เรื่อง : สิทธิเดช สายพัทลุง

หมายเหตุ : คำอธิบายทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผู้เขียนตีความด้วยตัวเอง ผู้อ่านรับรู้เรื่องราวจากมุมมองของผู้เขียนได้ แต่อยากชวนไปดูที่งานด้วยนะ 🙂
“คิดงานไม่ออก” ผมบ่นขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นเป็นเวลา 10 โมงของวันอาทิตย์ที่อุณหภูมิเกือบ 40 องศา มันเป็นวันที่ผมวางแผนว่าจะเขียนบทความส่งอาจารย์ เพราะถ้าไม่เขียนให้เสร็จภายในวันนี้ ผมอาจจะติด F วิชานี้ไปเลยก็ได้
ผมผละมือจากแป้นพิมพ์ เพราะรู้ว่าวางไว้ต่อไปก็ไม่มีอะไรออกมาจากหัวอยู่ดี และเลือกจะไถโซเชียลมีเดียของตัวเอง เพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนงาน จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่โพสต์หนึ่ง มันเป็นโพสต์จากนักวาดที่ผมชื่นชอบมาอย่างยาวนาน กล่าวถึงนิทรรศการของเขาที่กำลังจัดแสดงอยู่ในขณะนี้

55120.-2207520000&type=3
“น่าสนใจจัง วันนี้พี่เขาเข้างานด้วย” หลังสิ้นเสียง ผมทักเข้าไปในไลน์กลุ่มประจำของผม “มึง มีใครไปงานพี่ฮ่องมั้ย วันนี้เลย” แน่นอนอยู่แล้วว่าการนัดแบบเร่งด่วนขนาดนี้มักหาคนตอบตกลงได้ยาก แต่ผมก็ยังลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว พร้อมที่จะออกไปโดยทิ้งงานที่ต้องส่งไว้ข้างหลัง
ผมนั่งรถเมล์ออกจากมหาวิทยาลัย ต่อรถไฟฟ้า และขึ้นวินไปสถานที่จัดนิทรรศการ ในระหว่างนั้นก็ยังคิดถึงงานที่ทิ้งไว้ในห้องตลอดการเดินทาง ตอนถึงหน้าสถานที่จัดงาน ผมก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้เช็กเลยว่างานจัดแสดงที่ชั้นไหน แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็รู้ได้ทันทีว่าจัดแสดงตรงนั้นแน่นอน

2207520000
ผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ไม่ใช่ในฐานะ Art of Hongtae แต่เป็น ‘ฮ่องอักษร’ หรือ ‘hongawrite’ เพจงานเขียนสั้นๆ ที่สามารถอยู่กับผู้อ่านได้ทุกสถานการณ์ งานเขียนของเขาทำงานได้ดีมากกับจิตใจผม และผมก็คาดหวังพอสมควรว่านิทรรศการนี้จะทำงานกับจิตใจของผมเหมือนกัน
‘SOMEWHERE ONLY WE KNOW’ หรือ ‘ที่เพียงเรารู้’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของ ‘ฮ่องเต้ – กนต์ธร เตโชฬาร’ ศิลปินหนุ่มคารมดีผู้มีเอกลักษณ์เป็นแว่นตาทรงกลมและสไตล์การแต่งตัวสุดเท่ เจ้าของเพจ ‘Art of Hongtae’ กับงานที่จะพาผู้ชมอย่างเราเดินทางสู่โลกของเหล่า ‘คนหัวเมฆ’
รูปสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ปลายห้อง ดึงความสนใจของผมตั้งแต่ก้าวเข้าไปในพื้นที่จัดแสดง แต่ผมเลือกที่จะค่อยๆ ไล่ดูงานระหว่างทางก่อน เพื่อจะได้ไม่พลาดอะไรไป
งานที่อยู่ในห้องแรกส่วนใหญ่จะเป็นพื้นหลังสีฟ้าเรียบๆ เปรียบดั่งการแนะนำคาแรกเตอร์ ‘คนหัวเมฆ’ ผู้ใช้เมฆปกคลุมใบหน้าเอาไว้ไม่ให้ใครรับรู้ พร้อมลอยไปตามสายธารของลมอย่างอิสระและไม่มีสิ้นสุด

ตัวของ ‘คนหัวเมฆ’ นั้นอาจไม่ได้หมายถึงใครหรือสิ่งใด หากแต่เป็นเพียงความรู้สึกเหงาที่แสดงออกมาเป็นรูปธรรม ที่แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดไหน ก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวและล่องลอยออกสู่ท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา
ผมเดินมาหยุดอยู่หน้างานที่ดึงความสนใจของผมได้มากที่สุด ภาพของคนหัวเมฆที่ถอดเมฆออก กำลังมองไปทางก้อนเมฆขนาดใหญ่ การไล่สีที่เหนือชั้นของเจ้าของงาน ทำให้ผมยืนมองรายละเอียดของงานนี้อยู่เกือบสิบนาที ก่อนที่จะออกมาเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังบังคนอื่นแล้ว

.-2207520000&type=3
ผมเดินไปที่ห้องถัดไปและพบงานที่เริ่มมีสีสันมากขึ้น เหมือนเป็นการเพิ่มความรู้สึกและเรื่องราวให้กับคาแรกเตอร์ที่แนะนำไปก่อนหน้า ก่อนที่จะไปหยุดที่ภาพเล็กๆ ภาพหนึ่ง มันเป็นงานที่ทำให้อยากจะร้องไห้ออกมากลางโถงตรงนั้น ถ้าความคาดหวังของผมคืออยากให้นิทรรศการนี้ทำงานกับจิตใจ ผมเจองานที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นแล้ว

‘Joy Boy’ คือชื่อของงานที่ทำให้ผมรู้สึกจุกอก ภาพของนายหัวเมฆที่กำลังวิ่งอยู่กลางท้องฟ้าในช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง พื้นหลังของเขาเป็นสีส้มที่สวยงามมาก ผมไม่เห็นหน้าของนายหัวเมฆด้วยซ้ำ แต่ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความสุข เขากำลังสนุกกับการผจญภัยของเขา
เหมือนถูกตอกย้ำถึงสิ่งที่เป็นอยู่ มันทำให้ผมละทิ้งงานที่ติดค้างอยู่ในหัวออกไปทั้งหมด และเริ่มเดินดูงานตั้งแต่ห้องแรกอีกครั้ง เพื่อที่จะรับรู้ภาพในแบบที่ไม่มีอะไรอยู่ในหัวมากที่สุด ซึ่งมันทำให้ผมอิ่มเอมใจเหลือเกินที่ได้มาวันนี้
ผมเดินออกจากงานมาเจอกับพี่ฮ่องเต้กำลังคุยกับคนที่มางานอยู่ ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปรบกวนเขาและเดินไปดูจุดขายของหน้างานแทน ใจจริงผมอยากจะซื้อเสื้อที่เขาผลิตมานะ มันสวยมากจริงๆ แต่ด้วยงบประมาณที่มี ผมก็ได้ตัดสินใจซื้อโปสการ์ดมาหนึ่งใบเพื่อนำกลับไปด้วยแทน และแน่นอน มันคือโปสการ์ดของ ‘Joy Boy’
ปัจจุบันหากคิดงานไม่ออก ผมก็มักจะหยิบโปสการ์ดขึ้นมาดูทุกครั้ง เหมือนมันได้กลายเป็นจุดพักใจไปแล้ว เป็นสิ่งที่จิตใจผมต้องการอยู่ตลอด ไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด มีความสุขกับการล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ และเมื่อผมปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปมากพอ ผมก็มักจะคิดงานได้เสมอ

-2207520000&type=3
งาน ‘SOMEWHERE ONLY WE KNOW’ หรือ ‘ที่เพียงเรารู้’ กำลังจัดแสดงอยู่ที่ RCB Galleria 4 ชั้น 2 ริเวอร์ซิตี้ จนถึงวันที่ 21 เมษายนนี้ หากผู้อ่านอยากลองเสพงานที่สวยจับใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองก็อาจเป็นคนหัวเมฆเหมือนกัน ผมก็อยากให้ผู้อ่านได้ลองไปดูสักครั้ง เพราะหากมีเวลา ผมก็คงจะไปดูอีกครั้งครั้งแน่นอน
“คนๆ หนึ่งสามารถมีนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกได้แค่หนเดียวนะ”