SocietyWritings

แฟนคลับเอาไงดี ศิลปินตีกันแล้ว

เรื่องและภาพ : เจตณัฐ พิริยะประดิษฐ์กุล


เชื่อว่าทุกคนมีศิลปินที่ชื่นชอบในดวงใจที่ทำให้เราคอยติดตามผลงาน ตามซัพพอร์ตการกระทำเกือบทุกอย่างของเขา ทำให้เราเรียกตัวเองว่าแฟนคลับอย่างภาคภูมิใจ ยิ่งผลงานหรือไลฟ์สไตล์ของศิลปินโดนใจมากเท่าไร เราก็ยิ่งชื่นชอบและอยากสนับสนุนมากเท่านั้น

ทุกคนคงไม่ได้ชื่นชอบศิลปินเพียงแค่คนเดียวบนโลกใบนี้ บางคนอาจชอบเป็นสิบ หรือเป็นร้อยคนก็ได้ ยิ่งถ้าศิลปินที่ชอบได้มีโอกาสสร้างผลงานร่วมกัน (collab) เราคงดีใจจนตัวลอย แต่ถ้าพวกเขาเกิดทะเลาะกันขึ้นมา ในฐานะแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายจะทำยังไงดีล่ะ?

เราจึงอยากชวนเหล่าแฟนคลับมาคุยกัน ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ศิลปินตีกัน แล้วแฟนคลับจะทำอย่างไรกัน โดยขอยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงของศิลปินที่เราชื่นชอบสักสองคู่มาให้อ่านแบบพอหอมปากหอมคอ


คู่แรก Nicki Minaj & Cardi B

ในวงการเพลงแรปคงไม่มีใครไม่รู้จักศิลปินสองคนนี้อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่เป็นแรปเปอร์หญิงชื่อดังระดับโลก มีผลงานเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย หลายคนรู้จัก Nicki Minaj จากเพลง Super Bass ในอัลบั้ม Pink Friday รวมถึงไลฟ์สไตล์การแต่งตัวด้วยสีสันสดใสและภาพลักษณ์ตุ๊กตา Barbie ของเธอ ที่ฉีกภาพจำศิลปินเพลงแรปจนเป็นที่จับตามอง ส่วนบางคนก็อาจรู้จัก Cardi B จากเพลงแจ้งเกิดอย่าง Bodak Yellow และตำแหน่งแรปเปอร์หญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีเพลงติดชาร์ต Billboard Hot 100 โดยไม่มีศิลปินคนอื่นมาร่วมร้อง

ทั้งนี้ Nicki Minaj เป็นแรปเปอร์รุ่นพี่ของ Cardi B และเข้าสู่วงการเพลงแรปมาก่อนหลายปี ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจและปูทางให้ผู้หญิงหลายคน (รวมถึง Cardi B) ได้เฉิดฉายในวงการแรปเปอร์อีกด้วย เพราะในสมัยก่อน มักมีเพียงผู้ชายที่มีอิทธิพลในวงการเพลงแรป ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นแรปเปอร์หญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แฟนคลับของพวกเธอจึงมักนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันบ่อยๆ จนเกิดเป็นดราม่าระหว่างกลุ่มแฟนคลับกันเป็นระยะๆ

ถึงอย่างนั้น ศิลปินสาวทั้งสองก็ยังไม่มีปัญหาอะไรกันจนกระทั่งเริ่มมีชนวนดราม่าจากการที่ทั้งสองแรปโดยมีท่อนที่ด่า (diss) ถึงบุคคลที่ 3 ตามประสาวัฒนธรรมฮิปฮอป ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า Nicki Minaj เริ่มด่า Cardi B ผ่านการแรป ซึ่งต่อมา Cardi B ก็ได้สวนกลับด้วยการด่าผ่านการแรปเช่นกัน แม้ทั้งสองจะไม่ได้กล่าวชื่อของกันและกันตรงๆ ก็ตาม

