Art & CultureArticlesWritings

SOMEWHERE ONLY WE KNOW จุดพักใจของเหล่า ‘คนหัวเมฆ’

เรื่อง : สิทธิเดช สายพัทลุง

หมายเหตุ : คำอธิบายทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผู้เขียนตีความด้วยตัวเอง ผู้อ่านรับรู้เรื่องราวจากมุมมองของผู้เขียนได้ แต่อยากชวนไปดูที่งานด้วยนะ 🙂

“คิดงานไม่ออก” ผมบ่นขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นเป็นเวลา 10 โมงของวันอาทิตย์ที่อุณหภูมิเกือบ 40 องศา มันเป็นวันที่ผมวางแผนว่าจะเขียนบทความส่งอาจารย์ เพราะถ้าไม่เขียนให้เสร็จภายในวันนี้ ผมอาจจะติด F วิชานี้ไปเลยก็ได้

ผมผละมือจากแป้นพิมพ์ เพราะรู้ว่าวางไว้ต่อไปก็ไม่มีอะไรออกมาจากหัวอยู่ดี และเลือกจะไถโซเชียลมีเดียของตัวเอง เพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนงาน จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่โพสต์หนึ่ง มันเป็นโพสต์จากนักวาดที่ผมชื่นชอบมาอย่างยาวนาน กล่าวถึงนิทรรศการของเขาที่กำลังจัดแสดงอยู่ในขณะนี้

ภาพประกอบจาก : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=965541628264130&set=pb.1000442490
55120.-2207520000&type=3

“น่าสนใจจัง วันนี้พี่เขาเข้างานด้วย” หลังสิ้นเสียง ผมทักเข้าไปในไลน์กลุ่มประจำของผม “มึง มีใครไปงานพี่ฮ่องมั้ย วันนี้เลย” แน่นอนอยู่แล้วว่าการนัดแบบเร่งด่วนขนาดนี้มักหาคนตอบตกลงได้ยาก แต่ผมก็ยังลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว พร้อมที่จะออกไปโดยทิ้งงานที่ต้องส่งไว้ข้างหลัง

ผมนั่งรถเมล์ออกจากมหาวิทยาลัย ต่อรถไฟฟ้า และขึ้นวินไปสถานที่จัดนิทรรศการ ในระหว่างนั้นก็ยังคิดถึงงานที่ทิ้งไว้ในห้องตลอดการเดินทาง ตอนถึงหน้าสถานที่จัดงาน ผมก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เช็กเลยว่างานจัดแสดงที่ชั้นไหน แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็รู้ได้ทันทีว่าจัดแสดงตรงนั้นแน่นอน

ผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ไม่ใช่ในฐานะ Art of Hongtae แต่เป็น ‘ฮ่องอักษร’ หรือ ‘hongawrite’ เพจงานเขียนสั้นๆ ที่สามารถอยู่กับผู้อ่านได้ทุกสถานการณ์ งานเขียนของเขาทำงานได้ดีมากกับจิตใจผม และผมก็คาดหวังพอสมควรว่านิทรรศการนี้จะทำงานกับจิตใจของผมเหมือนกัน

‘SOMEWHERE ONLY WE KNOW’ หรือ ‘ที่เพียงเรารู้’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ ‘ฮ่องเต้ – กนต์ธร เตโชฬาร’ ศิลปินหนุ่มคารมดีผู้มีเอกลักษณ์เป็นแว่นตาทรงกลมและสไตล์การแต่งตัวสุดเท่ เจ้าของเพจ ‘Art of Hongtae’ กับงานที่จะพาผู้ชมอย่างเราเดินทางสู่โลกของเหล่า ‘คนหัวเมฆ’ 

รูปสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ปลายห้อง ดึงความสนใจของผมตั้งแต่ก้าวเข้าไปในพื้นที่จัดแสดง แต่ผมเลือกที่จะค่อยๆ ไล่ดูงานระหว่างทางก่อน เพื่อจะได้ไม่พลาดอะไรไป 

