เรื่อง : สาธิต สูติปัญญา
ภาพประกอบ : นนทพัทธ์ ขันติวัฒนา, กิตติธัช วนิชผล
‘ร้านองศาหมูกระทะ’ ขู่นักศึกษามธ. ให้ระวังตัว เหตุเขียนวิจารณ์ว่าพนักงานไม่ยืนรอรับอุปกรณ์หมูกระทะและล้างกระทะไม่สะอาด ด้านเจ้าของร้านชี้ไม่สามารถรอได้เพราะมีอีกหลายที่ต้องไปเก็บอุปกรณ์ อาจารย์นิติ มธ. เสนอไม่ควรโพสต์เหตุการณ์ลงสื่อสังคมออนไลน์
เมื่อวานนี้ (11 สิงหาคม) นายวรพฤทธ์ สิริมงคลพันธุ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เอกโฆษณา คณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ให้สัมภาษณ์ว่าเขาโดนเบอร์โทรจากร้านองศาหมูกระทะ ศูนย์อาหารยูสแควร์ 2 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โทรมาข่มขู่โดยอ้างว่าเป็นพนักงานส่งของ “เขาพูดประมาณว่า ระวังตัวไว้ให้ดี ระวังนะบอกไว้ก่อน ผมแดง ๆ ใช่ไหม เดี๋ยวเจอนะจะบอกให้”
นายวรพฤทธ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาเขาโทรสั่งหมูกระทะจากร้านองศาหมูกระทะมารับประทานที่หอพักนักศึกษาทียูโดม มธ. ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หลังจากเปิดถุงออกก็พบกับกระทะที่มีรอยดำจากการล้างไม่สะอาดแต่เขาก็ยังรับประทานปกติ หลังรับประทานเสร็จจึงโทรให้ทางร้านมาเก็บอุปกรณ์ แต่ทางร้านรับสายแล้วก็ตัดสายทิ้งทันที จากนั้นวันที่ 9 สิงหาคม เจ้าของร้านโทรเข้ามาเพื่อขอเก็บกระทะโดยไม่นัดล่วงหน้าซึ่งขณะนั้นเจ้าของร้านแจ้งว่ามีพนักงานมารอเก็บกระทะแล้ว ทว่านายวรพฤทธ์กำลังเรียนออนไลน์อยู่ จึงบอกให้พนักงานรอประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นนายวรพฤทธ์จึงลงไปเพื่อคืนอุปกรณ์แต่พนักงานคนดังกล่าวไม่อยู่แล้ว
นายวรพฤทธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เวลาผ่านไปสักครู่เขาจึงโทรไปหาทางร้านเพื่อต้องการให้มาเก็บกระทะแต่มีพนักงานอีกคนตอบกลับมาว่าให้ไปคืนด้วยตนเองเพราะหมดรอบรับกระทะคืนแล้ว อย่างไรก็ตามนักศึกษารายนี้แจ้งพนักงานกลับไปว่าทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเขาเนื่องจากพนักงานของทางร้านไม่รอรับอุปกรณ์รับประทานหมูกระทะขณะที่เขากำลังนำลงไปให้เอง ท้ายที่สุดพนักงานจากร้านดังกล่าวจึงบอกว่าจะมาเก็บอุปกรณ์ให้เอง ด้วยความผิดหวังจากการบริการหลาย ๆ ประการนักศึกษาปี 4 รายนี้จึงเขียนกระดาษคอมเพลน (วิจารณ์) ใส่ไปในถุงอุปกรณ์ตอนที่พนักงานมาเก็บอุปกรณ์ ข้อความว่า “บริการแย่มาก กระทะล้างไม่สะอาด ตัดสายลูกค้า มาเก็บกระทะโดยไม่นัดล่วงหน้า นัดเก็บกระทะใหม่ตอนห้าโมงก็ไม่มาตามนัด”
กระดาษที่นายวรพฤทธ์เขียนคอมเพลน
นายวรพฤทธ์อธิบายต่อว่า ถัดมาวันที่ 10 สิงหาคม เบอร์โทรจากร้านองศาหมูกระทะโทรมาต่อว่าและวางสายไป สาเหตุมาจากจดหมายที่เขาเขียนวิจารณ์ หลังจากนั้นนักศึกษารายนี้จึงโทรกลับไปแต่ไม่ติด เขาจึงส่งข้อความกลับไปหาร้านหมูกระทะว่า โทรมาด่าแล้วปิดเครื่องหนี กล้าหาญมากครับ ปรบมือ จากนั้นไม่นานจึงมีเบอร์จากร้านโทรเข้ามาบอกว่าให้ระวังตัว
