เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์
ผมไม่อินละครน้ำเน่า
แน่นอนว่าผมเป็นคนไทย และคนไทยส่วนใหญ่ย่อมเติบโตมากับละครในตำนานที่ล้วนมีพล็อตแสนโบราณ แต่ผมไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน! ไอ้พวกเรื่องที่มีฉากสำคัญๆ อย่าง นางเอกแสนอาภัพ อยู่ในคฤหาสน์ฐานะคนใช้ โดนโขกสับจากแม่เลี้ยง แต่แล้วเธอก็ไปสะดุดล้มทับพระเอก ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วก็ดันบังเอิญไปหลงอยู่ในป่า พวกเขาเจอกระท่อมร้างท่ามกลางสายฝน…ภาพตัดไปที่โคมไฟ
ก่อนที่ในตอนจบนางเอกก็จะพบความจริงว่า เธอนี่แหละคือทายาทที่แท้จริงของตระกูล และทวงคืนทุกอย่างที่ควรเป็นของเธอตั้งแต่แรก แม่เลี้ยงใจร้ายกรีดร้องด้วยความโมโหจนกลายเป็นบ้าคว้าปืนขึ้นมาจะยิงนางเอก แต่พระเอกก็มาขวางไว้ สรุปตัวร้ายโดนจับ พระเอกพ้นขีดอันตราย
และแล้วทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป
หึ! อะไรแบบนี้ผมไม่เคยดูสักเรื่อง ถ้าหากผมเคยดูจริงๆ ผมก็ต้องเล่าได้อีกว่าในเรื่องมีฉากที่นางเอกปลอมตัวติดหนวดใส่วิกเพื่อตบตาพระเอกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แล้วพยายามล้วงความลับบางอย่างจากพระเอก…
เห็นไหม ฉัน เอ้ย! ผม คือผมไม่ได้ดูละครน้ำเน่าจริงๆ นะครับ
ผมไม่อินละครน้ำเน่า
ต่อให้เอาละครน้ำเน่าพวกนี้มาปรับบทเพื่อล้อเลียน กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่แสนไฉไลที่ชื่อ ‘คุณชายน์’ หรือ ‘The Cliché’ ผมก็ไม่เห็นว่าจะน่าดูตรงไหน
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment
แต่จะว่าไปก็ลองค้นดูตัวอย่างเสียหน่อยดีกว่า
โอ๊ย! น้ำเน่าเหมือนละครไม่มีผิด แค่เห็นตัวอย่างผมก็รู้หมดแล้วว่าหนังจะเล่าเรื่องของ…
‘ชู้ต’ พระเอกตกอับ ยูทูปเบอร์ผู้ทำคลิปเพื่อสังคมแต่ไม่มีใครดู เขาเมาและกร่างจนเผลอไปไลฟ์ปาไข่ใส่บริษัททำละครน้ำเน่าที่ได้เรตติ้งดีที่สุด
พระเอกโชคร้ายต้องมาเจอกับเฮียใจดำ เมื่อ ‘เฮียวิชิต’ เจ้าของบริษัททำละคร นายทุนเงินหนาผู้เรียกค่าเสียหายจากชู้ตเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็ยอมรับข้อเสนอที่ชู้ตจะมากำกับละครน้ำเน่าให้ 1 เรื่อง แลกกับที่เขายกฟ้อง
ชีวิตของชู้ตวุ่นวายจากการงานใหม่ซึ่งเขาเกลียดเข้าเส้น แถมยังถูกปั่นจากตัวร้ายขี้โวยวาย อย่าง ‘โจ๊ก’ รุ่นพี่ที่ร่วมทำคลิปเพื่อสังคมมาด้วยกันกับชู้ต เขาพยายามบอกให้พระเอกยกเลิกการทำละครมอมเมาสังคมไปซะ! ละครที่ดีคือละครที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมเหมือนกับชีวิตจริง
แต่สุดท้ายแล้วก็มีนางเอกจอมเพ้อมาคอยช่วยเหลือ ‘น้ำ’ นางเอกคลั่งรักจอมเพ้อผู้คลั่งไคล้ละครน้ำเน่าอย่างหนัก เธอคอยช่วยชู้ตถ่ายทำละครตั้งแต่ต้นจนจบ โดยหวังเพียงแค่ว่าเธอกับชู้ตจะมีโอกาสได้เป็นเหมือนพระเอกนางเอกในละครบ้างเสียที
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment (1) (2) และ (3)
แหม…เข้าสูตรสำเร็จละครน้ำเน่าในตำนานลงล็อกเป๊ะๆ ทุกอย่าง แถมยังพยายามเอากิมมิคจากละครเรื่องต่างๆ มาผสมกันไปมาจนกลายเป็นมุกตลกเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้อีก
พล็อตน้ำเน่าแบบนี้ใครจะยอมเข้าไปดูในโรงหนังกัน
ผมไม่อินหนังน้ำเน่า
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในโรงหนังรอดูหนังเรื่อง ‘คุณชายน์’ อยู่
ที่มาดูก็เพราะว่าเห็นแก่ความพยายามในการพลิกโฉมละครไทยหรอกนะ ไม่ได้เกี่ยวกับความอินความชอบในละครไทยเลยสักนิด พอดูมาจนถึงกลางๆ เรื่อง ผมยังไม่มีฉากที่ประทับใจเลยแม้แต่ฉากเดียว
แต่ถ้าจะให้เลือกสักฉากจริงๆ ก็คงต้องยอมจำใจเลือก…
ขณะที่น้ำเดินเล่นอยู่กับชู้ตบนถนนเส้นหนึ่ง เธอหันไปเห็นร้านขายทีวีแห่งหนึ่งที่กำลังเปิดฉายละครที่เธอกับชู้ตช่วยกันกำกับ ดวงตาของน้ำเปล่งประกายด้วยความสุขและภูมิใจ ก่อนที่หนังจะเล่าถึงความหวังของน้ำว่าวันหนึ่งเธอกับชู้ตจะมีโอกาสได้เป็นดั่งพระ-นางในละครเรื่องดังกล่าว
และแล้วฉากก็เปลี่ยนไป ทั้งสองกลายเป็นนักเรียน สวมชุดเครื่องแบบแสนน่ารัก เดินจับมือวิ่งไปด้วยกันด้วยความสดใส เมื่อเธอจะสะดุดก็มีพระเอกคอยรับไม่ให้เธอล้มลง ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนที่พวกเขาจะได้แปลงโฉมราวกับเจ้าชายเจ้าหญิงนั่งทานอาหารสุดหรูมื้อโปรดที่พวกเขาไม่มีวันลืม อีกทั้งยังเต้นรำท่ามกลางสายตาผู้คนในคฤหาสน์ใหญ่โต และสุดท้าย…ชู้ตก็ค่อยๆ ก้มลงมาจูบนางเอกของเขา…
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment (1) และ (2)
ใครดูก็ต้องพูดว่าเขิ…คะ คะ คลิเช่…
C-L-I-C-H-E Cliché แสนน้ำเน่ากันทั้งนั้น
ผมไม่อินหนังน้ำเน่า
เพราะผมไม่เคยเห็นเลยว่าเรื่องน้ำเน่าจะช่วยสะท้อนสังคมได้ตรงไหน
อย่างในหนังเรื่อง ‘คุณชายน์’ ที่ชู้ตกับโจ๊กตัดพ้อว่ายอดคนดูคลิปน้อยมาก จนพวกเขาที่พยายามทำประโยชน์เพื่อสังคมไม่มีอันจะกิน ตัดภาพไปที่เฮียวิชิตผู้ผลิตละครน้ำเน่าที่เป็นดั่งนายทุนเอาแต่ใจ ชู้ตพยายามจะบิดตอนจบของเรื่องให้เป็นไปอย่างอยุติธรรม แต่เฮียวิชิตก็ไม่เคยยอม เพราะถึงอย่างไรคนดูก็ย่อมต้องการตอนจบที่มีความสุขมากกว่าตอนจบที่เจ็บปวดอยู่แล้ว