นอกจากการแรปด่ากันลอยๆ ที่ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ในวงการเพลงแรป ในเวลาต่อมา Cardi B เข้าใจผิดว่า Nicki Minaj ได้พูดถึงลูกของเธอ วิจารณ์ความเป็นแม่ของเธอ รวมถึงกดไลค์คอมเมนต์ที่วิจารณ์ความเป็นแม่ของเธออีก Cardi B จึงโกรธ Nicki Minaj อย่างมาก ซึ่งภายหลัง Nicki Minaj ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นเรื่องโกหกไร้สาระ

จนกระทั่งในงาน Met Gala 2018 ที่ทั้งสองได้เจอกันซึ่งหน้า Cardi B ก็ได้ปารองเท้าส้นสูงสีแดงในตำนานไปที่ Nicki Minaj แต่บอดี้การ์ดเข้ามาป้องกัน Nicki Minaj ไว้ได้ เธอจึงไม่ได้รับอันตราย แต่ Cardi B ได้รอยปูดที่หน้าผากจากข้อศอกของบอดี้การ์ดที่พยายามควบคุมสถานการณ์ โดยผู้คนคาดว่าเหตุการณ์นี้มีสาเหตุมาจากความเข้าใจผิดและเรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ต

เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งยืนยันว่าทั้งสองแตกหักกันอย่างรุนแรง และไม่น่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันได้อีก แฟนคลับของแต่ละฝ่ายต่างก็เข้าข้างศิลปินทางฝั่งของตนเอง แฟนคลับฝั่ง Cardi B ก็บอกว่า Nicki Minaj เป็นฝ่ายผิดเพราะเป็นฝ่ายไปหาเรื่องก่อน ส่วนแฟนคลับฝั่ง Nicki Minaj ก็บอกว่า Cardi B เป็นฝ่ายผิด เพราะใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย  

ตอนนั้นจึงเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วเราในฐานะที่เป็นแฟนคลับทั้งสองฝ่ายต้องทำยังไงดี ไม่เลือกข้างได้ไหม ก็สนับสนุนทั้งคู่ต่อไปนั่นแหละ เพราะเราชอบเพลงแรปที่ผู้หญิงร้อง ซึ่งทั้ง Nicki Minaj และ Cardi B ก็เป็นแรปเปอร์หญิงที่เราชอบ ทั้งสองต่างมีเสียงอันไพเราะและการแรปที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เนื้อหาของเพลงแรปหลายเพลงก็กินใจมากๆ แต่เราก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องมีฝ่ายที่ผิดและไม่ผิด ถ้าจะสนับสนุนทั้งคู่มันก็ดูไม่แฟร์กับฝ่ายที่ไม่ผิด เลยลองพิจารณาดูถึงสาเหตุของการแตกหัก เราจึงคิดว่า Nicki Minaj ไม่น่าเป็นฝ่ายผิด เพราะเธอก็เคยทวีตแสดงความยินดีกับ Cardi B ที่เพลง Bodak Yellow สามารถขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100  จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหาเรื่องแรปเปอร์รุ่นน้อง

อีกทั้งเรารู้จักและติดตาม Nicki Minaj มาก่อนที่ Cardi B จะโด่งดัง ซึ่ง Nicki Minaj ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Cardi B รวมถึงแรปเปอร์หญิงคนอื่นๆ ด้วย เราจึงเลือกที่จะอยู่ข้าง Nicki Minaj และเลิกสนับสนุน Cardi B นับตั้งแต่นั้น โดยมองว่า Nicki Minaj ไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่กลับเป็น Cardi B ที่ใช้ความรุนแรงและไม่มีเหตุผลสักเท่าไร

