ArticlesSocietyWritings

พัฒนาการจริยธรรมสื่อ : ศึกษาเปรียบเทียบการนำเสนอข่าวกราดยิงโคราช ปี 2563 – หนองบัวลำภู ปี 2565

เรื่อง : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ พรวิภา หิรัญพฤกษ์ และ สิทธิเดช สายพัทลุง

ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา

“ยอดตายยังไม่นิ่ง “XXXคลั่ง” เปิดฉากกราดยิงไม่เลือกหน้า เด็กก็ไม่เว้น”

“เผาแล้วสองศพสุดท้าย เหยื่อกราดยิง น้องXXXกับพ่อ แม่ร่ำไห้ใจจะขาด

หากว่าใครได้ดูข่าว คงจะเคยเห็นพาดหัวข่าวทำนองนี้อยู่บ่อยครั้ง ที่แม้จะไม่ได้ตั้งใจเข้าไปดู แต่ถ้าเลื่อนฟีดอยู่เสมอก็คงได้เห็นผ่านตา

 คำถามคือ การนำเสนอแบบนี้กำลังละเมิดสิทธิ์แหล่งข่าวอยู่หรือไม่

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 32 ระบุไว้ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และครอบครัว

“การกระทำอันเป็นการละเมิดหรือกระทบต่อสิทธิของบุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าในทางใดๆ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ”

นั่นหมายความว่าทั้งความเป็นอยู่และข้อมูลนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวที่หากไม่ใช่เจ้าตัว ใครก็ไม่สามารถนำไปเปิดเผยหรือป่าวประกาศได้ มิเช่นนั้นอาจถูกเรียกได้ว่าเป็นการ “ละเมิดสิทธิ” ของผู้อื่น

การละเมิดสิทธิไม่ได้มีผลแค่ทางกฎหมาย ทว่าสามารถส่งผลกระทบต่อผู้ถูกละเมิดทั้งในการใช้ชีวิต หรือสภาพจิตใจ การศึกษาของ รุจน์ โกมลบุตร  (2560) พบว่าแหล่งข่าวที่ถูกสื่อมวลชนละเมิดสิทธิ์ ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 5 ด้านด้วยกัน ได้แก่ สูญเสียความเป็นส่วนตัว ผลกระทบด้านจิตใจ ผลกระทบด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน ผลกระทบด้านชื่อเสียง หน้าที่การงาน การสู้คดี และผลกระทบถึงขึ้นสูญเสียชีวิตได้ด้วย

เพื่อป้องกันผลกระทบจากถูกสื่อละเมิดสิทธิ์ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติจึงได้มีการกำหนดข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนเอาไว้ เช่น ข้อ 17 ความว่า“สื่อมวลชนพึงละเว้นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีเพื่อประโยชน์สาธารณะ”

อย่างไรก็ตามแม้จะมีข้อบังคับจริยธรรมฯ เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนจากสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ก็ยังไม่วายพบสื่อละเมิดสิทธิ์ของแหล่งข่าวอยู่ไม่น้อย

ในบทความนี้ ทีมผู้วิจัยต้องการนำเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบการละเมิดสิทธิ์ของสื่อต่อแหล่งข่าวในการนำเสนอข่าวกราดยิงในสองเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ กราดยิงที่โคราช เมื่อปี 2563 และกราดยิงที่หนองบัวลำภู เมื่อปี 2565

เหตุการณ์กราดยิงโคราช เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 มีทหารรายหนึ่งก่อเหตุกราดยิง ไล่ตั้งแต่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ไปจนถึงห้างเทอร์มินอล 21 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 30 ราย ส่วนเหตุการณ์กราดยิงที่หนองบัวลำภู เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 มีผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจรายหนึ่งเข้าไปก่อเหตุสังหารหมู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 36 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กเล็ก 24 ราย

