เรื่อง สุธินันท์ พลทรัพย์
ภาพ เก็จมณี ทุมมา
ปัญหาหนี้สินและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่ไม่ได้รับการแก้ไขมานานหลายปีส่งผลให้ชาวนาจากหลายพื้นที่เข้าร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 ที่กรุงเทพฯ โดยมีข้อเรียกร้องจากเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) 3 ข้อ ได้แก่ 1. ขอให้สถาบันทางการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดี ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด และเร่งดำเนินการโอนหนี้สินเพื่อเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) 2. ขอให้ลดหนี้ปลดหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิก กฟก. ที่เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ ชราภาพ เจ็บป่วยเป็นโรค ให้เหลือไม่เกินร้อยละ 25 และ 3. ตรวจสอบปัญหาการทุจริตพร้อมกับปฏิรูปการบริหารงานของสำนักงาน กฟก. อาจกล่าวได้ว่า ม็อบชาวนาในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สำคัญ และมีผลต่อวิถีชีวิตของพวกเราทุกคน แต่น่าสังเกตว่าข่าวม็อบชาวนากลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรทั้งจากสำนักข่าวและจากสังคมในสื่อสังคมออนไลน์
ข้อเรียกร้องเหล่านี้ยังคงอยู่ในระหว่างการเสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อนุมัติก่อน แล้วจึงจะเสนอไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติอีกครั้ง ซึ่งอันที่จริงกระบวนการนี้ควรจะเสร็จสิ้นตั้งแต่ปี 2564 แล้วที่ กฟก. ได้ส่งหนังสือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินชาวนาให้กระทรวงการคลัง ตั้งแต่ในเดือนเมษายน และพฤษภาคม 2564 แต่จนถึงบัดนี้การแก้ไขปัญหาก็ยังคงไม่คืบหน้า กลายเป็นกระบวนการที่ยาวนานและไม่มีความชัดเจนแน่นอน ม็อบชาวนาจึงยังคงปักหลักชุมนุมกันต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาจะรับการแก้ไข ขณะที่ความสนใจของประชาชนที่มอบให้แก่ม็อบชาวนาก็ลดน้อยลงทุกที อาจเป็นเพราะมีข่าวที่ได้รับความสนใจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงหญิง หรือข่าวการโจมตียูเครนของรัสเซีย อย่างไรก็ตามสังคมไทยควรให้ความสำคัญกับม็อบชาวนามากกว่านี้หรือไม่ เพราะถ้าหากยังปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข อาจส่งผลกระทบต่อสังคมได้ในระยะยาว
ในม็อบชาวนาครั้งนี้ หากพวกเราลองสังเกตเกษตรกรที่เข้าร่วมชุมนุมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยกลางคน และผู้สูงอายุ แทบไม่มีคนวัยหนุ่มสาวไปร่วมชุมนุมเลย รายงานสถิติการเกษตรของประเทศไทยปี 2563 จากกระทรวงเกษตรฯ พบว่า เกษตรกรอายุ 18 ถึงอายุ 35 ปี มีสัดส่วนร้อยละ 21.88 จากเกษตรกรทั้งหมด และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้านหนี้ครัวเรือนเกษตรกรไทยนับวันก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่า หนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทยในปี 2563/64 อยู่ที่ครัวเรือนละ 262,317 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.5% จากปี 2562/63 และยังคงไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสมจากรัฐบาลให้กับกระดูกสันหลังของชาติจนถึงบัดนี้ เรื่องหนี้สินที่เพิ่มขึ้นทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่พอต่อรายจ่าย ขาดการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทำให้ได้ผลผลิตและผลตอบแทนต่ำ แล้วใครที่ไหนจะอยากประกอบอาชีพนี้ต่อ ในอนาคตพวกเราอาจจะต้องซื้อข้าวราคาสูงจากต่างประเทศ เพราะปริมาณข้าวในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ ค่าครองชีพก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับปากท้องของคนไทย
นอกจากเรื่องปัญหาของเกษตรกรไทยและปริมาณข้าวไทยไม่เพียงพอแล้ว ความภาคภูมิใจของคนไทยในเรื่องข้าวก็อาจจะหายไปอีกด้วย แม้ว่าสถิติการส่งออกข้าวของไทยจะติดอันดับโลกมาตลอดหลายปี แต่สถิติการส่งออกข้าวไทยนั้นลดลงต่อเนื่องทุกปี ทั้งในด้านปริมาณและมูลค่าสินค้า ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยรายงานว่า ในปี 2564 ประเทศไทยส่งออกข้าวในปริมาณ 6.11 ล้านตัน มีมูลค่า 1.07 แสนล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก แต่ในอดีตข้าวไทยเคยส่งออกได้มีมูลค่าและปริมาณมากกว่านี้ เช่น ในปี 2562 ประเทศไทยส่งออกข้าวในปริมาณ 7.58 ล้านตัน มีมูลค่า 1.30 แสนล้านบาท ลดลงจาก 2564 ถึง 1.47 ล้านตัน มีมูลค่าลดลงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท และถ้าหากปัญหาหนี้สินและคุณภาพชีวิตของชาวนายังไม่ได้รับการแก้ไข สถิติปริมาณการส่งออก และมูลค่าราคาข้าวที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยก็อาจจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
ชาวนาเป็นอาชีพที่สำคัญต่อประเทศ แต่พวกเขากลับไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควรจะเป็น ปัญหาหนี้สินและคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ของพวกเขาไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ปัญหานี้ถูกสั่งสมมานานหลายปี และปรากฏให้เห็นอยู่ตลอด ในช่วงที่ประชาชนให้ความสำคัญกับข่าวอื่นๆ อย่างท่วมท้น พวกเราไม่ได้บอกว่าข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงหญิงท่านนี้ไม่สำคัญ เพราะชีวิตทุกปัจเจกบุคคลล้วนมีความสำคัญ ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกรับฟังข่าวสารตามความสนใจ เพียงอยากให้ทุกคนแบ่งความสนใจไปที่ม็อบชาวนาบ้าง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคน ความสนใจของพวกเราจะสามารถช่วยเหล่าชาวนาได้ ในอนาคต พวกเราจะได้ไม่ต้องซื้อข้าวราคาแพงจากต่างประเทศ กินอาหารในราคาที่สูงขึ้น และยังคงจะได้ภาคภูมิใจกับข้าวไทยต่อไป ชาวนาจะได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของชาติที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง