Writings

นิยามรักจากมัธยมถึงมหาลัย…ของเราและนาย

เรื่อง: โชคภิรักษ์ เถื่อนมี

ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา

“ชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ตอบกูมา”

เสียงผู้ชายตัวใหญ่เอื้อนเอ่ยออกมาหลังจากที่เก็บความสงสัยในตัวของคนตรงหน้ามาเนิ่นนาน เอาเข้าจริงผมนึกว่ามันรู้อยู่แล้ว เลยไม่เคยที่จะไถ่ถามหรือเปิดอกเรื่อง ‘รสนิยมทางเพศ’ กับมันเลยตั้งแต่รู้จักกันมาในวงเหล้าเมื่อปีก่อน แล้วจู่ๆ ทำไมมันถึงถามวะ

ว่าไปแล้วไอ้อาการอึกอักและไม่แสดงออกว่าที่จริงแล้ว ‘ผมชอบผู้ชาย’ โดยเฉพาะต่อหน้าคนใหม่ๆ ที่เราเพิ่งรู้จัก มันมีที่มาที่ไปจากปมในอดีตสมัยมัธยมต้นที่ผมเปิดตัวครั้งแรกว่า ‘เห้ยมึง กูชอบผู้ชาย’

หลังการเปิดตัวครั้งแรกมรสุมการเปลี่ยนแปลงของชีวิตก็เดินทางเข้ามาทักทายกันอย่างบ้าคลั่งเหมือนพายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำเข้ามาในช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ผมควรจะมีความสุขกับเกม หนัง ภาพยนตร์ แต่กลับต้องมานั่งเป็นทุกข์ โศกตรมกับคำถามที่ว่า…

‘การชอบผู้ชายมันดีป่ะวะ มันถูกต้องเหรอวะ เราจะไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกนะ ตอนแก่จะทำไงวะ?’

ผมตกอยู่ในภวังค์ของความคิดไปครู่นึง จนลืมไปว่าเราเงียบจนผิดสังเกตไป เดี๋ยววงเหล้าแห่งนี้จะหมดสนุกเปล่าๆ ผมขยับตัว หยิบบุหรี่คาเมลม่วงขึ้นจุด ก่อนสูดควันสีขาวเพื่อสลัดไล่ความคิดฟุ่งซ่านในหัวออกไปที่ตอนนี้เพิ่งถูกรุ่นพี่ที่แอบชอบมาเป็นปี ๆ ถามว่าตกลงชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย

เอาจริงผมไม่กลัวหรอกกับการเอื้อนเอ่ยมันออกไป แค่บอกชอบผู้ชายมันจะยากอะไร แต่ที่ผมไม่บอกเพราะผมกลัวจะเป็นเหมือนอดีตสมัยมัธยมต้น ครั้งแรกที่ผมเข้าใจสัจธรรมว่าสังคมนั้นแปรเปลี่ยนไปได้ง่ายและไม่จีรัง

มีเพียงเราเท่านั้นที่ต้องหยัดยืนให้แข็งแกร่งต่อสิ่งที่เราเป็น ต่อให้ใครจะนิยามเราให้กลายเป็นอย่างอื่นมากมายเพียงไหนก็ตาม แต่นั่นมิใช่เรื่องที่เราจะมาจมปรักใช่ไหม ทว่าผมกลับมาจมปรักและก้าวข้ามได้ยาก

แต่เอาเถอะ ไหนๆ มันก็ถามแบบวางหมากแบบนี้แล้ว ก็เล่าเรื่องตัวเองให้มันฟังแล้วกัน เผื่อจะเป็นการสารภาพรักแบบอ้อมๆ

“พี่ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ” ผมเอ่ยถาม

“ตกลงมึงชอบผู้ชาย” รุ่นพี่ตรงหน้าเอ่ยตอบ

“ใช่…แต่ผมไม่ได้ชอบมาตั้งเริ่มนะ เพิ่งมาเปลี่ยนตอน ม.2”

ตอน ม.2 สมัยนั้นซีรีส์เรื่องนึงที่เป็นกระแสมากๆ คือ ฮอร์โมน ผมอินมากเพราะมีตัวละครนึงที่เหมือนผมมาก คือ ‘ภู-ธีร์’ ที่เล่นเป็นผู้ชายสองคน เป็นเพื่อนสนิทกัน และความสัมพันธ์มันก่อตัวไปอย่างช้าๆ ให้เขาทั้งสองเริ่มต้องถามกับหัวใจตัวเองว่าสุดท้ายแล้วความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นนี้คืออะไร

ใช่ผมอินกับมันมาก เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน ผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับภู-ธีร์ กับเพื่อนผู้ชายคนนึง

การแอบชอบเพื่อนในสมัยมัธยม ผมเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านมาและดูเหมือนว่าเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งที่เด็กมัธยมต้องมี แต่กลับกัน ที่คนที่ผมชอบกลับเป็นผู้ชาย เป็นเพื่อนที่เราต้องใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน

จนวันหนึ่งมันก็มาถึง…..