ด้วยความสะเทือนขวัญของทั้งสองเหตุการณ์ จึงทำให้คนในสังคมสนใจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะต่อกระบวนการรายงานข่าว ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญกันมากว่าสื่อได้ละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่ตกเป็นข่าว ไม่ว่าจะด้วยการบอกชื่อของเหยื่อ บอกชื่อของพยาน การให้รายละเอียดเหตุการณ์มากเกินไป หรือแม้กระทั่งการใช้ถ้อยคำตัดสิน ไปจนถึงการใส่อคติในการนำเสนอข่าว

ทั้งนี้ทีมผู้วิจัยมีหลักคิดว่า ปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิ์ของสื่อต่อผู้ที่ตกเป็นข่าว เป็นเรื่องที่สื่อสามารถพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้ และทั้งสองเหตุการณ์นี้มีระยะเวลาห่างกันถึงสองปี ทีมผู้วิจัยจึงต้องการศึกษาว่าจากเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช พ.ศ.2563 สู่หนองบัวลำภู พ.ศ.2565 สื่อจะมีพัฒนาการในการรายงานข่าวกราดยิงอย่างไรบ้าง จึงได้ทำงานวิจัยในหัวข้อ “พัฒนาการการรายงานข่าวอาชญากรรมในส่วนการละเมิดสิทธิ์ของสำนักข่าวไทยรัฐ เปรียบเทียบระหว่างเหตุการณ์กราดยิงโคราชและกราดยิงหนองบัวลำภู” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา วส.211 การสื่อข่าว คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

งานวิจัยนี้เลือกศึกษาสำนักข่าวไทยรัฐ เพราะเป็นสำนักข่าวที่มีอิทธิพลต่อสังคมและมีผู้ติดตามบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการจัดหมวดหมู่ข่าวอาชญากรรมไว้ในหน้าหลักของเว็บไซต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำนักข่าวไทยรัฐให้ความสำคัญกับข่าวอาชญากรรมเป็นอย่างมาก

ทีมวิจัยใช้วิธีการรวบรวมตัวอย่างที่เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองเหตุการณ์จากหน้าเว็บไซต์ ด้วยการค้นหาด้วยคำว่า “กราดยิงโคราช 63” และ “กราดยิงหนองบัวลำภู 65” ในระยะเวลา 14 วันแรกของเหตุการณ์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีความเข้มข้นในการนำเสนอข่าวดังกล่าว จากนั้นได้วิเคราะห์เนื้อหาว่ามีการละเมิดสิทธิ์แหล่งข่าวในประเภทใดบ้าง จำนวนข่าวที่ละเมิด (ชิ้น) และจำนวนการละเมิด (ครั้ง) มีปริมาณเท่าไร

ทีมวิจัยได้แบ่งประเภทการละเมิดสิทธิ์เป็น 6 ประเภท ดังนี้

  1. การบอกชื่อ เช่น “จากการชันสูตรพบว่าผู้เสียชีวิตชื่อนาย XXX บุตรของนาง XXX”
  2. การบอกที่อยู่ เช่น “นาย XXX ผู้เสียชีวิต อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ XXX”
  3. การอธิบายรายละเอียดของเหตุการณ์เกินควร เช่น “จากเหตุการณ์จ่าคลั่งไล่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ด้วยการไล่ยิงและได้ขับรถหนีจนไปพบกับเด็กนักเรียนและได้ทำการยิงไปที่ศีรษะจนทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิตคารถจักรยานยนต์”
  4. การนำเสนอด้วยอคติของผู้รายงานข่าว เช่น “แม่ผู้เสียชีวิตมีอาการเศร้าเสียใจร้องไห้ฟูมฟายกอดศพลูกชายตนเองจนคล้ายจะขาดใจตาย”
  5. การใช้คำที่เป็นการตัดสิน เช่น โรคจิต ตำรวจคลั่ง ฮีโร่ห้องเย็น
  6. การบอกชื่อของพยาน เช่น “นาย XXX กล่าวว่า เพื่อนของเราเป็นคนดี ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้”

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าจากเหตุการณ์กราดยิงโคราชและหนองบัวลำภู มีจำนวนการรายงานข่าวที่ละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่ตกเป็นข่าวลดลง ดูตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ตารางเปรียบเทียบจำนวนข่าวที่มีการละเมิดสิทธิ์ของผู้ที่ตกเป็นข่าว

จากตารางที่ 1 พบว่าเหตุการณ์กราดยิงโคราช พ.ศ. 2563 มีข่าวทั้งหมด 242 ชิ้น ในจำนวนนี้เป็นข่าวที่มีการละเมิดสิทธิ์ 138 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 57.02 และข่าวที่ไม่มีการละเมิดสิทธิ์ 104 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 42.98 ส่วนในอีก 2 ปีต่อมา เหตุการณ์กราดยิงหนองบัวลำภู พ.ศ. 2565 มีจำนวนข่าวทั้งหมด 226 ชิ้น ในจำนวนนี้เป็นข่าวที่มีการละเมิดสิทธิ์ 95 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 42.04 และข่าวที่ไม่มีการละเมิดสิทธิ์ 131 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 57.96 แสดงว่าไทยรัฐมีการละเมิดสิทธิ์ของแหล่งในการรายงานข่าวลดลง

ตารางที่ 2 ตารางเปรียบเทียบประเภทของการละเมิดสิทธิ์ของแหล่งข่าว

นอกจากจำนวนข่าวที่มีการละเมิดสิทธิ์ของผู้ตกเป็นข่าวจะลดน้อยลงแล้ว จากตารางที่ 2 พบว่าการรายงานข่าวของเหตุการณ์กราดยิงหนองบัวลำภู มีจำนวนการละเมิดสิทธิ์ในประเภทต่างๆ ลดลงจากการรายงานข่าวกราดยิงโคราชในเกือบทุกประเภท เว้นแต่เรื่องของ “การใช้อคติ” ในการนำเสนอข่าวที่มีการละเมิดสิทธิ์มากขึ้นร้อยละ 14.12 กล่าวคือจากเดิมร้อยละ 18.18 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 32.30 และเรื่อง “การละเมิดชื่อของพยาน” ที่มีการละเมิดสิทธ์มากขึ้นร้อยละ 2.21 กล่าวคือจากเดิมร้อยละ 0.00 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.21

สำหรับตัวอย่างการละเมิดสิทธิ์แหล่งข่าวจากทั้ง 2 เหตุการณ์ มีดังนี้

การละเมิดชื่อและที่อยู่ : การเปิดเผยชื่อและที่อยู่ของผู้ที่ตกเป็นข่าว

กรณีกราดยิงโคราช

ที่มา : ข่าวเมีย ผจก.คาร์แคร์ เหยื่อกราดยิงโคราช ช็อกเสียเสาหลัก เผยมีลางร้ายมาก่อน https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1767801

การให้รายละเอียดเกินควร : การให้ข้อมูลของเหตุการณ์โดยละเอียด

กรณีกราดยิงหนองบัวลำภู

ที่มา : เพื่อนบ้านเห็น ตร.คลั่ง ไล่ฆ่าชาวบ้าน เผยเด็กที่ตายเป็นหลานไม่ใช่ลูกแท้ๆ https://www.thairath.co.th/news/crime/2520773

การใช้อคติ  : การใช้ถ้อยคำที่มีการเร้าอารมณ์ผู้อ่าน

กรณีกราดยิงหนองบัวลำภู

ที่มา : ส่งทหารรบพิเศษหมวกแดงลงพื้นที่โคราช คลี่คลายสถานการณ์ “จ่าคลั่ง” https://www.thairath.co.th/news/local/2522720

การใช้ถ้อยคำตัดสิน : การใช้ถ้อยคำตัดสินบุคคล

กรณีกราดยิงโคราช

ที่มา : ส่งทหารรบพิเศษหมวกแดงลงพื้นที่โคราช คลี่คลายสถานการณ์ “จ่าคลั่ง” https://www.thairath.co.th/news/crime/1767026

การเปิดเผยชื่อของพยาน

กรณีกราดยิงหนองบัวลำภู

ที่มา : แทบขาดใจ กอดผ้าห่ม-ขวดนมแทนลูกน้อย แยกสวด 3 วัด ผลผ่า ตร.คลั่ง ไร้สารเสพติด (คลิป) https://www.thairath.co.th/news/society/2521231

จากผลการศึกษา ทีมผู้วิจัยมีข้อสรุป ดังนี้

  1. สำนักข่าวไทยรัฐดูเหมือนจะมีความตระหนักถึงสิทธิ์ของผู้ที่ตกเป็นข่าวมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนักข่าวในช่วงกราดยิงโคราชกันสูงมาก จนสื่อต้องนำข้อวิพากาษ์วิจารณ์มาพิจารณาปรับปรุงตัวเอง การศึกษาของกมลวรรณ โกวิทวงศา และ ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา (2562) กรณีการรายงานข่าวช่วยเหลือผู้ประสบภัยในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย พบว่า ความคิดเห็นของประชาชนสะท้อนให้สื่อมวลชนจัดรูปแบบการนำเสนอให้ตรงกับความต้องการของสังคมให้มากขึ้น
  2. การรายงานข่าวแบบใส่อคติที่เพิ่มสูงขึ้นในกรณีหนองบัวลำภู อาจเป็นเพราะว่าในเหตุการณ์กราดยิงดังกล่าว มีผู้เสียหายที่เป็นเด็กเล็กซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเปราะบางสูง จากงานวิจัยเรื่อง Our image of child ของ Margaret Anne Carter ในปี 2013 ชี้ว่าผู้ใหญ่มักจากมีภาพจำต่อเด็กในมุมมองเชิงบวก เช่น ความสนุกสนาน ความไร้เดียงสา ความเป็นฝ่ายดี (Protagonist) จึงอาจเป็นส่วนที่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมเมื่อเด็กถูกกระทำ จนผู้สื่อข่าวอาจจะใส่อคติไปในการรายงานข่าวด้วยนั่นเอง

จากผลการวิจัยในครั้งนี้ แม้สื่อจะรายงานข่าวในลักษณะที่มีการละเมิดสิทธิ์ของแหล่งข่าว แต่โดยภาพรวมก็พบการละเมิดสิทธิที่ลดน้อยลง จึงอาจกล่าวได้ว่า การทำหน้าที่รายงานข่าวของสื่อสามารถพัฒนาและปรับปรุงตัวเองได้เสมอ

หากประชาชนผู้รับสารตื่นตัว


บรรณานุกรม

Margaret Anne Carter. (2013). Our Image of the Child. Social an Behaveral Science. 93. 1704-1709.

กมลวรรณ โกวิทวงศา และ ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา. (2562). แนวทางรายงานข่าวในสถานการณ์วิกฤต       กรณีศึกษาปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในถ้ำหลวง. คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.

รุจน์ โกมลบุตร. (2560). ผลกระทบของแหล่งข่าวที่ถูกสื่อมวลชนละเมิดสิทธิ์. คณะวารสารศาสตร์และ         สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ. (24 พฤษภาคม 2559). แนวปฏิบัติการได้มาและการนำเสนอข่าวและภาพข่าวของ       สื่อมวลชน โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าว. เข้าถึงได้จาก https://www.presscouncil.or.th/regulation/3299

สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ. (8 มิถุนายน 2564). ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน สภาการ          สื่อมวลชนแห่งชาติ พ.ศ. 2564. สืบค้นจาก https://www.presscouncil.or.th/rule/6126

ยอดตายยังไม่นิ่ง “จ่าคลั่ง” เปิดฉากกราดยิงไม่เลือกหน้า เด็กก็ไม่เว้น. (8 กุมภาพันธ์ 2563). ไทยรัฐออนไลน์.   สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/news/crime/1767008

เผาแล้วสองศพสุดท้าย เหยื่อกราดยิง น้องออสก้ากับพ่อ แม่ร่ำไห้ใจจะขาด. (13 ตุลาคม 2565). ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/news/crime/2526301

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Articles

Articles

ภัยพิบัติในไทยกับความสนใจ ‘แค่กรุงเทพ’

เรื่อง: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพ: Wiroj Sidhisoradej จาก Freepik 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ...

