สืบเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นนักเรียนและคุณครูจำนวน 23 ราย ในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ทาง Varasarn Press ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้คนในสังคมเกิดความสะเทือนใจ และเป็นกังวลต่อการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาที่จำเป็นต้องเดินทางด้วยรถโดยสารประเภทรถบัส จึงมีการออกคำสั่งงดทัศนศึกษาจาก พ.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงเกิดกระแส #ยกเลิกทัศนศึกษา ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นวงกว้าง โดยคาดว่าการงดกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาด้วยวิธีดังกล่าวถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้จริง อีกทั้งยังเป็นการจำกัดการเรียนรู้ของนักเรียนให้อยู่เพียงในกรอบของห้องเรียน โดยลืมคำนึงถึงความสำคัญของการเรียนรู้นอกสถานที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างทักษะให้แก่นักเรียนผ่านการลงพื้นที่จริง นอกจากนี้การออกคำสั่งงดทัศนศึกษาทันทียังส่งผลกระทบต่อธุรกิจการเช่าเหมารถในภาพรวม รวมถึงในตอนนี้ ยังไม่มีการพูดถึงนโยบายเยียวยารายได้ที่สูญเสียไปอย่างกะทันหันของผู้ประกอบการกลุ่มนี้แต่อย่างใด
แท้จริงแล้วต้นเหตุของปัญหาดังกล่าวคือกระบวนการตรวจสอบสภาพรถที่ไม่โปร่งใส จนทำให้รถที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยออกมาวิ่งบนท้องถนน รวมถึงรถที่นำมารับส่งนักเรียนคันนี้ ที่ถูกพบว่ามีหลายส่วนที่ไม่ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น จดทะเบียนจำนวนถังแก๊สไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นต้น และอาจหมายความได้ว่า แม้จะงดกิจกรรมทัศนศึกษาของนักเรียนทั้งประเทศ เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้ก็ยังคงมีโอกาสเกิดขึ้นได้อยู่ เพราะมาตรฐานการตรวจสอบสภาพรถยังคงหละหลวม
ฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ คือภาครัฐต้องเข้ามาแก้ไขระบบการตรวจสอบสภาพรถให้โปร่งใสและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อคัดกรองรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยก่อนจะไปถึงมือผู้ว่าจ้าง โดยภาครัฐ จะต้องไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดดังเช่นในเหตุการณ์นี้อีก นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญที่ควรทำคือ การปลูกฝังเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้กับนักเรียนตั้งแต่เด็กๆ ทั้งเรื่องของการเคารพกฎจราจรพื้นฐาน รวมไปถึงการอบรมซ้อมวิธีรับมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน
สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับการงดกิจกรรมทัศนศึกษา เพราะวิธีดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุที่ทำได้รวดเร็วมากที่สุด ทว่าในความเป็นจริงแล้วการไปทำกิจกรรมทัศนศึกษานั้นไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาตั้งแต่แรก ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่การงดหรือยกเลิกทัศนศึกษา หากแต่เป็นการย้อนกลับไปแก้ไขมาตรฐานและมาตรการการบังคับใช้กฎหมายโดยรัฐต้องเป็นผู้ดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มงวด รวมไปถึงการพิจารณาแนวทางการเยียวยาผู้ประกอบการรถโดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ปัญหาปลายเหตุ ณ เวลานี้ด้วย โดยทางเราหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากภาครัฐ