เรื่อง : ปรียาภรณ์ เมฆแสน
ภาพ : พรปวีณ์ วงศ์ชัย
7 มิ.ย. 64
วันสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาปี 3 กดส่งข้อสอบผ่าน MS Team ปิดคอมฯ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อย ในที่สุดก็จบเทอมอันแสนยาวนานนี้ไปได้สักที สบายใจจัง แต่ว่าปิดเทอมครั้งนี้ทำอะไรแก้เบื่อดี ฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนก็ไม่ได้เพราะร้านเหล้าปิด จะไปเที่ยวทะเล ขึ้นภูเขา ก็ไม่ได้เหมือนกันเพราะโควิดเริ่มกลับมาระบาดหนักอีกแล้ว สิ่งที่น่าจะทำได้ในตอนนี้ก็คือซื้อเบียร์มากินที่ห้องคนเดียว เปิดเพลงเสียงดัง ๆ แล้วเต้นแร้งเต้นกาจนเหนื่อยหอบให้สมกับที่รอคอยเวลานี้มานาน เหงาดี…
15 ก.ค. 64
อีกไม่ถึง 1 เดือนก็จะกลายเป็นเด็กปี 4 อย่างเต็มตัว ไม่อยากเรียนออนไลน์เลย เรียนแค่ 3 ชั่วโมงก็หมดแรงแล้ว ไม่อยากทำอะไรต่อแม้แต่จะลุกไปหาข้าวกิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงอยากจะให้เปิดเทอมไว ๆ เพราะอยู่บ้านแล้วเหงามาก อยากเจอเพื่อน แต่คราวนี้ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่หอก็เหงาเหมือนกันหมด บางทีอาจจะเหงากว่าเดิมด้วยซ้ำไป ภาวนาให้โควิดหมดไปเร็ว ๆ จะได้กลับไปเรียนที่ ม. แค่เทอมสุดท้ายเทอมเดียวก็ยังดี ไม่อยากเรียนจบแบบออนไลน์ อยากเรียนจบแบบพร้อมหน้าพร้อมตากับเพื่อน ๆ
9 ส.ค. 64
เรียนออนไลน์ต้อนรับเปิดเทอมวันแรก (อีกแล้ว) ไม่มีความตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น ปกติจะต้องตื่นตั้งแต่เช้า อาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัวจัดเต็มเอาฤกษ์เอาชัย แล้วรีบไปตึกเรียนก่อนเวลาเรียนเกือบชั่วโมง ไปนั่งคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน แต่วันนี้เริ่มเรียนเก้าโมงครึ่ง ก็ตื่นประมาณเก้าโมงยี่สิบ ให้เวลาตัวเองสะลึมสะลือสัก 10 นาที ฟันไม่ต้องแปรง น้ำก็ไม่จำเป็นต้องอาบ ลุกออกจากเตียงแล้วมาเปิดคอมฯ เรียนได้เลย เหมือนจะสบายนะ แต่จริง ๆ แล้วก็เปื่อยเหมือนกัน
1 ก.ย. 64
เปิดเทอมมาได้ระยะหนึ่งแล้ว นั่งเรียนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กี่ตารางเมตรคนเดียว นั่งมองหน้าจอทั้งวัน เรียนเสร็จก็กดวางสายจากอาจารย์ใน Zoom ลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจนิดหน่อย แล้วเดินไปนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงที่ห่างจากโต๊ะอ่านหนังสือแค่ 5-6 ก้าว เหงามากเพราะไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอใครเลย อยู่แต่ในห้อง เฮ้อ…น้ำลายบูด
พอมานั่งนึกดูว่าสาเหตุความเหงาของตัวเองจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไร คำตอบเดียวที่มีอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือความคิดถึง คิดถึงรถเอ็นจี้สีเหลืองแดงคันเก่า ๆ ที่เคยเบื่อเพราะต้องยืนเบียดกับคนบนรถทุกเช้าจนตัวแทบจะแบนเป็นกระดาษ มิหนำซ้ำต้องรอนานจนบางครั้งก็ถอดใจไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมาแทน ตอนนี้อยากสัมผัสโมเมนต์แบบนั้นอีกสักรอบสองรอบ แน่นอนว่าการยืนเบียดคนหรือการรอรถนาน ๆ มันน่าหงุดหงิดใจ แต่อย่างน้อยก็ได้ไปหาอะไรทำที่ ม. แก้เซ็ง
คิดถึงตึก SC ที่ไม่ว่าจะใช้เรียนหรือใช้สอบบ่อยแค่ไหนก็ยังคงหลงทาง หาห้องเรียนไม่เจอทุกที อาทิตย์ก่อนเดินเลี้ยวซ้ายก็เจอห้องอยู่ซ้ายมือ แต่ทำไมอาทิตย์นี้ห้องอยู่ขวามือทั้ง ๆ ที่เดินเลี้ยวซ้ายเหมือนเดิม รู้ตัวอีกทีก็ใกล้เวลาเช็คชื่อแล้ว ต้องรีบเดินรีบหาพร้อม ๆ กับลุ้นไปด้วยว่าจะทันเข้าห้องก่อนอาจารย์มั้ย แต่พอเรียนออนไลน์ ออกไปได้แค่หน้าหอเพื่อไปเอาอาหารที่สั่งไว้ก็เบื่อแล้ว เพราะมีแต่เส้นทางเดิม ๆ ไม่ท้าทายเลย อยากกลับไปเดินหลงทางอีกหลาย ๆ รอบ
