เขียน: วรัชยา สุริยะพันธุ์
ภาพประกอบ: ต้นกล้า สิทธิเวช







สนามม้าราชกรีฑาสโมสร สนามแข่งม้าใจกลางเมืองที่เคยเงียบเหงากลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่นับพันคนในชั่วข้ามคืน เมื่อเกม ‘Umamusume: Pretty Derby’ เกมมือถือสัญชาติญี่ปุ่นที่นำม้าแข่งในชีวิตจริงมาแปลงร่างเป็นสาวน้อยน่ารักกำลังเป็นกระแสมาแรงในประเทศไทย ต่อยอดมาถึงกิจกรรมวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา เมื่อเหล่านักคอสเพลย์ (การแต่งกายเลียนแบบตัวละครจากสื่อบันเทิง) แฟนคลับเกม และอินฟลูเอนเซอร์วงการเกมมือถือนับร้อยมารวมตัวยังสนามม้าแห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ
เพราะความร่วมมือจากเพจ ‘คนรักกีฬาม้าแข่งไทย’ และสนามม้าราชกรีฑาสโมสร ทำให้กลุ่มแฟนคลับเกมดังกล่าวมีพื้นที่จัดกิจกรรมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำควบคู่ไปกับการแข่งม้าตามปกติ โดยกิจกรรมของแฟนคลับมีทั้งการคอสเพลย์ การแสดง และการวิ่งแข่งในลู่สนามหญ้าของนักคอสเพลย์ที่ราวกับนักวิ่งแต่ละคนเป็นตัวละครในเกมจริงๆ
ท่ามกลางความฮือฮาของกลุ่มคนรุ่นใหม่และเสียงประชาสัมพันธ์ของสนามม้าราชกรีฑาสโมสร ยังมีกลุ่มชายวัยเก๋าผู้คุ้นเคยกับอัฒจันทร์ปูนเปลือยสำหรับดูม้าแข่งยิ่งกว่าใคร พวกเขาคือเหล่าเซียนม้าที่มีกล้องส่องทางไกลและโปรแกรมแข่งม้าประจำสัปดาห์เป็นของคู่กาย คอยส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ม้าแข่งที่ตัวเองชื่นชอบดังระงมอัฒจันทร์ทำให้บรรยากาศงานยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม
พวกเขาคิดอย่างไรกับคนรุ่นใหม่ที่โผล่มาสร้างสีสันให้สถานที่นี้แบบสายฟ้าแลบ ในโอกาสนี้ Varasarn Press มีโอกาสได้พูดคุยกับหนึ่งในเซียนม้ามากประสบการณ์ ที่มาดูม้าในวันดังกล่าว




สนามแข่งม้า จุดนัดพบสุดสัปดาห์ สู่กีฬา ‘ตกยุค’
สนามม้าราชกรีฑาสโมสรครึกครื้นตั้งแต่ช่วงบ่าย เหล่าแฟนคลับเกมนัดพบกันที่อัฒจันทร์ชั้น 4 ตามการนัดแนะในกลุ่มเฟซบุ๊กแฟนคลับ จุดนัดพบเต็มไปด้วยเสียงเฮฮาของนักคอสเพลย์ที่แต่งตัวเป็นตัวละครต่างๆ ห้อมล้อมด้วยผู้เล่นที่สลับกันเข้ามาขอถ่ายรูปคู่กับนักคอสเพลย์ที่แต่งตัวเป็นตัวละครที่พวกเขาชื่นชอบ บางคนนำตุ๊กตาม้าตัวเท่าฝ่ามือมาให้นักคอสเพลย์ถือเป็นของประกอบฉาก เมื่อรอบแข่งม้าเริ่มขึ้นพวกเขาก็ทยอยกันลงมานั่งที่อัฒจันทร์เพื่อถ่ายรูปโดยมีวิวสนามหญ้าเป็นฉากหลัง หรือหากไม่ถ่ายรูปก็นั่งลงข้างเหล่าเซียนม้าที่มาถึงสนามตั้งแต่เช้า ร่วมพูดคุยกับพวกเขาและเชียร์ม้าตัวที่ชื่นชอบไปพร้อมกันจนเสียงโห่ร้องเฮลั่นสนามทุกครั้งที่ม้าแข่งกำลังวิ่งเข้าเส้นชัย
หนึ่งในเซียนม้าที่ยินดีพูดคุยกับเหล่านักคอสเพลย์คือบุญทอง (สงวนนามสกุล) ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์แถวหน้าเพื่อให้เห็นสนามม้าได้ชัดเจนที่สุด บุญทองเป็นหนึ่งในเซียนม้าที่เติบโตมากับสนามม้าราชกรีฑาสโมสร เขาเริ่มต้นเส้นทางเซียนม้าตั้งแต่อายุ 15 ปี เป็นยุคที่กีฬาแข่งม้ารุ่งโรจน์ถึงขีดสุดและใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้มาเป็นเวลายาวนานถึง 55 ปี ปัจจุบันเขาและเพื่อนสนิทวัยเดียวกันอีก 4-5 คนใช้เวลาวัยเกษียณกับการลับสมองด้วยการวิเคราะห์การวิ่งของม้าแต่ละตัวในรอบแข่ง
“เมื่อก่อนสนามม้ามีคนมาดูไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละหมื่นคน นี่เฉพาะที่สนามม้าราชกรีฑาฯ นะ ตอนนั้นยังมีสนามม้านางเลิ้งอยู่ก็เดาว่าน่าจะพอๆ กัน
ชายสูงอายุชี้ไปยังอัฒจันทร์อีกฝั่งที่มีผู้ชมอยู่บางตา เปิดพื้นที่ให้เหล่านักคอสเพลย์ใช้โอกาสพื้นที่ว่างเป็นฉากถ่ายรูปและสถานที่พบปะกันเป็นกลุ่มใหญ่

“มันเป็นกีฬาเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ยังคึกคักมาตลอด เพราะมันมีทั้งนักข่าวสนามม้า คอกม้าที่เขาผสมพันธุ์ม้าแข่งไทย จนยุคโควิด-19 ที่ทำสนามม้าปิดไปปีสองปีเพราะกลัวโรคระบาด กว่าจะกลับมาเปิดให้แข่ง สนามม้านางเลิ้งก็หายไปแล้ว”
บุญทองพูดถึงการปิดตัวของสนามม้านางเลิ้งเมื่อปี 2561 เนื่องจากหมดสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และถูกรื้อถอนในปีต่อมา ซึ่งปัจจุบันสนามม้านางเลิ้งคืออุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9
“สนามม้านางเลิ้งปิดไปก็กระทงหนึ่ง ส่วนอีกกระทงคือระหว่างที่หยุดแข่งฟาร์มม้าใหญ่ๆ เกิดโรคระบาดจนม้าเด็กตายหมด ทุกวันนี้ต้องเอาม้าเทศ (ม้าแข่งต่างประเทศที่นำมาแข่งในประเทศไทย) มาเติมให้มันครบ 8-9 รอบ”
บุญทองพูดถึงวิกฤตกาฬโรคแอฟริกาในม้า (AHS) ในช่วงยุคโควิด-19 ฟาร์มม้าไทยมีม้าติดโรคจำนวนมาก และอัตราการตายสูงถึง 70% – 95% ทำให้ลูกม้าเกิดใหม่ในฟาร์ม รวมถึงม้าแข่งในประเทศตายเป็นจำนวนมากในระยะเวลา 1-2 ปี
“พอสนามม้าน้อยคนก็ดูม้าน้อยลง ยิ่งไม่มีม้ามาแข่งคนก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ตอนนี้มีคนมาดูแต่ละอาทิตย์แค่สองพันคนก็หรูแล้ว คนที่มาก็มีแต่คนแก่หน้าตาเดิมๆ เห็นหน้ากันก็รู้จักกันหมด” บุญทองกล่าวถึงช่วงขาลงของกีฬาม้าแข่งด้วยรอยยิ้มปนขมพลางหันไปทางเพื่อนเซียนม้าวัยเดียวกัน






‘สาวม้า’ ในมุม ‘เซียนม้า’
ในช่วงบ่ายหลังจากการแข่งม้าเที่ยวที่ 7 เสร็จสิ้น ทีมงานของสนามม้าราชกรีฑาสโมสรได้นำฐานสีแดงมาปูที่สนามหญ้าหน้าเส้นชัย จากนั้นการแสดงเต้นของวงไอดอล ‘HAPPYTAIL’ ก็เริ่มขึ้น เหล่าไอดอล 6 คนคอสเพลย์เป็นตัวละครจากเกม Umamusume: Pretty Derby หรือที่กลุ่มแฟนเกมเรียกว่า ‘สาวม้า’
ไอดอลทั้ง 6 เต้นตามเพลงประกอบเกมต่อหน้าผู้ชมบนอัฒจันทร์นับพัน เหล่าแฟนเกมที่อยู่ด้านหน้าสุดประสานเสียงร้อง ‘เฮ!’ ตามจังหวะเพลงและหยิบแท่งไฟขนาดเพอดีมือขึ้นมาโบกให้กำลังใจราวกับกำลังชมคอนเสิร์ต ถัดจากกลุ่มแฟนคลับไปเล็กน้อยคือกลุ่มเซียนม้าที่ปรบมือตามจังหวะเพลงเช่นกัน ในกลุ่มนั้นมีบุญทองและเจ้าหน้าที่สนามม้าราชกรีฑาสโมสรที่ถือแท่งไฟโบกไปมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า


“ตอนแรกลุงก็ไม่รู้จักหรอกว่ามันคือเกมอะไร แต่ตอนแข่งช่วงสิงหาฯ ก็มีน้องๆ คอสเพลย์มานั่งคุยกับลุง ตั้งแต่นั้นลุงก็เริ่มรู้เรื่องกับเขาบ้าง สักพักหนึ่งพวกเพจนักข่าวกับตากล้องสนามม้าก็เริ่มประชาสัมพันธ์ว่าวันที่ 14 กันยา จะมีกิจกรรมเป็นทางการอีกรอบ”
บุญทองกล่าวระหว่างเปิดเพจที่เกี่ยวกับการแข่งม้า เช่นเพจเฟซบุ๊ก ‘ปกแดง โคราช’ เพจของช่างภาพและนักข่าวสนามม้า ประชาสัมพันธ์ถึงกิจกรรมวิ่งแข่งของนักคอสเพลย์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการแข่งม้าเที่ยวสุดท้ายจบลง รวมถึงมีการแนะนำให้เหล่านักคอสเพลย์เตรียมความพร้อมในการเดินและวิ่งบนสนามหญ้า ที่เป็นหลุมลึกจากการวิ่งของม้าด้วย
“ตั้งแต่นั้นลุงก็รู้หมด ‘ฮารุ อูราระ’ ที่เพิ่งตายไปลุงก็รู้เรื่อง” บุญทองยิ้มเมื่อพูดถึง ฮารุ อูราระ ม้าแข่งญี่ปุ่นเพศเมียเจ้าของฉายา ‘ดวงดาวอันเจิดจรัสของผู้แพ้ทั่วสารทิศ’ ตามสถิติที่ไม่เคยชนะการแข่งขันสักครั้ง แต่นั่นทำให้มันเป็นที่รักของแฟนม้าแข่งญี่ปุ่น รวมถึงได้ใจแฟนเกมไปเมื่อเธอถูกนำมาดัดแปลงเป็นตัวละครที่มีจุดเด่นเรื่องความสดใสและไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค
ฮารุ อูราระ ตายลงในวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา ในวัย 29 ปี กลุ่มแฟนคลับทางจากการแข่งม้าและเกมได้มีการจัดพิธีไว้อาลัยให้ ซึ่งในไทยจัดที่สนามม้าราชกรีฑาสโมสรแห่งนี้ กลุ่มแฟนเกมชาวไทยได้นำของสะสมตัวละครดังกล่าวมาวางที่โต๊ะเพื่อไว้อาลัย ส่วนบุญทองที่รู้ข่าวการจากไปของมันก็ไม่ต่างอะไรกับแฟนเกมที่เศร้าและเสียดายเหมือนมันเป็นลูกของตัวเอง ยิ่งเป็นเครื่องหมายว่าเหล่าเซียนม้าต้อนรับคนรุ่นใหม่ด้วยความยินดี
“ไม่ต้องกลัวว่าลุงจะรำคาญพวกหนูหรอก ลุงว่ามันเป็นสีสันที่ดีและเรายินดีต้อนรับมาก การเห็นเด็กรุ่นใหม่มาทำกิจกรรมสนุกสนานแบบนี้บ่อยๆ มันทำให้วงการครึกครื้นเหมือนเมื่อก่อน” บุญทองเสริม




พลุแห่งความนิยมที่อาจจางหาย
เมื่อการวิ่งแข่งของม้าสี่ขาจบลง การวิ่งแข่งของม้าสองขาหรือนักคอสเพลย์ชายหญิงร่วม 64 ชีวิตก็เริ่มขึ้นในเวลาอาทิตย์ลับขอบฟ้า
จากซองปล่อยม้าที่ใช้เป็นจุดเริ่มของนักวิ่งถึงเส้นชัยมีระยะทาง 150 เมตร สนามหญ้าสีเขียวชอุ่มลื่นและเป็นหลุมบ่อจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงบ่าย อย่างไรก็ตามการแข่งขันทั้ง 4 รอบ รอบละ 16 คนก็ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด นักคอสเพลย์วิ่งจากซองปล่อยม้าเหมือนกับตัวละครสาวม้า ในเกม Umamusume: Pretty Derby แบบไม่มีใครยอมใคร
ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมข้างสนามและเสียงนักพากย์ม้าแข่งตัวจริงที่ให้เกียรติมาพากย์การวิ่ง เพียงพริบตาเดียวผู้ชนะในแต่ละรอบก็วิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมรอยยิ้ม โพสต์ท่าให้กล้องที่รอถ่ายภาพอยู่ข้างสนาม หลังจากนั้นผู้เข้าแข่งคนอื่นก็เข้าเส้นชัยตามมาพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
ผู้เข้าแข่งขันที่เข้าเส้นชัย 3 อันดับแรกของทั้ง 4 รอบได้รับถ้วยรางวัลจากสนามม้าราชกรีฑาสโมสร รวมถึงของรางวัลอื่นๆ จากอินฟลูเอนเซอร์เกม การแข่งขันทั้ง 4 รอบถือเป็นไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมในวันนี้ เซียนม้าบางคนยังคงอยู่รับชมสีสันของกิจกรรมแม้การแข่งม้าของจริงจะจบลงไปแล้ว


“บางทีก็กลัวว่าเกมนี้มันจะเป็นแค่กระแส พอเลิกฮิตแล้วมันก็จะหายไปเหมือนพลุที่มีสีสันแต่พอมันมอดแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลย สุดท้ายสนามม้าก็จะกลับไปเงียบเหงาเหมือนเดิม”
บุญทองบอกถึงความกังวลของเขา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกม Umamusume: Pretty Derby เริ่มได้รับความนิยมในไทย ทางเพจ ‘คนรักกีฬาม้าแข่งไทย’ ได้สนับสนุนผลงานของแฟนคลับเกมอย่างสม่ำเสมอ เช่น การแชร์ผลงานภาพวาดม้าแข่งไทยที่นำมาแปลงเป็นตัวละครสไตล์ Umamusume: Pretty Derby หรือการสนับสนุนการค้นหาประวัติของม้าแข่งไทย ส่วนสนามม้าราชกรีฑาสโมสรก็ได้ให้การสนับสนุนด้วยสถานที่และถ้วยรางวัลในการแข่งขัน
เช่นเดียวกับความร่วมมือจากฝ่ายอื่น เช่นเพจเฟซบุ๊ก ‘Shin เปิดเอามันส์กับไกด์โด้’ ที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างสนามม้าราชกรีฑาสโมสรและแฟนเกมเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม วงไอดอล ‘HAPPYTAIL’ ที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดการแสดงเต้นและขออนุญาตใช้พื้นที่ด้วยตัวเอง และนักคอสเพลย์อีกหลายคนคอยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้นได้ นับว่าบรรยากาศที่หน่วยงานทางการสนับสนุนกลุ่มแฟนคลับเกมอย่างจริงจังเช่นนี้ ถือว่าเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการขับเคลื่อนและหล่อเลี้ยงความนิยมเอาไว้ให้ได้นานที่สุด


ประกายไฟใหม่แห่งวงการม้าไทย
“ม้าที่รักของเธอวิ่งออกไปด้วยใจเต้นตึกตัก ฉันจะวิ่งตามเธอให้ทันให้ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นการแข่งขันแบบนี้”
เนื้อเพลงที่เป็นเอกลักษณ์จากเพลง ‘Umapyoi Densetsu’ ซึ่งเป็นเพลงที่ตัวละครในเกมจะร้องและเต้นตามจังหวะร่วมกันเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันเพื่อขอบคุณผู้ชม หรือที่เรียกภายในเนื้อเรื่องว่าการแสดง ‘Winning Live’
กิจกรรมของกลุ่มแฟนเกมที่สนามม้าราชกรีฑาก็ยังคงธรรมเนียมนี้ไว้ให้เหมือนกับเกมต้นฉบับ หลังสิ้นสุดการแข่งวิ่งทั้ง 4 รอบเหล่านักคอสเพลย์ทั้งที่ร่วมแข่งวิ่งและที่เป็นผู้ชมได้ร่วมกันเต้นประกอบเพลงดังกล่าว โดยใช้ท่อนฮุคของเพลงเพื่อสื่อว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นก้าวแรกของเส้นทางการแข่งขัน รวมถึงก้าวแรกของเกมที่กำลังจะโด่งดังไปทั่วโลก กลุ่มเซียนม้าที่ยังไม่รีบกลับบ้านลงมานั่งที่อัฒจันทร์ชั้นล่างเพื่อให้เห็นกลุ่มเด็กรุ่นใหม่เต้นได้ชัดที่สุด บางคนก็กระซิบกันด้วยรอยยิ้มว่า
“เด็กสมัยนี้ดูมีความสุขดีนะ รุ่นพวกเราถ้ามีแบบนี้ก็คงดี”
