Art & CultureArticlesWritings

มองความตายผ่านเลนส์กล้อง ใน ‘ลาก่อน เอริ’

เรื่องและภาพประภาพ: สิทธิเดช สายพัทลุง

Spoiler Alert: บทความชิ้นนี้มีการสปอยล์เนื้อหาของ ‘ลาก่อน เอริ’ หรือ ‘Goodbye Eri’

‘ภาพยนตร์’ สื่อบันเทิงภาพเคลื่อนไหวที่สามารถเล่าเรื่องราวได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องราวความสุขจนต้องยิ้มตาม หรือเรื่องราวการจากลาที่ทำให้กลั้นน้ำตาแทบไม่ไหว ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเรื่องจริงและเรื่องแต่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีสิ่งสำคัญที่อยากจะสื่อฝังไว้ในเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอ

ในนัยหนึ่ง เราที่เป็นผู้รับชมภาพยนตร์จะได้ซึมซับเรื่องราวต่างๆ ของตัวละครภายในเรื่องอย่างเต็มที่ ชนิดที่ว่าเราอาจจะรู้จักตัวเขาดีกว่าเขาเองเสียอีก ซึ่งมันทำให้เราสามารถดื่มด่ำและรู้สึกร่วมไปกับตัวละครตัวนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ราวกับเราได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา หรือบางครั้งอาจจะเหมือนเราเป็นเขาเลยเสียด้วยซ้ำ

แต่ในอีกนัยหนึ่ง มันก็สามารถเปลี่ยนสถานะของตัวละครเหล่านั้น จากผู้ประสบเหตุและมีความเกี่ยวข้องให้กลายเป็นผู้ชมที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้าได้ อย่างในเรื่องราวของ ‘ลาก่อน เอริ’ หรือ ‘Goodbye Eri’ การ์ตูนสั้นที่เล่าเรื่องราวของเด็กชายที่ถูกแม่ไหว้วานให้ถ่ายคลิปช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ จนนำไปสู่ปมปัญหาในใจที่ไม่อาจแก้ไขได้ของเขา

การเปลี่ยนไปเป็นผู้ชมทำให้เด็กชายสามารถทนรับความรู้สึกเสียใจได้ในระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขาอยากจะใช้ชีวิตต่อ และในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เขาจะปลิดชีพตัวเอง ก็ได้มีการปรากฏตัวของเด็กสาวจากโรงเรียนเดียวกัน ผู้ที่จะมาทำให้ชีวิตของเด็กชาย ‘ยูตะ’ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ภาพประกอบจาก : https://www.viz.com/goodbye-eri

‘ลาก่อน เอริ’ หรือ ‘Goodbye Eri’ คือหนังสือการ์ตูนเรื่องสั้นเล่มเดียวจบ (One-shot) โดยนักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น ‘ทัตสึกิ ฟูจิโมโตะ’ (Tatsuki Fujimoto) ซึ่งมีผลงานที่กำลังโด่งดังแบบหยุดไม่อยู่ในช่วงเวลานี้อย่าง ‘Chainsaw Man’ โดยเจ้าตัวได้เริ่มเขียนเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ปี 2018 และได้หยุดเขียนไปในช่วงปี 2020 ก่อนที่จะกลับมาดำเนินเรื่องต่อในปี 2022 ซึ่งในระหว่างที่หยุดไปนั้น เขาก็ได้เขียน One-shot ขึ้นมาสามเรื่อง คือ ‘Just Listen to the Song’ ‘Look Back’ และ ‘Goodbye Eri’

ซ้ายบน : Look Back ซ้ายล่าง : Goodbye Eri ขวา : Just listen to the song

เรื่องราวของ ‘อิโต้ ยูตะ’ (Ito Uta) เด็กนักเรียนม. 1 ที่ได้รับมือถือเครื่องใหม่จากแม่ของเขา เพื่อให้เขาถ่ายวิดีโอของแม่ที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายในช่วงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่เขาจะนำวิดีโอทั้งหมดมาตัดต่อให้กลายเป็นหนังแล้วนำไปเปิดแสดงที่งานโรงเรียน

ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ…ที่ไหนกันล่ะ

แม้แม่ในเรื่องจะออกมาดูดีขนาดไหน แต่ทุกคนก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังของยูตะนั้นเรียกได้ว่าเข้าขั้น ‘ห่วยแตก’ ถึงขนาดที่อยากจะลบความทรงจำเกี่ยวกับหนังที่พึ่งดูไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น อย่างฉากจบ ที่ยูตะวิ่งหนีออกมาจากโรงพยาบาลที่แม่รักษาตัวอยู่ แล้วหลังจากนั้นโรงพยาบาลก็ได้ระเบิดกลายเป็นจุล มันยิ่งทำให้ถูกพูดถึงในแง่ที่ว่า ‘เอาความตายของแม่มาเล่นตลกแบบนี้ได้ยังไง’

“ทำไมต้องเอามาทำเป็นหนังด้วย? มันไม่ควรหรือเปล่า? เพราะอะไร?”

“ผมถ่ายไปประมาณ 100 ชั่วโมงได้…เลยพยายามตัดให้คนดูง่ายๆ แล้วพอใส่เพลงดีๆ เข้าไป…มันก็กลายเป็นหนังไปซะแล้วครับ”

“แล้วฉายหนังแบบนี้ไม่รู้สึกผิดกับคุณแม่ที่เสียไปบ้างรึไง?”

“ครับ ไม่ครับ…เอ่อ เปล่าครับ”

“แล้วตอนสุดท้าย…ทำไมต้องระเบิดด้วย?”

“…ก็เจ๋งดีออกนี่ครับ?”

บทสนทนาระหว่างยูตะและอาจารย์ประจำชั้น ก่อนที่จะถูกดุว่ามองความตายเป็นเรื่องที่เจ๋งได้ยังไง

หลังจากเรื่องราวทั้งหมด ยูตะเลือกที่จะถ่ายคลิปสั่งลา ก่อนที่จะไปปลิดชีพตัวเองลงด้วยการกระโดดลงมาจากดาดฟ้าโรงพยาบาลที่คุณแม่เคยรักษาตัว ทว่าก็ถูกขัดจังหวะด้วยหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่เหมือนจะไม่ได้มาช่วยสักเท่าไร

“จะโดดเหรอ”

“เอ๋…”

“ถ้าอยากตายก็อย่ามาทำที่โรงพยาบาลนี้เลย เครดิตเขาเสียหมด…ไม่จริงน่า? หรือว่านายคืออิโต้ ยูตะ เจ้าของหนัง Dead Explosion Mother เหรอ?”

“อา…อื้ม..”

“ตามฉันมานี่”

บทสนทนาแรกระหว่างยูตะ และเด็กสาวที่เขาได้รู้จักชื่อเธอในภายหลังว่าคือ ‘เอริ’

เธอจูงยูตะออกมาเพื่อให้เขามานั่งดูหนังกับเธอที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยไปว่าหนังของเขานั้นมัน ‘โคตรเจ๋ง!’ และรู้สึกแย่มากที่คนทั้งโรงเรียนหัวเราะเยาะมัน ทั้งที่เธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะงั้นเธอเลยอยากให้ยูตะทำหนังขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง โดยต้องการให้คนทั้งโรงเรียนน้ำตาแตกไปกับมันให้ได้

ภาพประกอบจาก : https://theanimeview.tumblr.com/post/685453180706914304/goodbye-eri-analysis-part-two

ทั้งยูตะและเอริได้ใช้เวลาด้วยกันเพื่อดูหนังและปรึกษากันเกี่ยวกับหนังที่อยากถ่ายอยู่ตลอด จนได้หนังเรื่องใหม่ที่เป็นเรื่องราวของนักเรียนที่ถูกแม่ไหว้วานให้ถ่ายคลิปก่อนที่ตัวเองจะตาย เขาได้นำมันไปฉายในงานโรงเรียนจนโดนหัวเราะเยาะ และได้พบกับ ‘แวมไพร์’ ที่ชอบหนังเรื่องนี้ จนมาชวนเขาทำหนัง 

ใช่…มันคือเรื่องราวของยูตะนั่นแหละ

เอริถูกใจเรื่องราวและปมของตัวละครที่ยูตะเล่า จากนั้นเรื่องราวจึงถูกเพิ่มเติมมิติของตัวละครแวมไพร์สาวเข้าไปอีก ด้วยการบอกว่าเธอนั้นกำลังจะตาย และเหตุผลที่รั้งนักเรียนคนนี้ไว้ก็เพื่อต้องการทำหนังเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา เพราะแม้จะอยู่มาหลายร้อยปี แต่ในตอนที่กำลังจะตาย… เธอกลับกลัวที่จะถูกลืม

ทั้งคู่ตกลงที่จะทำหนังเรื่องนี้ให้ออกมาสมบูรณ์ให้ได้ แต่ก่อนอื่นใด ยูตะนั้นอยากชวนเอริไปกินข้าวร่วมกับพ่อของเขาสักครั้ง ทั้งได้เจอหน้ากัน รวมถึงจะได้ถ่ายฉากในหนังไปด้วยเสียเลย

“อันนี้ไม่ใช่บทที่พูดนะคะ… แต่จะดีจริงๆ เหรอคะ? ที่จะให้ยูตะคุงถ่ายหนัง
ถ้าหนังออกมาไม่ดีก็จะถูกล้ออีกแน่ ถูกทำเหมือนเป็นของเล่นนะคะ ทั้งหนู ทั้งยูตะ…
หรือแม้กระทั่งคุณพ่อเองก็อาจจะได้รับความเจ็บปวดไปด้วยกันนะคะ?”

“อืม…อันนี้เพื่อนพ่อเป็นคนพูดนะ งานประพันธ์น่ะ
มันคือสิ่งที่เข้าไปสะกิดปมของผู้เสพจึงทำให้เขาทั้งหัวเราะและร้องไห้ได้ใช่มั้ยล่ะ?
ดังนั้นถ้าผู้สร้างไม่เจ็บปวดอะไรเลยมันก็ไม่ยุติธรรมสิ”

บทสนทนาระหว่างคุณพ่อและเอริ ก่อนที่จะถามลูกชายว่าประโยคที่เล่าให้ฟังนั้นเท่พอจะใส่เข้าไปในหนังของเขาด้วยมั้ย

การถ่ายหนังของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งอาการป่วยที่เอริเผชิญมาตลอดกำเริบและไม่สามารถแอบซ่อนมันไว้ได้อีก สุดท้ายสิ่งที่เธอขอให้ยูตะทำนั้น ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเขาเมื่อครั้งที่ซื้อโทรศัพท์เครื่องที่ใช้อยู่นี้ให้ 

“ช่วยถ่ายคลิปฉันไปเรื่อยๆ? จนกว่าจะตายได้ไหม เหมือนในเรื่องที่ยูตะคิดไว้”

ยูตะที่ยอมรับความจริงไม่ได้เลือกที่จะวิ่งหนีจากโรงพยาบาลและขังตัวเองอยู่ในห้อง และถูกขัดจังหวะโดยพ่อที่รับรู้เรื่องอาการป่วยของเอริแล้วเช่นกัน พ่อของเขาจึงได้เฉลยเรื่องราวอีกด้านของการถ่ายทำคลิปคุณแม่ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในหนังของยูตะมาก่อน…

แม่ของยูตะนั้นเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี เพราะอย่างนั้นเธอจึงต้องการที่จะถ่ายเรื่องราวของเธอที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายให้กลายมาเป็นสารคดี แต่ด้วยความไม่สะดวกของพ่อ หน้าที่ตากล้องก็ต้องตกไปเป็นของยูตะแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยแม่ของเขานั้นทำร้ายเขาสารพัด ทั้งดุด่าเรื่องคุณภาพของคลิปที่ถ่าย ไปจนถึงการทำร้ายร่างกายด้วยการต่อยและตบตีที่ใบหน้าของยูตะ

ทว่าสิ่งที่ทำให้พ่อตกใจจริงๆ ก็คือเมื่อถึงคราวที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป มันกลับมีแต่ภาพของคุณแม่ในมุมที่สวยงามและใจดีอยู่ภายในนั้น เหมือนกับว่ายูตะตั้งใจตัดเรื่องราวด้านร้ายๆ ของคุณแม่ออกไปจนหมด ซึ่งพ่อคิดว่าเอริก็คงต้องการสิ่งนี้จากยูตะเหมือนกัน…การเหลือแต่สิ่งดีๆ เอาไว้

   ยูตะกลับไปหาเอริอีกครั้งเพื่อขอเธอถ่ายหนังต่อจนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบ มันมีเรื่องราวต่างๆ ที่ทั้งสวยงามและน่าคนึงหา ภาพที่ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน กินของหวาน เล่นกับแมว ทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาผ่านสายตาของยูตะ จนกระทั่งฉากสุดท้าย เอริที่กำลังนอนซมอยู่บนเตียงโรงพยาบาล แม้ตอนนี้เธอจะอยู่ในสภาพซูบผอมด้วยอาการป่วย…แต่ภาพของเธอที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยน

ภาพประกอบจาก : https://theanimeview.tumblr.com/post/685453180706914304/goodbye-eri-analysis-part-two

“เอริน่ะ อยากให้ผมทำหนังแบบไหนเหรอ?”

“ก็เหมือนที่บอกไปตอนแรกนั่นแหละ”

“บอกว่าไงนะ?”

“หนังที่ทำให้ทุกคนน้ำตาแตกไง”

บทสนทนาสุดท้ายระหว่างเขากับเอริ ที่สามารถทำให้ทุกคนน้ำตาแตกได้สำเร็จแล้ว

เรื่องราวเหมือนจะจบลงอย่างสวยงาม แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย หลังจบจากงานโรงเรียนครั้งนี้ยูตะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาตัดหนังของเอริซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เขาจะสร้างครอบครัวและมีลูกสาวแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงตัดต่อหนังนั้นต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน จนจุดเปลี่ยนได้เกิดขึ้นมาอีกครั้งนึง

เมื่ออุบัติเหตุคร่าชีวิตทั้งพ่อ ภรรยา และลูกสาวของยูตะไป มันทำให้เขาที่เคยเผชิญความตายของคนสำคัญด้วยการมองผ่านเลนส์กล้องมาตลอด ไม่สามารถแบกรับความสูญเสียนี้ได้ จนทำให้เขากลับมาอัดคลิปตัวเองอีกครั้ง และกำลังจะไปปลิดชีพตัวเอง ที่สถานที่แห่งความทรงจำระหว่างเขากับเอริ

แต่ที่น่าแปลกคือในตึกร้างที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ ในห้องที่ควรจะมีแต่โปรเจกเตอร์ฉายหนังฝุ่นเขรอะถูกตั้งทิ้งไว้ มันดันกลับถูกเปิดอยู่ พร้อมกับฉายภาพของหนังที่เขาทำ และคนที่นั่งดูมันอยู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…เอรินั่นเอง

ภาพประกอบจาก : https://www.cbr.com/goodbye-eri-tatsuki-one-shot-manga/

“จบแบบคนรักตายเนี่ย ธรรมดาจะตาย ครึ่งหลังอยากให้มันอิมแพกต์หน่อยอะ มันยังแฟนตาซีไม่พอ”

“เอริกำลังคุยกับผมเหรอ?”

“เอริก็กำลังคุยกับคุณอยู่นี่ไงคะ”

“…มีสิ แฟนตาซีน่ะ ก็แต่งให้เธอเป็นแวมไพร์แล้วไง”

“นั่นไม่ใช่แฟนตาซีสักหน่อย ในเมื่อฉันเป็นแวมไพร์จริงๆ นี่นา”

เอริบอกว่าตัวเองนั้นเป็นแวมไพร์ ที่แม้ร่างกายจะเป็นอมตะแต่สมองนั้นไม่ มันจะคงอยู่ได้เพียง 200 ปีเท่านั้นก่อนที่จะถูกรีเซ็ต เธอจึงต้องเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้เธอคนถัดไปเสมอ ว่าชีวิตก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง และในรอบนี้มันดีกว่าทุกครั้ง ก็เพราะว่ามีหนังของยูตะเพิ่มขึ้นมาให้เธอจำตัวเองได้มากขึ้น

“ทุกครั้งที่ฉันดู ฉันจะได้พบกับนายอีกครั้ง และต่อให้ฉันจะลืมนายไปอีกสักกี่หน 

ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งก็จะยังนึกถึงนายได้เสมอ นี่มันวิเศษไปเลยไม่ใช่เหรอ?”

“…อื้ม วิเศษไปเลยนะ”

“ฉันไม่อยากดูหนังไปคุยไปหรอกนะ ถ้าไม่ดูก็ช่วยกลับไปทีได้มั้ย?”

“อา…ลาก่อนนะ”

“อื้ม…ลาก่อน”

บทสนทนาสุดท้ายของเขากับเอริ อีกครั้งหนึ่ง

หลังจากคุยจบ ยูตะก็ล้มเลิกสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำ เขาเดินออกมาจากตึกร้างแห่งนั้นพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม และเมื่อเดินออกมาในระยะที่ไกลมากพอ ตึกร้างแห่งนั้นก็กลายเป็นจุลเพราะระเบิด…จบบริบูรณ์

ภาพประกอบจาก : https://www.reddit.com/r/ChainsawMan/comments/16p5rvl/goodbye_asa_goodbye_eri_fujimotos_intertwined/?rdt=49049

จากเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา จะทำให้เราเห็นว่ายูตะที่มองความตายในฐานะผู้ชมมาตลอด จนเมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายด้วยตาเนื้อของตัวเอง เขากลับไม่สามารถยอมรับมันได้ และเกือบจะจบชีวิตของตัวเองอีกครั้ง เหมือนตอนที่แม่ของเขาเสียไป คือประเด็นหลักที่เรื่องราวต้องการจะสื่อออกมา การเผชิญหน้ากับความตายและการยอมรับมัน หรือถ้ายอมรับไม่ได้…ก็จงปรุงแต่งมันจนกว่าจะเป็นเวอร์ชันที่ยอมรับได้เสีย

สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของการ์ตูนเรื่องนี้นอกจากเนื้อเรื่องและการหักมุมในตอนจบแล้ว คือเทคนิคการวาดที่สร้างอิมแพกต์ต่อคนดูได้มาก ด้วยการจัดช่องภาพให้มีแต่ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าในจำนวนที่ไม่เกิน 4 ช่อง ทำให้ตลอดการอ่านไม่ต่างกับการดูหนังเรื่องหนึ่งบนจอเลย

บน: ช่องภาพในการ์ตูนทั่วไป ล่าง: ช่องภาพใน ‘ลาก่อน เอริ’

ภาพประกอบจาก : https://www.pinterest.com/pin/903112531499983755/https://www.pinterest.com/pin/903112531499983755/

https://www.tcj.com/reviews/goodbye-eri/

ยิ่งไปกว่านั้น เทคนิคการวาดแบบนี้ยังสอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่สลับระหว่างการถ่ายหนังและเรื่องจริงอยู่ตลอด มันทำให้คนอ่านเกิดความสับสนว่า ช่องไหนคือเรื่องจริง หรือช่องไหนคือการถ่ายหนังกันแน่ แถมการจะทำให้คนดูสับสนได้นั้น จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการวาดที่ทั้งแม่นยำและลำดับเรื่องมาอย่างดีเยี่ยม ซึ่งฟูจิโมโตะมาสามารถทำได้

สุดท้ายเรื่องราวจะจบที่ตรงไหน เอริเป็นแวมไพร์จริงมั้ย? หรือเป็นเพียงภาพหลอนของยูตะกันแน่ หรือสุดท้ายตึกร้างนั้นระเบิดจริงๆ หรือมันคือแค่ในจินตนาการของยูตะอีกเหมือนกัน?

เราไม่อาจรู้ได้เลย… 

และบางทีอาจไม่จำเป็นต้องรู้มันก็ได้

เพราะภาพที่เราเห็น…อาจเป็นภาพที่ยูตะต้องการให้มันเป็น

ทั้งในความคิดของเขา และความคิดของเราทุกคน

จบบริบูรณ์

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0
Writings

หนังอิสระไทยอยู่ไหน? : สำรวจเส้นทางของหนังอิสระบนขวากหนามแห่ง “อุตสาหกรรม”ภาพยนตร์ไทย

เรื่องและภาพ: ปานชีวา ถนอมวงศ์ คุณจะคิดถึงหนังอะไรเป็นอย่างแรกเวลาไปโรงหนัง? แน่นอนว่าหนังฮอลลีวูดครองตลาดอุตสาหกรรมหนังในไทยมาเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่และมีความต้องการสูง อีกทั้งยังมีคุณภาพการผลิตสูงเพราะได้รับทุนสร้างจำนวนมาก จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ ถึงอย่างนั้นจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นในปี 2023 โดยข้อมูลจาก Marketing Oops! ชี้ให้เห็นว่า หนังไทยเริ่มครองตลาด และทำรายได้ถึง 54% ซึ่งมากกว่าหนังฮอลลีวูดที่ทำรายได้อยู่ที่ 38% ของรายได้จากหนังทั้งหมด ...

Features

ม้ารุ่นใหญ่ ม้ารุ่นใหม่: กระแส ‘สาวม้า’ ในมุม ‘เซียนม้า’ ราชกรีฑาสโมสร

เขียน: วรัชยา สุริยะพันธุ์ ภาพประกอบ: ต้นกล้า สิทธิเวช สนามม้าราชกรีฑาสโมสร สนามแข่งม้าใจกลางเมืองที่เคยเงียบเหงากลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่นับพันคนในชั่วข้ามคืน เมื่อเกม ‘Umamusume: Pretty Derby’ เกมมือถือสัญชาติญี่ปุ่นที่นำม้าแข่งในชีวิตจริงมาแปลงร่างเป็นสาวน้อยน่ารักกำลังเป็นกระแสมาแรงในประเทศไทย ต่อยอดมาถึงกิจกรรมวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา เมื่อเหล่านักคอสเพลย์ (การแต่งกายเลียนแบบตัวละครจากสื่อบันเทิง) แฟนคลับเกม และอินฟลูเอนเซอร์วงการเกมมือถือนับร้อยมารวมตัวยังสนามม้าแห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ ...

Writings

ผู้หญิงเหนือเงา ‘ชาย’

เรื่องและภาพ: ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดซีรีส์วายคือหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และสร้างรายได้มหาศาลทั้งจากในและนอกประเทศ แต่ท่ามกลางความรุ่งเรืองนั้น หากลองมองลึกเข้าไปในโครงสร้างของการเล่าเรื่องจะพบว่า ผู้หญิง มักจะถูกลดบทบาทให้เหลือเพียงตัวประกอบในศูนย์กลางของเรื่องราวความรักชาย-ชาย หากมองย้อนกลับไปในยุคแรกๆ บทบาทของผู้หญิงคือ ตัวร้าย หรือ ...

Writings

Like a popsicle on the 4th of July (ให้ชีวิตร้อน ๆ ได้พักกินไอศกรีมบ้าง)

เรื่อง : ปิยะวรรณ นาคะสิงห์ ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา หากถามถึงฤดูร้อนของประเทศไทยว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ อิงตามข้อมูลคงเป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ความเป็นจริงประเทศไทยก็ร้อนทั้งปีตามประสาของประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตร ขณะเดียวกันในสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน โดยจะร้อนมากที่สุดในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เอง ...

Writings

อิสรภาพที่โลกจริงไม่อาจมอบให้ : สำรวจชีวิตในฝันของคนยุคใหม่ผ่านอนิเมะแนวต่างโลก(Isekai) “สกิลสุดพิสดารกับมื้ออาหารในต่างโลก”

เรื่อง : ชลธิชา บุญเรือง ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความกดดันจากทุกทิศทาง ทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์ ทุกย่างก้าวของชีวิตเต็มไปด้วยเสียงกดดันจากสังคมที่คอยบอกให้เราต้องวิ่งตามให้ทันตลอดเวลา “ต้องเรียนให้เก่ง ” “ต้องได้เข้ามหาลัยดัง ๆ” ...

Writings

Le Pupille : คำถามต่อสิ่งที่ ‘เห็น’ และสิ่งที่ ‘เป็น’

เรื่อง : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ  ความคิดแบบเด็กไร้เดียงสากลายเป็นความขบถอันแสบสัน ที่ทำให้โรงเรียนคาทอลิกวุ่นวายตลอดวันคริสมาสต์ เมื่อเทศกาลแห่งการแบ่งปันและภาวนาถึงพระเยซูคริสต์ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างการเห็นแก่ตัวในโรงเรียนเคร่งศาสนา ‘Le Pupille’ ภาพยนตร์ขนาดสั้นสัญชาติอิตาลี ถูกฉายครั้งแรกในดิสนีย์พลัส (Disney+) เมื่อปีพ.ศ.2565 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save