เขียน วรัชยา สุริยะพันธุ์

ผู้ประกอบกิจการร้านหนังสือชี้ แอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหนังสือเพราะการลดราคาและพฤติกรรมผู้บริโภค แนะควรพัฒนาให้ร้านหนังสือเป็นพื้นที่กิจกรรมสำหรับคนรักหนังสือ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม บนเวทีเสวนา ‘ร้านหนังสืออิสระยุคใหม่ ขับเคลื่อนอย่างไรให้รอดและยั่งยืน’จัดที่มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชัยฤทธิ์ อินทุวิศาลกุล ผู้บริหาร Ready Distribution ธุรกิจประกอบกิจการรับฝากขายหนังสือ และร้านขายปลีกหนังสือกล่าวว่า ร้านหนังสืออิสระรวมถึงร้านหนังสือรายใหญ่ถูกแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์เช่น Shopee และ Lazada ตอบสนองพฤติกรรมของผู้อ่านยุคปัจจุบันซึ่งเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าหน้าร้านหนังสือ เพราะความสะดวกหรือราคาที่ถูกกว่าจากการลดราคาตามโปรโมชั่นของแอปพลิเคชัน ทำให้ส่งผลกระทบถึงระบบธุรกิจหนังสือโดยรวมเป็นลูกโซ่ ตั้งแต่ร้านหนังสือที่มียอดขายหน้าร้านลดลง รวมถึงธุรกิจรับฝากขายหนังสือซึ่งไม่มียอดการส่งหนังสือจากผู้ผลิตไปยังร้านหนังสืออิสระ เนื่องจากร้านหนังสือไม่มีการสั่งซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ ซึ่งส่งผลมาจากการไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อหนังสือในร้าน
ธีรภัทร เจริญสุข เลขาธิการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลของสมาคมในปี 2563 มีร้านหนังสือออนไลน์เปิดใหม่บนแอพพลิเคชั่นซื้อของออนไลน์ ถึง 500 ร้านต่อปี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.9 ของร้านหนังสือในประเทศไทยทั้งหมด ในขณะที่ร้านหนังสือที่มีหน้าร้านมีเพียงร้อยละ 16 เท่านั้น ทำให้แม้แต่ร้านหนังสือรายใหญ่ขาดทุน และปรับตัวโดยการหลีกเลี่ยงการทำโปรโมชั่นลดราคาหนังสือตีพิมพ์ใหม่แม้จะเป็นในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ หรือการที่พนักงานในเครือร้านหนังสือต้องถ่ายทอดสดขายหนังสือผ่านสื่อออนไลน์เพื่อทำยอดขายให้เพียงพอ
“E-Book ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายหนังสือเล่มลดลง เพราะคุณอยากอ่านหนังสือสักเล่มตอนตีสองก็สามารถกดซื้อได้เลย บางครั้งสามารถกดโค้ดลดราคาแล้วได้ราคาถูกเข้าไปอีก แม้จะไม่ใช่ E-Book ก็มีบางคนที่ไปดูหนังสือที่บูธงานหนังสือฯ แล้วกดสั่งซื้อในร้านค้าออนไลน์” ธีรภัทรกล่าว
ปราบ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้อำนวยการ Daybreaker Network ชุมชนสำหรับนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ในส่วนของการปรับตัวของร้านหนังสืออิสระสามารถอยู่รอดต่อไปได้นั้น ร้านหนังสืออิสระควรมุ่งเน้นการเปลี่ยนร้านหนังสือให้เป็น Community Space หรือพื้นที่กิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอ่านหนังสือเพื่อเป็นจุดแข็งทดแทนการลดราคาและการเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาของร้านหนังสือออนไลน์
“ร้านหนังสือมีประวัติศาสตร์ยาวนานของการเป็นพื้นที่ให้คนที่มีความสนใจคล้ายกันมาถกเถียงกันและสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้สังคม นอกจากนั้นยังมันยังสร้างวามสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่ใกล้ชิดกันมากกว่าบนโลกออนไลน์เพราะพวกเขาได้มาพบกันในชีวิตจริง ในขณะเดียวกัน การที่คนที่มีความสนใจเหมือนกันมาพบกันก็เป็นการเยียวยาจิตใจพวกเขา เพราะการมารวมกลุ่มกันในสถานที่หนึ่งมันให้ความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยวหรือแปลกแยกจากสังคม” ปราบกล่าว
เพชร ทิพย์สุวรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งร้านหนังสืออิสระและร้านกาแฟ House of Commons กล่าวว่าสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยหรือภาครัฐสามารถสนับสนุนการพัฒนากลยุทธ์ความอยู่รอดของร้านหนังสืออิสระได้ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยหรือข้อมูลเกี่ยวกับพลวัตของอุตสาหกรรมหนังสือเช่นยอดขายหรือหนังสือที่ได้รับความนิยม ซึ่งสมาคมมีข้อมูลและทำงานวิจัยเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วแต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์งานวิจัยให้ผู้ประกอบอย่างเพียงพอ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการร้านหนังสืออิสระมีความรู้เรื่องอุตสาหกรรมหนังสือมากขึ้นและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม