เขียน: ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร

แฟนฟุตบอลทีมชาติไทยชี้แนวทางการทำทีมของ ‘ฮัดสัน’ โค้ชทีมชาติคนใหม่ที่เน้นใช้ตัวผู้เล่นอายุมาก อาจขัดต่อการพัฒนานักฟุตบอลดาวรุ่งซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาวงการฟุตบอลในปัจจุบัน แนะควรใช้ผู้เล่นสองรุ่นผสมกัน เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาต่อเนื่องในระยะยาว
จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ) ปลดมาซาทาดะ อิชิอิผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่แบบกะทันหันจนทำให้เกิดกระแส #Boycottสมาคมฟุตบอลไทย ในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันแฟนฟุตบอลหลายคนก็วิจารณ์การทำทีมของ แอนโธนี ฮัดสัน ผู้จัดการทีมชาติไทยชุดใหญ่คนใหม่ ที่เลือกใช้นักฟุตบอลทีมชาติอายุเฉลี่ย30 ปี เพราะต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลทันทีท่ามกลางแรงกดดันจากแฟนฟุตบอลที่ถาโถมเข้ามา ทั้งนี้จากกระแสของโลกฟุตบอลที่เน้นการพัฒนาเยาวชนเป็นหลัก การเลือกผู้เล่นตามแนวทางดังกล่าว จึงทำให้เกิดความกังวลว่าทีมชาติไทยชุดใหญ่จะขาดความต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นภาพสะท้อนปัญหาเชิงลึกของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ถูกมองว่าไร้ระบบ และเอื้อประโยชน์กันเองจนขัดขวางการพัฒนาระบบฟุตบอลในระยะยาวนั้น
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิตในเกมอุ่นเครื่องทีมชาติไทยชุด U23 พบกับทีมชาติอินเดีย แฟนฟุตบอลจำนวนหนึ่งให้ความเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าวของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ดังนี้
เอม (นามสมมติ) แฟนฟุตบอลที่ติดตามฟุตบอลไทยมากว่า 10 ปี กล่าวว่า ตนเองเข้าใจในแนวทางของโค้ชใหม่ที่ให้โอกาสนักเตะเก่ากลับมาเล่นอีกครั้ง แต่การเลือกตัวผู้เล่นมีผลต่อผลการแข่งขันมาก การมอบโอกาสให้แก่นักฟุตบอลรุ่นเก่าและเด็กรุ่นใหม่จึงเป็นเรื่องสำคัญ และเชื่อว่าความศรัทธาในฟุตบอลไทยจากแฟนฟุตบอลยังคงอยู่ แม้จะเกิดกระแสต่อต้านสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในช่วงหลังก็ตาม
บี (นามสมมติ) แฟนฟุตบอลไทยที่ดูมา 2 ปี กล่าวว่า เขาเข้าใจแนวทางของโค้ชคนใหม่ที่ให้โอกาสนักเตะรุ่นเก่ากลับมาเล่นอีกครั้ง แต่มองว่าการทำทีมควรผสมทั้งสองรุ่น ไม่ควรพึ่งพิงนักเตะรุ่นเก่ามากเกินไป เพราะนักเตะรุ่นใหม่มีความขยัน ความเร็ว และความตื่นตัวสูง ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่อง
พอล (นามสมมติ) แฟนฟุตบอลไทยที่ติดตามมานานกว่า 12 ปี กล่าวว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในปัจจุบันคือ ไม่มีความต่อเนื่องและไม่มีแนวทางปฏิบัติชัดเจน โดยทำท่าจะวางแผนการจัดการในระยะยาว แต่สุดท้ายก็สะดุดและเปลี่ยนโค้ชที่ไม่ตรงแนวทางออกไป ซึ่งทำให้แนวทางเปลี่ยนไปมาอยู่เสมอ ต่างจากสมาคมกีฬาฟุตบอลของประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวทางการทำทีมที่ชัดเจนและมุ่งเน้นผลสำเร็จระยะยาว
“เอาจริงๆ เกมอุ่นเครื่องควรดันเด็กชุดใหม่ขึ้นมาเล่นให้เยอะๆ เพื่อให้เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากที่สุด เพราะอย่างเกมที่เจอสิงคโปร์ มันไม่ได้มีผลอะไรมากอยู่แล้ว” พอลกล่าว
พอลกล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรมีระบบประเมินผลงานโค้ชอย่างเป็นขั้นตอน ไม่ใช่ตัดสินตามกระแสหรือปลดโค้ชฟ้าผ่า เขายังกล่าวอีกว่าตนเองหมดศรัทธาต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มากกว่าทีมชาติไทย เพราะเชื่อว่าปัญหาแท้จริงอยู่ที่การบริหารและมีวัฒนธรรมเอื้อประโยชน์กันเองภายในองค์กร










