เรื่อง : สมิตานันท์ จันสุวงษ์
ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา
“ถ้าผลสอบไฟนอลได้ A ล้วนจะงดกินน้ำหวานหนึ่งเดือน”
“ถ้ากดบัตรคอนเสิร์ตได้โซนที่ต้องการ เดี๋ยวจะมาแจกเงินให้ follower”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เชื่อว่าใครหลายคนคงต้องเคยเห็นรูปประโยคแนวนี้ผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่เป็นผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง “ทวิตเตอร์ (หรือเอ็กซ์ในปัจจุบัน)” เผลอ ๆ เขาเหล่านั้นอาจเคยเป็นคนที่โพสต์ข้อความนี้ลงบนทวิตเตอร์เองเสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ทวิตเตอร์มาก่อน อาจจะไม่คุ้นเคยกับประโยคเหล่านี้มากนัก หากจะให้อธิบายด้วยคำสั้น ๆ ประโยคเหล่านี้เปรียบเสมือนการตั้งคำมั่นสัญญาในโลกออนไลน์ และเมื่อประสบความสำเร็จตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้ก็จะเกิดเป็นการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับผู้ติดตามหรืออาจเป็นใครก็ตามดังที่ได้กำหนดไว้ในเงื่อนไข
บทความนี้จึงต้องการชวนผู้อ่านทุกท่านร่วมกันขบคิด และตั้งคำถามกับปรากฏการณ์ข้างต้นไปพร้อมกันว่า พวกเราทำสิ่งนี้กันไปเพื่ออะไร? แล้วมันมีความหมายอะไรแฝงอยู่หรือไม่?
การแปรเปลี่ยนของยุคสมัยได้ดำเนินมาถึงยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายแง่มุมของชีวิต และการเข้ามานี้เองก็ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมทั้งทางบวกและทางลบ ไม่ว่าจะเป็นการที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งถือเป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อุตสาหกรรมแขนงต่าง ๆ สามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีคุณภาพและได้ปริมาณเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่จำกัดของมนุษย์ แต่ในทางกลับกัน หากมนุษย์นำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิดก็สามารถส่งผลกระทบทางลบต่อสังคมได้เช่นกัน
โดยเฉพาะกับคน Gen Z (หรือวัยรุ่นและวัยทำงานที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2544-2555) ผู้ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับความเป็นดิจิทัล และด้วยเทคโนโลยีนี้เองทำให้วิถีชีวิต รวมไปถึงความเป็นอยู่ของเขาเหล่านั้นแตกต่างไปจากคนรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะในด้านของการแสดงออกทางอารมณ์ และความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่จะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงในโลกแห่งความจริงอีกต่อไป แต่ยังสามารถใช้พื้นที่สาธารณะอย่างโลกออนไลน์ในการแสดงออกได้แบบอิสระเสรี ถือเป็นการเชื่อมต่อโลกแห่งความจริงเข้ากับโลกออนไลน์ นับเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีความเรียลไทม์ (Real-time) ที่ทำให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยเหตุนี้เองทำให้แพลตฟอร์มทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตของชาว Gen Z ที่ผู้ใช้สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ ปราศจากการปิดกั้นหรือข้อห้ามใด ๆ จนกระทั่งเกิดเป็น “การบนบานในทวิตเตอร์” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมออนไลน์ที่เข้ามาช่วยให้ Gen Z สามารถแสดงออกถึงตัวตนภายใต้สังคมสมัยใหม่นี้ได้
การบนบานคืออะไร?
การบนบาน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หมายถึงการขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย โดยให้คำมั่นว่าจะให้สิ่งของตอบแทน หรือทำตามที่ให้สัญญาไว้เมื่อเป็นผลสำเร็จ ในที่นี้รวมถึงการแก้บนด้วยเช่นกัน
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ทุกอย่างก็ต้องมีการปรับตัวตามไปด้วย ปรากฏการณ์อย่างการบนบานก็เช่นกัน การบนบานได้เคลื่อนย้ายตัวเองเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างทวิตเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่มักถูกนำมาหักล้างกับความเชื่อในอดีต แต่ความเชื่ออย่างการบนบานกลับยังสามารถมีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์ได้อย่างเหลือเชื่อ และถึงแม้ว่าแพลตฟอร์มจะเปลี่ยนไป แต่การบนบานในทวิตเตอร์ของ Gen Z ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากปกติมากนัก โดยจะเป็นการโพสต์ข้อความเพื่อขอในสิ่งที่พวกเขาต้องการ เช่น “ขอให้ชนะการแข่งขัน” “ขอให้ได้งานตามที่หวัง” สิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาเพราะความไม่แน่นอนในสังคม ทั้งยังอาจทำให้เห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแสดงออกมาในโลกแห่งความจริงได้ เขาจึงเลือกที่จะระบายเรื่องราวความเครียดเหล่านั้นออกมาในพื้นที่ที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและมีอิสระ
การบนบานที่มากกว่าแค่การขอสิ่งดี ๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
สิ่งสำคัญที่ทำให้การบนบานในทวิตเตอร์มีความโดดเด่นและแตกต่างจากการบนบานในอดีตคือความอิสระในเรื่องของเวลาและสถานที่กระทำการ ที่พวกเขาสามารถเลือกได้ด้วยตัวเองว่าจะบนบานเมื่อใด ในสถานที่ไหน และเมื่อถึงคราวที่พรนั้นสมดังปรารถนา ก็สามารถแก้บนได้อย่างทันที ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองที่เป็นทางการดังเช่นการบนบานในยุคก่อน
อีกทั้งการบนบานยังสามารถสร้างการสนับสนุนจากผู้คนรอบข้างได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากธรรมชาติของทวิตเตอร์ทำให้ผู้ใช้สามารถทำการโต้ตอบระหว่างกันและกันได้ ดังนั้นผู้ที่เห็นข้อความจากโพสต์ดังกล่าวอาจเข้ามาให้กำลังใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้โพสต์ไม่รู้สึกว่าเขาอยู่เพียงลำพังภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้
ทว่าหากเราลองมองในมุมจิตวิทยาดูบ้าง ด้วยความที่ Gen Z ถือเป็นคนรุ่นที่มีความเกี่ยวพันกับเทคโนโลยีสูงที่สุดจากบรรดาเจเนอเรชันทั้งหมด พวกเขาสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา การโพสต์ข้อความที่แฝงไปด้วยความต้องการก็นับเป็นการเปิดเผยตัวตนให้ผู้อื่นได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตน จึงสามารถกล่าวได้ว่า การบนบานในทวิตเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีการที่ Gen Z ใช้เพื่อแสดงตัวตนที่มีความเฉพาะตัวของเขาออกมา โดยปราศจากขอบเขตหรือกติกาใด ๆ กลายเป็นการสร้างอัตลักษณ์ในรูปแบบดิจิทัลที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ได้อย่างรอบด้าน
ซึ่งอัตลักษณ์ทางดิจิทัลนี้เอง หากนำมาเชื่อมโยงเข้ากับการบนบานในทวิตเตอร์แล้วอาจเปรียบเสมือนเป็นการท้าทายตัวเองของ Gen Z ที่จะช่วยให้เขาเหล่านั้นสามารถตอกย้ำอัตลักษณ์ของตนต่อสาธารณชนได้ การบนบานก็เปรียบเสมือนการประกาศให้ทราบโดยทั่วกันถึงเป้าหมายหรือความตั้งใจของตน และเมื่อเป้าหมายนั้นสำเร็จลุล่วง ก็สามารถทำให้เขาถูกมองว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็สามารถสะท้อนกลับมาเป็นอัตลักษณ์ของพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว การบนบานในทวิตเตอร์จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องงมงายในสังคมอีกต่อไป แต่ยังเป็นทั้งพื้นที่สำหรับการสร้างการยอมรับและการสนับสนุนทางอารมณ์จากผู้อื่น ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แหล่งอ้างอิง
Sanook.com. (2566). เพราะอะไร งานวิจัยถึงบอกว่า คน Gen Z คือเจเนอเรชัน ที่โดดเดี่ยวและเหงา
มากกว่าวัยอื่น. สืบค้นจาก https://www.sanook.com/campus/1419775/
ภาคิน นิมมานนรวงศ์, ฟาง-รัฐโรจน์ จิตรพนา. (2567, พฤษภาคม 3). ‘การบน’ สู่ ‘สินบน’ เพราะความเชื่อ
คนไม่เคยเปลี่ยนแปลง? [วิดีโอ]. Youtube.https://youtu. be/w_TlY8nYah0?si=ROqXn72Ln80i5oK5
Workpointtoday. (2564). เจาะพฤติกรรมคน Gen Z ที่มักถูกเข้าใจผิด พร้อมกลยุทธ์มัดใจ พิชิตยอดขายให้
แบรนด์. สืบค้นจาก https://workpointtoday.com/gen-z-behavior/#google_vignette
กิตติพงษ์ พลทิพย์. (2564). มโนทัศน์เรื่องการบนบานกับสุขภาพและความเจ็บป่วย. วารสารนวัตกรรม
การศึกษาและการวิจัย, 5(1), 157-163. สืบค้นจาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jeir/article/view/247640
กอข้าว เพิ่มตระกูล. (2566). ความแตกต่างของ Generation ของแต่ละช่วงวัย.
สืบค้นจาก https://winestrehab.com/the-different-between-generations
Cslabs.jowave.com. (ม.ป.ป.). 9.1 ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 จาก http://cslabs.jowave.com/MIS/Book/group9/9.html