หรือจะเป็นฉากเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เฮียวิชิตมีความสุขกับยอดเรตติ้งละครที่ชู้ตกำกับ และยอมเพิ่มเงินโบนัสให้กับพระเอก ซึ่งในตอนแรกชู้ตไม่ยอมรับไว้ จนกระทั่งเฮียวิชิตพูดว่า “ถ้าไม่มีเงินแล้วมึงจะไปดูแลใครได้” พร้อมกับกล้องที่ตัดภาพไปทางน้ำผู้กำลังยืนเต้นกับเพื่อนในกองถ่ายอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชู้ตเริ่มไขว้เขวต่อจุดยืนและความคิดของเขาเป็นที่สุด
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment
ระหว่างการทำประโยชน์เพื่อสังคมกับการดูแลคนที่เรารัก มันจะดำเนินไปพร้อมกันไม่ได้จริงๆ งั้นหรือ
อย่างที่ผมบอก…ละครหรือหนังน้ำเน่ามันไม่ได้สะท้อนภาพสังคมเลยสักนิด
ผมไม่อินหนังน้ำเน่า
ที่ผมนั่งร้องไห้ในโรงหนังคงเป็นเพราะฝุ่นเข้าตา ไม่ได้เป็นเพราะเศร้าหรืออินไปกับบททะเลาะระหว่างชู้ตกับน้ำ เพราะมันก็แค่ฉากเรียกน้ำตาที่ทิ้งช่วงนานจนใจหายนิดหน่อยเอง ใครอ่อนแอก็แพ้ไปนะ…แค่กๆ สงสัยจะสำลักฝุ่น
หนังน้ำเน่าแบบนี้ ใครๆ ก็เดาออกว่าสุดท้ายพระเอกนางเอกก็ต้องกลับมาคืนดีกัน แล้วก็คงได้เห็นฉากทั้งคู่ยืนกุมมือกันท่ามกลางแสงยามเย็นอันงดงาม
ต้องกลับมาดีกันแน่ๆ จริงไหม
หรืออย่างน้อยขอให้ตอนจบแบบ happy ending ให้กับชู้ตและน้ำได้ไหม ไหนๆ จะล้อเลียนละครน้ำเน่ามาขนาดนี้แล้ว ตอนจบก็ต้องสมหวังด้วยสิ…
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป ผมแค่เห็นใจในตัวเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชู้ตกับน้ำก็คนกันเอง ไม่ได้อินอะไรทั้งนั้นแหละ
ผมไม่อินหนังน้ำเน่า
ดูจนจบแล้ว ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรจากหนังเรื่อง ‘คุณชายน์’ บ้าง ยกเว้นก็แต่…
บางทีผมก็ต้องการอะไรเพียงเท่านี้แหละ…
ได้ดูหนังซ้อนละครแล้วหัวเราะจนน้ำตาเล็ดร่วมกับคนอื่นๆ ที่ไม่รู้จัก ได้นั่งน้ำตาซึมเงียบๆ คนเดียวจากฉากที่พระเอกนางเอกทะเลาะกัน ได้ลุ้นว่าตอนจบของหนังจะเป็นดั่งใจหวังหรือไม่ และได้อิ่มใจกับความสนุกสนานที่อยู่ภายในระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในโรงหนังกลางเมือง
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment (1) (2) และ (3)
แม้ว่าผมจะยังคงไม่รู้ว่า happy ending นั้นมีอยู่จริงในชีวิตของเราไหม หรือบางทีชีวิตของเราอาจจะพลิกโผเหมือนชู้ตกับน้ำในตอนจบก็เป็นได้
แต่ผมก็เชื่อว่าในวันหนึ่ง happy ending มันคงเกิดขึ้นกับทุกคนเอง และต่อให้เราได้เจอกับเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่คิดว่านี่คือ happy ending แล้ว ชีวิตของเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นเดิม สุดท้ายเราทำได้เพียงรอคอยให้ตัวเองได้มีโอกาสพบเจอกับ happy ending อีกครั้ง
ภาพประกอบจาก เพจ Facebook: Workpoint Entertainment