Articles

หลอดไฟในดงไม้ แสงสว่างที่ระบบนิเวศไม่ต้องการ

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ในเมืองกรุงอันแสนกว้างใหญ่ แม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ฟ้ามืดสนิท แสงจากไฟถนนและตึกยังคงส่องสว่างเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญ และในเมืองที่ไม่มีวันดับแสงนี้ การจะเห็นดาวที่ลอยอยู่เต็มผืนฟ้าช่างยากเหลือเกิน แม้แสงไฟจะเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ แต่ไม่ใช่ทุกที่จะเหมาะสมกับความสว่างไสวนี้ ...

Articles

 I’m cringe but I’m free สะเหล่อแล้วไง ไม่แคร์แล้วกัน

เรื่อง : ศิรประภา จารุจิตร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี “โอ้ยยย ทำไมตอนนั้นสะเหล่อจัง” ความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวขณะที่ล้มตัวลงนอนหลับตาเตรียมฝันดี แต่สมองไม่รักดีกลับขุดภาพความทรงจำอันน่าอับอายขึ้นมาฉาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เล่นมุกแล้วคนทั้งห้องกริบ ทักคนผิดเพราะนึกว่าเป็นเพื่อนตัวเอง ส่งข้อความหาคนที่ชอบเขาอ่านแต่ไม่ตอบ ...

Articles

ต้องอายุเท่าไหร่ ถึงควรจะประสบความสำเร็จ?: ชวนสำรวจนิยามความสำเร็จผ่านตัวละครหลักหลากวัยจาก Only murders in the building

เรื่องและภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี หมายเหตุ: บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ คุณเคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองว่างเปล่าหรือไร้ค่าบ้างไหม? คุณเคยรู้สึกเจ็บช้ำจากความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าบ้างหรือเปล่า? คุณเคยมองความสำเร็จของคนอื่นแล้วถามตัวเองหรือไม่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่? หากคุณเคยรู้สึกหรือเคยถามตัวเองแบบนั้น คุณอาจเป็นเหมือนสามตัวละครหลักจาก Only murders in the ...

Articles

ผม (ไม่) เคย เฉยชากับความตาย

เรื่องและภาพประภาพ: Amphea Warning : บทความชิ้นนี้มีการพูดถึงเนื้อหาของการพยายามอัตวินิบาตกรรมและการสูญเสียของคนใกล้ตัว โปรดอ่านอย่างระวัง ‘อาม่า’ ของผมเสียไปตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ในวัยประถม แม้ช่วงบั้นปลายชีวิต เธอจะเริ่มหลงลืมลูกหลานและอารมณ์รุนแรงไปบ้าง แต่สำหรับลูกทั้ง 8 คนแล้ว เธอยังคงเป็นคนที่ทุกคนในครอบครัวรักมากที่สุดคนหนึ่ง ส่วนผมนั้นไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับอาม่ามากนัก ...

Articles

ออกเดินทางมาแล้วแต่ยังไกลจุดหมาย : ตอนนี้ Universal Design พาคนพิการเดินทางไปได้เท่าไหนในไทย

เรื่องและภาพประกอบ : ชวิน ชองกูเลีย เป็นเวลาหลาย 10 ปีมาแล้วที่คนพิการต้องเรียกร้องสิทธิต่างๆ ทั้งในประเด็นสิทธิในการเข้าทำงาน มุมมองด้านลบที่คนพิการเคยถูกมองว่าไม่มีความสามารถ หรือเคยทำกรรมไว้จึงพิการ และปัญหาความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขาหลังจากที่ต้องสูญเสียทักษะบางอย่างไป การเดินทางเองก็เป็นอุปสรรคอันดับต้นๆ ที่คนพิการต้องพบเจอและมีการเรียกร้องมาเป็นเวลานาน จนมีกฎหมายเกี่ยวกับ Universal Design ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save