ต่อมา ในเดือนสิงหาคมของปี 2020 Cardi B ให้สัมภาษณ์กับ Apple Music’s Beats 1 Radio ว่า “ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต แทบจะไม่มีแรปเปอร์หญิงเลย จนกระทั่งมีแรปเปอร์หญิงคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา เธอทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ซึ่งเธอคนนั้นก็ทรงพลังและโด่งดังมากๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”

แม้ Cardi B จะไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่เธอกล่าวถึงตรงๆ ระหว่างให้สัมภาษณ์ แต่แฟนคลับของทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าเธอหมายถึง Nicki Minaj อย่างแน่นอน แฟนคลับของ Nicki Minaj จึงแบ่งเป็นสองฝั่งใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งก็เริ่มให้อภัย และเปิดใจให้กับ Cardi B มากขึ้น แต่อีกส่วนก็ยังคงไม่ให้อภัย

สำหรับเรา หลังจากได้ฟังส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์นี้ เรารู้สึกดีใจที่ Cardi B เอ่ยชื่นชม Nicki Minaj จึงเริ่มกลับมาสนับสนุน Cardi B อีกครั้ง โดยหวังว่าสักวัน ทั้งสองจะกลับมาเปิดใจพูดคุยกัน เคลียร์ปัญหาในใจอย่างตรงไปตรงมา และกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกครั้ง เพราะทั้งสองเป็นแรปเปอร์หญิงที่มีความสามารถ มีความโดดเด่น และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนมากทั่วโลก จึงเป็นการดีที่ทั้งสองจะมีมิตรภาพดีๆ ต่อกันมากกว่ามาทะเลาะกันเสียเอง


คู่ที่สอง Katy Perry & Britney Spears

สำหรับเหล่าสาวกเพลงป๊อปคงไม่มีใครไม่รู้จักตัวแม่แห่งวงการเพลงป๊อปอย่าง Katy Perry และ Britney Spears อย่างแน่นอน ทั้งคู่ได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงป๊อประดับตำนานไว้หลายเพลงในแต่ละยุค สาวกเพลงป๊อปต้องเคยได้ยินเพลงของทั้งสองคนนี้สักเพลงแหละ อย่างน้อยก็ Firework ของ Katy Perry หรือไม่ก็ Toxic ของ Britney Spears

ทั้งสองเคยมีภาพร่วมกันจากภาพยนตร์ The Smurfs 2 โดย Katy Perry ได้พากย์เสียงเป็นตัวละครที่ชื่อ Smurfette ส่วน Britney Spears ก็ได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ชื่อ Ooh La La ภาพที่ทั้งสองได้พบกันสร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับของทั้งสองมาก เพราะการที่ตัวแม่แห่งวงการเพลงป๊อปทั้งสองได้มาเจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แล้วรู้ไหมว่าทั้งสองก็มีดราม่ากับเขาเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้มีความรุนแรงทางกายภาพเหมือนคู่ของ Nicki Minaj กับ Cardi B แต่เป็นความรุนแรงทางด้านจิตใจ

ย้อนกลับไปในปี 2007 Britney Spears กำลังเป็นดาวเด่นในวงการเพลงป๊อป เธอโด่งดังและมีอิทธิพลมากในสมัยนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญปัญหาชีวิตมากมาย ทั้งการหย่าร้างกับอดีตสามี Kevin Federline และการสูญเสียคุณป้าผู้เป็นที่รักของเธอ ทำให้เธอเครียดหนักจนโกนผมตัวเอง และสติแตกใส่เหล่าปาปารัสซี่ที่ตามติดชีวิตเธอมากเกินไป ซึ่งแฟนคลับของ Britney Spears ต่างเห็นใจและให้กำลังใจเธอ พร้อมกับต่อว่าปาปารัสซี่ว่าละเมิดสิทธิ์ของเธอเกินไป

