SocietyWritings

เราจะกระจายวัคซีนอย่างไร ในสถานการณ์ที่ไม่มีคำว่าเท่าเทียม

เรื่อง : วีริสา ลีวัฒนกิจ

ในสถานการณ์ปกติคงไม่มีใครกล้าพูดว่าความเท่าเทียม (equality) เป็นสิ่งที่ไม่ดี โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของสวัสดิการของภาครัฐ

แต่ไม่ใช่กับสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่คนกลุ่มหนึ่งจะต้องเสี่ยงตายมากกว่าคนอีกกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นวัคซีนทั้งหมดที่กำลังเริ่มเดินทางมาถึงแล้ว จะไม่สามารถฉีดให้กับประชาชนทุกคนทั่วประเทศได้ เนื่องจากมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดภูมิต้านทานหมู่เท่านั้น ดังนั้นคำถามที่ว่า ‘เราจะกระจายวัคซีนอย่างไรให้ยุติธรรม (Justice) และเหมาะสมที่สุด’ ถึงเป็นคำถามที่ถูกถามขึ้นทั่วโลกในขณะนี้

ลองจินตนาการว่า วันหนึ่งรัฐบาลออกแถลงการณ์ถึงวิธีการกระจายวัคซีนที่สุดแสนจะเท่าเทียมผ่านการนำชื่อของประชากรทุกคนมาเข้าระบบสุ่ม โดยไม่คำนึงถึงเพศ อายุ อาชีพหรือฐานะใด ๆ วันนั้นคงจะเป็นวันที่วุ่นวายอยู่ไม่น้อย และทุกคนคงเห็นพ้องต้องกันว่าวิธีนี้ไม่ใช่วิธีการที่ดีเท่าไหร่

แต่การให้วัคซีนแบบตามใจฉัน เช่น ถ้าวันหนึ่งรัฐบาลตัดสินใจจะให้วัคซีนกับเจ้าสัวเอื้อประโยชน์ให้กับพวกตนที่สุดก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน

จากสถานการณ์สมมุติข้างต้นจะเห็นได้ว่าคำตอบของคำว่ายุติธรรมในสถานการณ์โรคระบาดนี้ คงไม่ใช่คำว่าความเท่าเทียมตามที่สามัญสำนึกของเราเข้าใจ และย่อมไม่ใช่การให้วัคซีนตามใจฉัน ซึ่งผู้เขียนมั่นใจ (หรืออย่างน้อยก็หวังเป็นอย่างยิ่ง) ว่ารัฐบาลของเราจะไม่ตัดสินใจเช่นนี้อย่างแน่นอน

ก่อนที่เราจะไปร่วมหาคำตอบกัน เรามาดูท่าทีของรัฐบาลไทยกันก่อน ท่าทีของรัฐบาลนั้นดูจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก สังเกตได้จากแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีผ่าน Podcast ของเพจไทยคู่ฟ้า ในวันที่ 27 ม.ค. ว่าจะนำวัคซีนมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวและเจ้าหน้าที่ และเปิดเผยเพียงว่าวัคซีน 5 หมื่นโดสที่จะมาถึงเป็นล็อตแรกนั้นจะถูกนำไปฉีดให้กับบุคลากรสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ รวมถึงตำรวจ ทหารในพื้นที่เสี่ยงก่อน คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีทำให้ผู้เขียนชวนสังเกตถึงลำดับการให้วัคซีนในอนาคตว่าจะมีท่าทีเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อวัคซีนล็อตแรกมีจำนวนที่จำกัด กอปรกับศักยภาพในการกระจายวัคซีนในขณะนี้ ดังนั้นเราจึงต้องการการบริหารจัดการลำดับการฉีดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อขยายประโยชน์ให้สูงที่สุด

สำหรับคำตอบของความยุติธรรมในสถานการณ์โรคระบาดนี้ อาจจะเป็นหลักปฎิบัติในการให้วัคซีนของหลายประเทศ คือการให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเที่ยงธรรม (equity)’  โดยรัฐควรจะให้ความสำคัญกับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือก่อน และเป็นที่เข้าใจกันว่ากลุ่มแรกที่ควรได้รับวัคซีนคือบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

แต่สิ่งที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ คือระหว่างผู้สูงอายุหรือแรงงานที่มีความสำคัญ คนกลุ่มไหนล่ะ ที่ควรจะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มถัดมา

การตัดสินใจว่าการให้วัคซีนกับกลุ่มไหนก่อนนั้น ต้องพิจารณาถึงเป้าหมายในการให้วัคซีนร่วมด้วย คือการลดอัตราผู้เสียชีวิตและการคืนสังคมสู่สภาวะปรกติให้เร็วที่สุด ต่างกันไปตามแต่ละแนวทางของแต่ละประเทศ

การให้วัคซีนแก่กลุ่มผู้สูงอายุดูจะเป็นแนวคิดแรกของใครหลายคน มีพื้นฐานอยู่บนความพยายามที่จะลดอัตราการเสียชีวิตจากผลกระทบที่เชื้อ COVID-19 เข้ามาป่วนร่างกายของกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้ร่างกายมีการทำงานผิดปรกติโดยเฉพาะในรายที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว

แต่สำหรับประเทศไทยที่เห็นกันว่ามีผู้เป็น ‘โคม่า’ จากพิษเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก แนวทางในการให้วัคซีนที่เน้นแรงงานสำคัญอาจจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพราะตั้งอยู่บนฐานคิดของการลดการกระจาย อีกทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ตัดสินใจฉีดวัคซีนให้กับแรงงานเสี่ยงก่อนก็ได้รับแรงสนับสนุนในแง่ของการให้ความสำคัญกับสีผิวและความหลากหลายของชาติพันธุ์ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมักเป็นแรงงานกลุ่มเสี่ยงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก็สามารถปฏิบัติจริงอย่างได้ยาก เนื่องจากต้องมีการประเมินว่าแรงงานกลุ่มไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน ตามหลักการแล้วแรงงานก่อสร้างชาวเมียนมาอาจจะได้วัคซีนไวกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดบางจังหวัดเสียอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าการคาดหวังสิ่งนี้อาจจะสูงไปเสียหน่อยกับสังคมไทยในขณะนี้

อีกทั้งการให้วัคซีนแก่คนอายุน้อยที่ร่างกายแข็งแรงดี (แม้จะเป็นกลุ่มที่ทำอาชีพเสี่ยง) แทนผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวก็ดูจะสร้างความอึดอัดใจไม่น้อย ในสหรัฐอเมริกามีคนจำนวนหนึ่งสละคิววัคซีนของตนเมื่อรู้ว่าคนชราในครอบครัวยังไม่ได้รับวัคซีน

การสละวัคซีนเพราะขัดกับความต้องการส่วนบุคคลก็นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย เนื่องจากรัฐไม่มีสิทธิที่จะไปฝืนใจใครให้ฉีดวัคซีน เราสามารถพูดได้ว่า ข้อถกเถียงเรื่องลำดับการให้วัคซีนก็คือการยืนอยู่บนทางแพร่งแห่งจริยธรรม ที่ต้องตัดสินใจว่าประโยชน์สูงสุดที่สังคมจะได้รับจะต้องแลกมาด้วยความต้องการหรือแม้กระทั่งชีวิตของผู้คน

ดังนั้น การตัดสินใจว่าจะให้วัคซีนกับใครก่อนเป็นเรื่องที่สำคัญและควรถูกนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ

ไทยจะ ‘ชนะ’ ได้อย่างแท้จริงได้ ต้องขับเคลื่อนรัฐโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง น่าเสียใจที่หลายต่อหลายครั้งผลประโยชน์ของประชาชนถูกบดบังด้วยอำนาจต่าง ๆ

วัคซีนล็อตแรกเพิ่งจะมาถึงและกำลังจะตามมา คุณคิดว่ารัฐไทยควรจัดการอย่างไรกับวัคซีนเหล่านั้น?

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Society

Writings

คนสั่งไม่รู้ แต่คนรู้ต้องทำตาม : นโยบายห้ามเผาที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาฝุ่น PM 2.5

เรื่อง : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา “ไฟป่าไม่ได้คร่าเพียงแค่ผืนป่า แต่ยังคร่าชีวิตผู้พิทักษ์ฯ ของเราไปด้วย” คำอุทิศจากบุคลากรของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกถึงเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่พลัดหลงจากกลุ่ม หลังภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ป่าทางทิศตะวันออกของบ้านห้วยมะยม ตำบลเวียง อำเภอฝาง ...

Writings

มูแล้ว มูอยู่ มูต่อ : มุมมองต่อปรากฏการณ์การมูเตลูของเด็กรุ่นใหม่ในกรอบแนวคิดของนักวิชาการ

เรื่อง: ยลพักตร์ ขุนทอง และ แพรพิไล เนตรงาม ในโลกที่ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอยู่เสมอ และการพึ่งพาตนเองและคนรอบข้างอาจไม่ทันใจหรือไม่เพียงพอ การขอให้เทพหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเข้ามามีบทบาทในการตอบสนองความไม่แน่นอนเหล่านี้ผ่านการ ‘มูเตลู’ จึงเกิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์ของวิถีชีวิตมนุษย์ทุกคน ในทุกสังคม และทุกวัฒนธรรม  เพราะปรากฏการณ์และมุมมองของเด็กรุ่นใหม่ที่มีต่อการมูในโลกที่มีทางเลือกหลากหลายน่าสนใจยิ่ง ...

Writings

‘วงศาคณาธิปไตย’ ระบอบการปกครองที่เลือดเนื้อของวงศ์ตระกูลข้นกว่าความเป็นอยู่ของประชาชน

เรื่อง : กวินทัต สวัสดิ์นพรัตน์ ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา การปกครองของประเทศไทยในแบบเรียนระดับประถมศึกษาถูกนิยามว่าเป็น ‘ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ ทว่าคำนิยามในแบบเรียนดูเหมือนไม่ค่อยตรงกับลักษณะการปกครองที่ปรากฏมากเท่าไรนัก รัฐไทยเชื่อว่ากิจกรรมต่างๆ ทางการเมือง เช่น การมีเสรีในแสดงความคิดเห็น ...

Society

วันแรงงาน…ใครถูกนับ แล้วใครถูกลืม?

เรื่องและภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เวียนมาถึงในทุกปี หลายคนอาจนึกไปถึงแรงงานผู้สละชีพตนเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม หรือนึกถึงเสียงเรียกร้องเพื่อสิทธิแรงงานจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งมักดังขึ้นในที่สาธารณะและเวทีนโยบายต่างๆ ในวันนี้ เราจะได้ยินเรื่องความต้องการ ค่าจ้างที่เป็นธรรม ชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม และหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุม ...

Writings

ตรรกะวิบัติของนายกฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เรื่อง: พิชญา ณ วาโย การอภิปรายไม่ไว้วางใจนับว่าเป็นกลไกสำคัญของรัฐสภาในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตย การอภิปรายฯ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลอย่างรอบด้าน ทว่าสิ่งที่มักปรากฏให้เห็นในการอภิปรายคือ ‘ตรรกะวิบัติ’ หรือที่เรียกว่า ‘Logical fallacy’ หมายถึงการบิดเบือนของตรรกะในการชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับรัฐมนตรีทั้งหลายที่มีหน้าที่ต้องอธิบายทุกประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านซักฟอก การอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ ...

Articles

ภัยพิบัติในไทยกับความสนใจ ‘แค่กรุงเทพ’

เรื่อง: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพ: Wiroj Sidhisoradej จาก Freepik 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save