ด้านนายเก่ง (สงวนชื่อสกุล) เจ้าของร้านองศาหมูกระทะชี้แจงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมว่าได้รับข้อความวิจารณ์ที่เขียนใส่กระดาษมาจากนายวรพฤทธ์ แต่เขาจำรายละเอียดไม่ค่อยได้และยอมรับว่ามีการข่มขู่จริง “ที่ไม่ได้รอเพราะพนักงานต้องไปเก็บกระทะที่อื่นต่อด้วย รอได้ประมาณไม่เกินห้านาที หลังจากนั้นเราก็บอกไปว่าถ้าอยากคืนเร็วก็เอามาคืนที่ร้านเอง สักพักเขาก็ส่งข้อความมาในโทรศัพท์เหมือนอยากหาเรื่อง (โทรมาด่าแล้วปิดเครื่องหนี กล้าหาญมากครับ ปรบมือ) เราก็เลยโทรไปว่า พูดแบบนี้แสดงว่าอยากมีปัญหา เราคิดว่าเขาเหมือนโมโหที่ว่าเขาลงมาคืนกระทะแล้ว แต่พนักงานไม่ยอมอยู่รอกระทะ”
นางมาตาลักษณ์ เสรเมธากุล รองศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นช่องโหว่ของกฎหมายไทยที่ยังไม่สามารถเอาผิดได้ จากกรณีดังกล่าวยังเป็นเพียงการข่มขู่ ขู่เข็ญทำให้กลัว ในแง่ของกฎหมายยังไม่ครบองค์ความผิดทางประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือจากกรณีนี้ยังไม่ปรากฏข้อความที่จำกัดเสรีภาพของเหยื่อ หรือข้อความที่แสดงการบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นข้อความทำนองว่าถ้าคุณไม่ทำตามที่บอกจะทำร้ายร่างกาย หรืออย่าออกมาจากหอพักเลยนะ ถ้าออกมาจะโดนทำร้ายร่างกาย ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวคือการลงบันทึกประจำวันไว้กับสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากถ้าได้รับบาดเจ็บหลังจากนั้น ตำรวจจะสันนิษฐานว่าบุคคลที่โทรมาข่มขู่คือผู้ต้องสงสัยลำดับแรก
นางมาตาลักษณ์แนะนำวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเจอเหตุการณ์คล้ายกัน 4 ประการคือ
1. ถ้าพบสภาวะความไม่พึงประสงค์ของอาหารที่สั่งมาให้โทรไปแจ้งที่ร้านอาหารโดยตรงในลักษณะของความปรารถนาดี เนื่องจากการเขียนข้อความอาจทำให้ผู้รับสารตีความสารไม่ตรงกับการโทรคุย และอาจทำให้เกิดความโมโหได้ง่าย
2. ถ้าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะที่โกรธหรือมีอารมณ์ ไม่ควรต่อความยาวสาวความยืดอธิบายความใด ๆ หรือรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายทั้งสิ้นถึงแม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือเราอารมณ์เย็นก็ตาม เพราะการอธิบายใด ๆ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังโมโห อาจทำให้มีอารมณ์โมโหมากกว่าเดิม
3. ถ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังโดนขู่จากฝ่ายตรงข้าม อย่างในกรณีนี้ ควรแจ้งให้อีกฝ่ายทราบว่าเรากำลังบันทึกเสียง และทุกคำพูดที่ออกมาอาจผิดกฎหมายได้ การแจ้งนี้อาจมีส่วนทำให้ฝ่ายที่กำลังอาจจะกระทำผิดจากการข่มขู่ มีสติขึ้นมาได้
4. สุดท้ายถ้าเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว มีการข่มขู่จากอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรนำข้อความมาโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจเป็นการผลิตซ้ำความโกรธให้ฝ่ายผู้ข่มขู่ และสุดท้ายผู้ที่โพสต์อาจได้รับอันตรายจากการกระทำดังกล่าว