งานที่อยู่ในห้องแรกส่วนใหญ่จะเป็นพื้นหลังสีฟ้าเรียบๆ เปรียบดั่งการแนะนำคาแรกเตอร์ ‘คนหัวเมฆ’ ผู้ใช้เมฆปกคลุมใบหน้าเอาไว้ไม่ให้ใครรับรู้ พร้อมลอยไปตามสายธารของลมอย่างอิสระและไม่มีสิ้นสุด

ตัวของ ‘คนหัวเมฆ’ นั้นอาจไม่ได้หมายถึงใครหรือสิ่งใด หากแต่เป็นเพียงความรู้สึกเหงาที่แสดงออกมาเป็นรูปธรรม ที่แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดไหน ก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวและล่องลอยออกสู่ท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา

ผมเดินมาหยุดอยู่หน้างานที่ดึงความสนใจของผมได้มากที่สุด ภาพของคนหัวเมฆที่ถอดเมฆออก กำลังมองไปทางก้อนเมฆขนาดใหญ่ การไล่สีที่เหนือชั้นของเจ้าของงาน ทำให้ผมยืนมองรายละเอียดของงานนี้อยู่เกือบสิบนาที ก่อนที่จะออกมาเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังบังคนอื่นแล้ว

ผมเดินไปที่ห้องถัดไปและพบงานที่เริ่มมีสีสันมากขึ้น เหมือนเป็นการเพิ่มความรู้สึกและเรื่องราวให้กับคาแรกเตอร์ที่แนะนำไปก่อนหน้า ก่อนที่จะไปหยุดที่ภาพเล็กๆ ภาพหนึ่ง มันเป็นงานที่ทำให้อยากจะร้องไห้ออกมากลางโถงตรงนั้น ถ้าความคาดหวังของผมคืออยากให้นิทรรศการนี้ทำงานกับจิตใจ ผมเจองานที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นแล้ว

‘Joy Boy’ คือชื่อของงานที่ทำให้ผมรู้สึกจุกอก ภาพของนายหัวเมฆที่กำลังวิ่งอยู่กลางท้องฟ้าในช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง พื้นหลังของเขาเป็นสีส้มที่สวยงามมาก ผมไม่เห็นหน้าของนายหัวเมฆด้วยซ้ำ แต่ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความสุข เขากำลังสนุกกับการผจญภัยของเขา

เหมือนถูกตอกย้ำถึงสิ่งที่เป็นอยู่ มันทำให้ผมละทิ้งงานที่ติดค้างอยู่ในหัวออกไปทั้งหมด และเริ่มเดินดูงานตั้งแต่ห้องแรกอีกครั้ง เพื่อที่จะรับรู้ภาพในแบบที่ไม่มีอะไรอยู่ในหัวมากที่สุด ซึ่งมันทำให้ผมอิ่มเอมใจเหลือเกินที่ได้มาวันนี้

ผมเดินออกจากงานมาเจอกับพี่ฮ่องเต้กำลังคุยกับคนที่มางานอยู่ ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปรบกวนเขาและเดินไปดูจุดขายของหน้างานแทน ใจจริงผมอยากจะซื้อเสื้อที่เขาผลิตมานะ มันสวยมากจริงๆ แต่ด้วยงบประมาณที่มี ผมก็ได้ตัดสินใจซื้อโปสการ์ดมาหนึ่งใบเพื่อนำกลับไปด้วยแทน และแน่นอน มันคือโปสการ์ดของ ‘Joy Boy’

ปัจจุบันหากคิดงานไม่ออก ผมก็มักจะหยิบโปสการ์ดขึ้นมาดูทุกครั้ง เหมือนมันได้กลายเป็นจุดพักใจไปแล้ว เป็นสิ่งที่จิตใจผมต้องการอยู่ตลอด ไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด มีความสุขกับการล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ และเมื่อผมปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปมากพอ ผมก็มักจะคิดงานได้เสมอ

งาน ‘SOMEWHERE ONLY WE KNOW’ หรือ ‘ที่เพียงเรารู้’ กำลังจัดแสดงอยู่ที่ RCB Galleria 4 ชั้น 2 ริเวอร์ซิตี้ จนถึงวันที่ 21 เมษายนนี้ หากผู้อ่านอยากลองเสพงานที่สวยจับใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองก็อาจเป็นคนหัวเมฆเหมือนกัน ผมก็อยากให้ผู้อ่านได้ลองไปดูสักครั้ง เพราะหากมีเวลา ผมก็คงจะไปดูอีกครั้งครั้งแน่นอน 

“คนๆ หนึ่งสามารถมีนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกได้แค่หนเดียวนะ”

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
2
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0
Lifestyle

ปาจื่อ: เปิดรหัสลับแห่งโชคชะตาด้วยศาสตร์จีนโบราณ

เรื่อง: ณฐนนท์ สายรัศมี ภาพประกอบ: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตของคุณถูกกำหนดไว้แล้ว? ทำไมบางคนเกิดมาพร้อมความโชคดี ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่บางคนต้องดิ้นรนอย่างหนัก แผ่นดินก็ไหวพร้อมกัน แต่ห้องเราพังห้องเดียว เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบุคลิก นิสัย ...

Art & Culture

วิปลาส เมื่อความเชื่อนำไปสู่โศกนาฏกรรม

เรื่อง : ฐิดาพร พิมพ์สีโคตร และ สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพประกอบ : สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ “แม่ทำหนูทำไม อย่าทำหนูเลย” เสียงร่ำไห้ของเด็กหญิงดังสะท้านในความมืดมิด…นี่คือเสียงจากละครเวที ‘วิปลาส ...

Writings

เมื่อความตายพาให้กลับบ้าน: พิธีศพอีสานผ่านสายตาคนรุ่นใหม่

เรื่องและภาพประกอบ: ภัชราพรรณ ภูเงิน เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นท่ามกลางความมืด ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอเรืองแสงบอกเวลา 05.22 น. ข้อความจากแม่ปรากฏขึ้นพร้อมประโยคสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ‘ยายเสียแล้วนะลูก’ เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ ฉันรีบเก็บของใช้ที่จำเป็นก่อนออกเดินทางไปยัง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ...

Writings

จนกว่าเราจะพบกันอีก

เรื่อง : วีรนันท์ กมลแมน ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา มองวรรณกรรมเพื่อชีวิตไทยและการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยผ่านแนวคิดอัตถิภาวนิยม ศรีบูรพาแต่งเรื่องสั้น “จนกว่าเราจะพบกันอีก” ขึ้นราว ๆ ปี พ.ศ. ...

Writings

ศิลปินหญิงหายไปไหนจากหน้าประวัติศาสตร์

เรื่อง : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ท่ามกลางหมู่คนชนผู้ดีฝรั่งเศสที่เดินกันขวักไขว่ในซาลอง (Salon) ‘Marianne’ จิตรกรหญิงในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเดินเข้าไปหากรอบรูปสีทองนับสิบตรงหน้า หนึ่งในนั้นคือภาพวาดของเธอ มาเรียนน์หยุดยืนแล้วหันหลังให้ภาพวาด ตอนนี้เธอเป็นเหมือนผู้รักษาความปลอดภัยที่คอยสังเกตการณ์สิ่งต่างๆ ...

Articles

 I’m cringe but I’m free สะเหล่อแล้วไง ไม่แคร์แล้วกัน

เรื่อง : ศิรประภา จารุจิตร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี “โอ้ยยย ทำไมตอนนั้นสะเหล่อจัง” ความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวขณะที่ล้มตัวลงนอนหลับตาเตรียมฝันดี แต่สมองไม่รักดีกลับขุดภาพความทรงจำอันน่าอับอายขึ้นมาฉาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เล่นมุกแล้วคนทั้งห้องกริบ ทักคนผิดเพราะนึกว่าเป็นเพื่อนตัวเอง ส่งข้อความหาคนที่ชอบเขาอ่านแต่ไม่ตอบ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save