจะบอกว่าการกระทำเหล่านี้ทำไปเพื่อกำจัดกลุ่มฮามาส เพื่อปกป้องคนในประเทศของตน เช่นนั้นแล้ว หมายความว่าชาวปาเลสไตน์ทุกคน คือ ‘ฮามาส’ งั้นหรือ
และถ้าไม่ใช่ แล้วพวกเขายังคงควรได้รับสิทธิในฐานะความเป็น ‘มนุษย์’ อยู่หรือไม่
จริงอยู่ที่ฮามาสไม่ใช่เหยื่อที่ขาวสะอาด เขาก่อการร้าย และจับผู้บริสุทธิ์ไปเป็นตัวประกัน แต่พวกเขาไม่ใช่ทั้งหมดของชาวปาเลสไตน์ ฮามาสคือชาวปาเลสไตน์กลุ่มหนึ่งที่ก่อการร้าย แต่สิ่งที่อิสราเอลกำลังทำ คือการทำลายเมือง และทำร้ายชาวปาเลสไตน์ อย่างไม่สนจริยธรรมในสังคม หรือกฎการทำสงครามเสียด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในฉนวนกาซามีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 35,000 ราย และคงมีเพิ่มอีกเรื่อยๆ หากยังไม่มีการหยุดโจมตี ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีการเสนอแผนหยุดยิงแล้ว แต่จนถึงวันนี้แผนดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการรับรองจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และไม่รู้ว่ากว่าจะถูกอนุมัติและใช้ได้จริง จะต้องมีผู้บริสุทธิ์อีกกี่คนที่จะต้องสังเวยชีวิตให้กับเกมล้างแค้นสนามนี้
ประวัติศาสตร์สงครามอันยาวนานของทั้งสองประเทศมีหลายมิติและหลากมุมมองที่อาจยากต่อการทำความเข้าใจ แต่เรื่องของสิทธิมนุษยชนนั้นเข้าใจง่ายกว่านั้นมาก เพราะไม่ว่าใครก็มีสิทธิในการมีชีวิตอยู่และไม่มีใครควรจะถูกสังหารเพียงเพราะศาสนาหรือเชื้อชาติที่ติดตัวพวกเขาอยู่
ท้ายที่สุดไม่ว่าใครจะเป็นผู้กระทำในเรื่องนี้ แต่ผู้ถูกกระทำที่แท้จริงมีเพียง ‘ประชาชนผู้บริสุทธิ์’ ที่ต้องรับชะตากรรมที่ผู้มีอำนาจจัดสรรอย่างหลีกไม่ได้เลี่ยงไม่พ้น
- *การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หมายถึง การกำจัดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้หมดสิ้นไป ↩︎
อ้างอิง
https://www.thaipbs.or.th/news/content/332652
https://thestandard.co/gaza-strip
https://thematter.co/brief/226707/226707#google_vignette
https://www.thaipbs.or.th/news/content/333081