ในปีต่อมา ศาลจัดให้ Britney Spears อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ของตนเองได้อันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพจิต พร้อมมีคำสั่งให้ Jamie Spears พ่อแท้ๆ ของเธอ ขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ให้กับเธอ โดยเขามีสิทธิ์จัดการทุกอย่างในชีวิตของ Brithey Spears ทั้งเรื่องสุขภาพ งาน ทรัพย์สิน และอื่นๆ เธอแทบไม่มีอิสระใดๆ ในชีวิตจากการถูกควบคุมทุกสิ่งอย่าง เพราะตกอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อมาตลอดจนถึงปี 2021 ซึ่งแฟนคลับของ Brithey Spears ส่วนมากก็ไม่ยอมรับการตัดสินของศาล และเรียกร้องให้ความยุติธรรมกับเธอผ่านการรณรงค์ด้วยแฮชแท็ก #FreeBritney

กาลเวลาผ่านไป เรื่องราวชีวิตของ Britney Spears เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ศาลตัดสินให้ Jamie Spears ยุติบทบาทการเป็นผู้พิทักษ์ชีวิตของเธอในปี 2021 เธอจึงมีอิสระมากขึ้น และดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ภาพที่เธอโกนหัวและสติแตกในปี 2007 ก็ยังคงปรากฎอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน

ตัดไปที่งาน Grammy Awards ในปี 2017 Katy Perry ได้ให้สัมภาษณ์กับ E! Red Carpet & Award Shows ซึ่งทางพิธีกรได้ถามไถ่เกี่ยวกับการพักงานดนตรีในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาของเธอ ซึ่งเธอได้ตอบกลับไปว่า “นั่นเรียกว่าเป็นการเยียวยาสภาพจิตใจ ฉันยังไม่ได้โกนหัวเลย”

ต่อมา เธอก็ให้สัมภาษณ์กับ CBS ถึงการเปลี่ยนสีผมของเธอ ซึ่งเธอก็ให้สัมภาษณ์โดยพูดถึงการโกนหัวอีกครั้ง “สีผมน่ะ ฉันทำมาหมดแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ฉันยังไม่ได้ทำคือการโกนหัว ซึ่งฉันจะเก็บไว้ทำตอนสภาพจิตใจฉันย่ำแย่ถึงขีดสุดเท่านั้น”

แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยถึง Britney Spears โดยตรง แต่แฟนคลับของ Britney Spears ที่ได้ฟังสัมภาษณ์ต่างก็รู้ได้ว่าเธอกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่ Britney Spears โกนหัวในปี 2007 และโกรธเธออย่างมาก จึงเกิดแฮชแท็ก #KatyPerryIsOverParty ขึ้นมาเพื่อประณามการกระทำของ Katy Perry

ในฐานะแฟนคลับที่ได้ฟังสัมภาษณ์ของ Katy Perry เราเสียใจมากที่เธอพูดแบบนั้น เพราะ Britney Spears ผ่านช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในชีวิตมามากจริงๆ และ Britney Spears มักจะสนับสนุนเพื่อนร่วมวงการอยู่เสมอ เธอไม่เคยพูดจาไม่ดีกับใคร แต่ Katy Perry กลับพูดพาดพิง Britney Spears อย่างไร้เหตุผลถึงสองครั้ง

ตั้งแต่นั้นมา เราจึงแบน Katy Perry ทุกช่องทาง และลบทุกเพลงของเธอออกจากเพลย์ลิสต์ที่ฟัง เพราะเราไม่เห็นด้วยอย่างมากกับการกระทำของเธอ และคงทำใจไม่ได้ที่จะสนับสนุนคนที่ซ้ำเติมสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ของคนอื่น

จนกระทั่งในปี 2021 ที่ผ่านมา เราเริ่มแอบชอบคนคนหนึ่งขึ้นมา แม้ดูเหมือนว่าเราจะไม่ค่อยมีหวังสักเท่าไร แต่เราก็ยังคงแอบชอบเขามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนั่นทำให้เราคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เกี่ยวกับความรักของ Katy Perry อย่าง The One That Got Away และ Teenage Dream จึงลองกลับมาฟังสองเพลงนี้อีกครั้ง

การได้กลับมาฟังเพลงของเธออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฟังมานาน ทำให้เราคิดถึงวันวานแห่งความสุขในอดีต ที่เราได้สนุกไปกับเสียงเพลง เสียงดนตรี และความหมายของเพลง โดยไม่ได้คำนึงถึงดราม่าในชีวิตส่วนตัวของศิลปินเลย อีกทั้งยังเติมเต็มและตอกย้ำความรู้สึกในปัจจุบันของเรา ที่ได้แอบชอบคนคนนั้น มาโดยตลอด จนเรามีความสุขในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

กาลเวลาผ่านไป เราคงไม่สามารถแบนเธอต่อไปได้เหมือนในอดีต เพราะผลงานของเธอในอดีตมันดีต่อใจกับชีวิตในปัจจุบันของเรามากเสียจนแบนต่อไปไม่ลง แต่ในขณะเดียวกันเราก็คงไม่ใช่แฟนตัวยงเหมือนช่วงก่อนที่มีดราม่า เพราะเพลงในปัจจุบันของเธอไม่ค่อยโดนใจเราเท่าในสมัยก่อน อีกเหตุผลก็คงเพราะเราเริ่มปล่อยวางเรื่องราวในอดีตได้ด้วย คือรับรู้ว่าเธอเคยพูดอะไรกับ Brithey Spears และไม่เห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น แต่ลึกๆ ก็หวังว่าในสักวันหนึ่งเธอจะออกมาขอโทษ Britney Spears ที่เธอเคยล้อเลียนสภาพจิตใจ Britney ในอดีต


แล้วแฟนคลับอย่างเราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวเหล่านี้บ้าง

เมื่อเราเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน เราได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิตอย่างหนึ่ง ว่าไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์แบบ 100% ไม่มีใครสามารถเป็นไปในแบบที่เราต้องการ หรือทำให้เราถูกใจได้เสียทุกอย่าง ทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป คนที่เรามองว่าเราชอบ เมื่อลองพิจารณาแยกเป็นส่วนๆ แล้ว บางส่วนของเขาเราก็อาจรู้สึกเฉยๆ และบางส่วนก็อาจรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาก็ได้

ศิลปินที่เราชื่นชอบเองก็เช่นกัน เขาก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีข้อเสีย เคยเป็นทั้งฝ่ายถูก และฝ่ายผิด ในหลายๆ เหตุการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าแฟนคลับเลือกที่จะมองและโฟกัสอย่างไร หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง ที่บางครั้งก็อาจทำสิ่งไม่ดีกับคนอื่นไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้คนรู้สึกไม่ชอบเราจากการกระทำนั้นๆ ซึ่งเราก็ไม่สามารถไปบังคับความคิดหรือความรู้สึกของใครได้ นอกจากยอมรับผลจากการกระทำของตนเอง หากเรารู้ตัวว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันไม่ถูกต้อง เราก็ควรปรับปรุงตนเอง เก็บความผิดพลาดไว้เป็นบทเรียน เพื่อที่จะไม่ทำซ้ำอีกในอนาคต รวมถึงมีสติก่อนที่จะพูด หรือทำสิ่งใดต่อคนอื่นมากขึ้น


ศิลปินคนโปรดของเพื่อนๆ เคยทะเลาะกันบ้างไหม? แล้วในฐานะแฟนคลับ มีมุมมองต่อพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปบ้างรึเปล่า?