คิดถึงโรงอาหารตอนเที่ยงที่วุ่นวายมาก ๆ ทั้งคนเยอะ ทั้งเสียงดัง แถมยังอากาศร้อนอีก แถวหน้าร้านข้าวยาวเหยียด โต๊ะก็แทบจะไม่มีให้นั่ง วันไหนเลิกเร็วก็โชคดีหน่อย ไม่ต้องหาโต๊ะนาน แต่วันไหนเลิกช้าก็ต้องยืนรอ ชะเง้อมองหาโต๊ะว่างจนเกือบจะหมดเวลาพัก ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ไม่ว่าจะเลิกช้าหรือเร็วก็ไม่จำเป็นต้องไปแย่งโต๊ะกับใคร ไม่ต้องไปต่อแถวยาว ๆ ไม่ต้องทนร้อนอีกต่อไป แค่สั่งดิลิเวอรีแล้วมานั่งกินพร้อมกับยูทูบเบอร์คนโปรดก็เรียบร้อย ว้าว…ช่างเงียบสงบดีจริง ๆ
คิดถึงเชียงรากตอนเย็นที่ครึกครื้น มีอาหารให้เลือกกินเยอะมากจนเลือกไม่ถูก บางครั้งก็ยืนเถียงกับเพื่อนอยู่นานเหมือนกันว่าจะกินข้าวกับอะไร กินร้านไหนดี ควรลองร้านที่เพิ่งมาเปิดใหม่มั้ย หรือควรลองร้านที่ยังไม่เคยกิน สุดท้ายก็ไปจบที่ร้านเจ้าประจำของเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มอยู่ดี กินข้าวเสร็จก็ต้องกินของหวานกันต่อ กินแบบนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่พอถึงวันที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์แล้วล็อกดาวน์อีก เชียงรากที่เคยมีสีสันก็กลายเป็นเชียงรากร้างไปเลย ไม่รู้ว่าพอโควิดหมด ร้านโปรดทุกร้านจะยังอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า คิดแล้วก็เศร้าจัง
คิดถึงอินเตอร์โซน ตลาดนัดที่ของคาวน่ากิน ของหวานก็น่าอร่อย เสื้อผ้าเครื่องประดับก็น่าซื้อ ไปทีไรก็ได้ทั้งของกินของใช้กลับมาแบบเต็มไม้เต็มมือตลอด เพราะเลือกไม่ถูกก็เลยไม่เลือกซะเลย แต่พอ ม. ประกาศเรียนออนไลน์ นักศึกษาก็ทยอยกลับบ้านไปกันหมด จากของที่ละลานตาจนเลือกไม่ถูก ก็กลายเป็นเลือกไม่ได้เพราะร้านค้ามาน้อย เงียบเหงาไปทันที สงสารพ่อค้าแม่ค้า แต่ก็สงสารตัวเองด้วยเหมือนกัน ไม่มีอะไรให้กินเลย
คิดถึงศูนย์การเรียนรู้ฯ กับหอสมุดป๋วยฯ ที่เวลาไปอ่านหนังสือสอบทีไรต้องพกเสื้อแขนยาวกับผ้าห่มหนา ๆ ไปด้วยทุกครั้ง ไม่งั้นเล็บจะม่วง ปากจะสั่น และตัวจะแข็ง ทุกวันนี้ทำได้แค่เปิดแอร์อยู่ในห้องให้เย็นฉ่ำ พยายามสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับว่าได้ไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่เหมือนอยู่ดี เพราะไม่กล้าเปิดแอร์ให้เย็นขนาดนั้น กลัวค่าไฟพุ่งแล้วแม่จะด่าเอา
ที่สำคัญ คิดถึงเพื่อน ๆ มาก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกัน ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถคุยกับเพื่อนผ่านแชตหรือไม่ก็วิดีโอคอลได้ แต่มันจะไปเหมือนเจอกันตัวเป็น ๆ ได้ยังไง ไม่มีทาง ยังมีกิจกรรมอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำกับเพื่อน มีที่เที่ยวอีกตั้งหลายที่ที่อยากไปกับเพื่อน กลัวว่ากว่าจะได้เจอกันก็คงเป็นหลังจากเรียนจบ พอถึงเวลานั้นก็น่าจะรวมกลุ่มกันได้ยากกว่าเดิม เฮ้อ…
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง มีแต่คำว่าคิดถึงเต็มไปหมด คิดถึงเพื่อน คิดถึงอาจารย์ คิดถึงชีวิตมหา’ลัย คิดถึงทุกอย่างเลย ย้อนกลับไปดูรูปเก่า ๆ ที่เคยถ่าย สตอรี่ไอจีที่เคยลงก็ไม่ช่วยทำให้คิดถึงชีวิตก่อนโควิดน้อยลงเลย รู้นะว่าบางทีเราควรปล่อยให้ความคิดถึงทำงานบ้าง แต่ถ้าทำงานนานเกินไปเราก็แย่เหมือนกัน ดังนั้น ‘ใคร’ สามารถทำให้โควิดหมดไปได้เร็ว ๆ โปรดเร่งมือด้วย อยากให้ความคิดถึงพักผ่อนแล้วววววว!