วันนี้ที่ผมไม่อาจรั้งความรู้สึกไว้อีกต่อไป วันที่ผมรู้สึกว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างไม่ให้หัวใจของผมต้องเจ็บไปมากกว่านี้ นั่นคือการสารภาพตรงๆ กับมัน

อาร์ม กูชอบมึงนะ”

เป็นประโยคสั้นๆ ง่ายๆ แต่กลับทำให้ผมต้องเสียหยดน้ำตา เพราะอาจด้วยการอัดอั้นและความกลัวตลอดหลายเดือน และการต้องรับมือกับเส้นทางเดินชีวิตครั้งใหม่กับการที่เพื่อนผู้ชายและทุกคนในห้องเรียนจะรู้ว่าเรา ‘ชอบผู้ชาย’ ยังไม่รวมกับแฟนเก่าที่เป็นผู้หญิง ที่บ้าน พ่อ แม่ ถ้ารู้เรื่องนี้ คงเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่รอวันปะทุขึ้น

ผมใช่เวลาอีก 1 ปีกว่าในการทำใจต่อบทบาทของผมที่เปลี่ยนแปลงไป แก๊งเพื่อนผู้ชายของผมปลีกตัวออกไป และผมเริ่มเข้าใจว่าการเป็นอะไรก็ได้ ด้วยยังหยัดยืนการเป็นตนเองไว้นั้น มันมีราคาที่สูงค่า ราคาของมันคือความสุขที่อาจหายไปจากช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะชีวิตวันมัธยมต้นที่แทบไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ไม่มีภาระอะไรที่ต้องแบกบนบ่ามากนัก

จนเวลาผ่านมาหลายปี ผมสอบเข้าที่ธรรมศาสตร์ ที่นี่ผมมีพื้นที่และตัวตนได้อย่างเต็มที่ อาจด้วยสังคมและความคิดของนักศึกษาที่ต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่รอยปมจากอดีตในวันนั้นกลับมิได้ลบเลือนไป

ผมเล่าเรื่องนี้ให้รุ่นพี่ตรงหน้าฟัง ก่อนจะจบด้วยการส่งสายตามองมันอย่างอ่อนโยน เพื่อจะบอกว่า

“ผมรักพี่นะ แต่ก็รู้ดีว่า พี่อาจไม่ได้ชอบผู้ชาย และผมไม่คาดหวัง เพียงผมต้องตามความรู้สึกตัวเอง….

…. ถ้าผมไม่บอก เท่ากับผมโกหกตัวเอง….”

สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้จบลงตรงที่เราไม่ได้คบกันในฐานะแฟน แต่ยังพูดคุยกันได้ปกติในฐานะพี่น้องที่แสนดี

แต่รู้อะไรไหม ผมกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย กลับดีใจด้วยซ้ำที่มันไม่เจ็บเหมือนสมัยมัธยมต้นที่ผมเคยเจอมา

ทุกวันนี้พ่อ แม่ ของผมรู้แล้วว่าผมชอบผู้ชาย โดยที่ผมก็เพิ่งเข้าใจว่า แท้จริงแล้วชีวิตคนเราน่ะมันเป็นอะไรก็เป็นไป ต่อให้มีอะไรที่ต้องแลก ผมว่ามันจะกลายเป็นภูมิต้านทานต่อโลกที่ดีเลยแหละ

แล้วคุณล่ะ มีอะไรที่ต้องสารภาพ เพื่อก้าวข้ามแบบผมไหม?

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Writings

Writings

ความยั่งยืนของเราไม่เท่ากัน? เมื่อหลักสูตรตอบโจทย์ความยั่งยืน แต่ไม่ตอบโจทย์นักศึกษา

เขียน: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพประกอบ: วรัชยา สุริยะพันธุ์ “ผมไม่กล้าเทียบว่าเราจะเป็นมหาวิทยาลัยระดับเวิลด์คลาส แต่ควรมองตามความเป็นจริง ธรรมศาสตร์ควรที่จะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาค” คำสัมภาษณ์ของศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ ในข่าว ‘ธรรมศาสตร์ Transform ปี 70 ...

Writings

เจ๊มุ่ง คู่แข่ง อาหวัง?: ภาพสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอำนาจและการต่อรองบทบาทเพศหญิงในปัจจุบัน

เขียน: แพรพิไล เนตรงาม ภาพประกอบ: วรัชยา สุริยะพันธุ์ “อกหักเหรอ มาห้องเค้าไหม เดี๋ยวเค้าปลอบ” “ระวังนะ แต่งตัวแบบนี้เดี๋ยวผู้ชายจะมองเธอไม่ดี” “เมาแบบนี้ให้ไปส่งที่บ้านไหม กลับคนเดียวอันตรายนะ” ประโยคแสดงเจตนาความเป็นห่วงและความหวังดีที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร แต่หากคนพูดกลับเป็น ‘อาหวัง’ คำนิยามพฤติกรรมชายแท้ภายใต้คราบผู้ชายที่แสนดีในสังคมชายเป็นใหญ่ เช่น ...

Writings

Original Character: เรื่องราวตัวละครต้นฉบับของ 9 ผู้สร้างสรรค์

เรื่องและภาพ:  วรัชยา สุริยะพันธุ์  ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เหล่า ‘สายผลิต’ ซึ่งเป็นศัพท์สแลงที่ใช้เรียกกลุ่มนักเขียน นักวาดและนักทำงานฝีมืออิสระต่างตั้งตารอมาออกบูธในงาน ‘Comic Avenue’ อีเวนต์เกี่ยวกับหนังสือการ์ตูนและอนิเมะที่เปิดพื้นที่ให้กลุ่มนักวาดและนักทำงานฝีมือซื้อขายผลงานและพบปะกลุ่มศิลปินด้วยกันเอง รวมทั้งแฟนคลับที่ติดตามพวกเขาผ่านโซเชียลมีเดีย หรือกับลูกค้าจรที่เดินผ่านมาและสะดุดตาผลงานของพวกเขาจนสนใจซื้อสินค้าของผู้ออกบูธกลับบ้านไปด้วย หนึ่งในสีสันที่ทำให้งานนี้แตกต่างจากงานอื่นคือการปรากฏตัวของกลุ่มตัวละครที่เรียกว่า ‘Original Character’ หรือตัวละครต้นฉบับของเหล่าศิลปินที่ได้รับการสร้างสรรค์ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ประวัติของตัวละครไปจนถึงโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่ หลายครั้งตัวละครเหล่านั้นถูกนำไปผลิตเป็นสินค้ามากมายเพื่อวางขายในงานเช่น Comic Avenue แม้บางครั้งจะไม่ได้รายได้มากก็ตาม  Varasarn Press จะพาไปพบกับเรื่องราวจากปลายปากกาศิลปิน ...

Writings

ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นต้นฉบับอีกต่อไป เรายังต้องเคารพต้นฉบับอยู่ไหม?

เขียน: ปานชีวา ถนอมวงศ์ ภาพประกอบ: ภัชราพรรณ ภูเงิน “ไม่มีอะไรเป็นต้นฉบับที่แท้จริงหรอก จงขโมยจากอะไรก็ตามที่สะท้อนถึงแรงบันดาลใจ หรือจุดประกายจินตนาการของคุณ และเลือกขโมยแค่จากสิ่งที่สื่อสารกับจิตวิญญาณอย่างตรงไปตรงมา ถ้าคุณทำตามนี้ ผลงาน (และการขโมย) ของคุณก็จะเป็นของแท้ ความจริงแท้เป็นสิ่งที่ล้ำค่า ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ไม่มีจริง ...

Writings

3 เพลงฮีลใจ ในวันที่ความเศร้ามีอำนาจต่อเรามากกว่าความสุข

เรื่องและภาพประกอบ: อชิรญา ปินะสา ผู้อ่านที่รัก คุณเคยเจอกับวันแย่ๆ หรือไม่? แน่นอนว่าชีวิตของคนหนึ่งคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางคนเจอเรื่องร้ายดีปะปนกันไป บางคนเจอแต่เรื่องร้ายๆ กับความยากลำบาก สิ่งเหล่านี้มักพาเราไปพานพบแต่กับความเศร้า ความสิ้นหวัง และอาจกระทบสุขภาพจิตจนนำไปสู่การสูญเสียถึงชีวิต ทั้งนี้ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่าในปี ...

Writings

‘ปล่อยวาง’ พูดง่าย แต่ทำยาก?: การปล่อยวางกับสังคมในยุคปัจจุบันจากมุมมองของนักวิชาการ

เขียน: แพรพิไล เนตรงาม ภาพ: ภัชราพรรณ ภูเงิน เคยรู้สึกเหนื่อยไหมที่ต้องพยายามทำหรือควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจต้องการ? ในสังคมที่เร่งรีบและมีการแข่งขันสูง คนเราอาจเคยพบเจอความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวัง ไม่ผ่านสัมภาษณ์งาน มีหน้าที่ที่ต้องดูแลคนในครอบครัว หรือแม้แต่ความผิดที่เคยก่อยังคงวนเวียนอยู่ในใจไม่จางหาย เราคาดหวัง เราโกรธ เราโลภ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save