อ้างอิง

ALEX MONTROSE, SHAWN SETARO, ERIC SKELTON. 2018. The Complete History of Nicki Minaj and Cardi B’s Beef. Retrieved from https://www.complex.com/music/2018/10/the-history-of-nicki-minaj-and-cardi-b-beef

Beatrice Verhoeven. Britney Spears Fans ‘Disgusted’ With Katy Perry’s ‘Mental Health’ Joke at Grammys: ‘Absolutely Shameful’. Retrieved from https://www.thewrap.com/katy-perry-britney-spears-joke-grammys/

CAPITAL FM. “I Haven’t Shaved My Head Yet” Fans Think Katy Perry Threw Serious Shade At Britney Spears. Retrieved from https://www.capitalfm.com/artists/katy-perry/news/britney-spears-grammys-shade-shaved-head/

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Society

News

อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. ระบุ หากรัฐบาลทรัมป์จะขับไล่ผู้อพยพ ต้องเพิ่มงบประมาณหลายล้าน และอาจทำให้ภาคธุรกิจขาดแคลนแรงงาน

เรื่อง : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ ภาพประกอบ : จุฑาภัทร ทิวทอง อาจารย์รัฐศาสตร์มธ.ชี้ รัฐบาลอเมริกาสามารถออกคำสั่งนโยบายเนรเทศผู้อพยพได้ทันที แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก เนื่องจากหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับผู้อพยพยังขาดความสามารถในการดำเนินการตามนโยบายนี้ อีกทั้งหากขับไล่ผู้อพยพออกจากประเทศจะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจขาดแรงงาน พร้อมเสริมว่าในบางเมืองนั้น รัฐบาลกลางไม่สามารถแทรกแซงหน่วยงานท้องถิ่นในการดำเนินการกับผู้อพยพได้ . ...

Features

AD เทคโนโลยีเพื่อคนตาบอดในสื่อไทย มาไกลพอแล้วหรือยัง ?

เขียน : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ หากลองหลับตาดูหนังหรือซีรีส์สักเรื่อง สิ่งที่เห็นตรงหน้าตรงหน้าคงเป็นสีดำ มืดสนิท ได้ยินเพียงเสียงตัวละครพูดคุยกัน แต่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่านักแสดงบนจอกำลังแสดงสีหน้า ขยับตัวยังไง หรือกำลังจะเกิดอะไรในช่วงไคลแม็กซ์ ...

Articles

GAY CHARACTERS, NOT GAY ACTORS : เมื่อ ‘ตัวละครเกย์’ ไม่จำเป็นต้องรับบทโดย ‘นักแสดงเกย์’

เขียน : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ สายตา จังหวะการพูด และการเคลื่อนไหวของเธอ บอกเป็นนัยว่าบทบาท ‘Bette Porter’ ใน ...

Articles

พรรคเล็กในสังเวียนใหญ่: ชวนรู้จักพรรค Third party ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และโลกคู่ขนานหากไม่มี Democrats และ Republican

เรื่อง : ทยาภา เจียรวาปี ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ แน่นอนว่าการจัดการดูแลประเทศที่มีประชากรมากถึง 355 ล้านคน อย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ ภาครัฐจะต้องเข้าใจความต้องการและจัดสรรสวัสดิการที่เหมาะสมแก่ประชาชนทุกคน แต่ด้วยความที่มีประชากรจำนวนมาก ...

News

อ.รัฐศาสตร์ มธ. ชี้ ปัญหาการแจ้งเตือนภัยเกิดจากระบบราชการไทย รัฐต้องกำหนดบทบาทให้แต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน

เรื่อง : จุฑาภัทร ทิวทอง ภาพประกอบ : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ อาจารย์รัฐศาสตร์ มธ. ชี้ปัญหาการแจ้งเตือนภัยเกิดจากความไม่เป็นเอกภาพกันของหน่วยงานรัฐ แนะรัฐบาล การเตรียมพร้อม แจ้งเตือนและรับมือภัยพิบัติต้องแก้ไขด้วยการกำหนดบทบาทและภารกิจที่ชัดเจนให้แต่ละหน่วยงาน เพื่อสร้างความชัดเจนในระบบเตือนภัยแห่งชาติ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save