เรื่อง : Amphea
ภาพประกอบ : เก็จมณี ทุมมา
ทุกคนเคยมีฉายากันไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นฉายาที่ตั้งขึ้นมาตามลักษณะภายนอก หรือฉายาที่เกิดจากเหตุการณ์อะไรสักอย่างในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
ผมก็เคยมีฉายาแบบนั้นเหมือนกัน ทั้งแบบน่ารักๆ อย่าง ‘น้องเหนียง’ ซึ่งเป็นฉายาที่เพื่อนในห้องเรียนคนหนึ่งเรียกผม เพราะผมมีเหนียงเยอะเป็นพิเศษ หรือที่จิกกัดขึ้นมาเล็กน้อยอย่าง ‘ลูกรักอาจารย์’
แต่ก็ยังมีอีกฉายาหนึ่งที่เกิดจากการที่ผมถูกเปรียบเทียบกับเพื่อนสนิทของตัวเอง และความหมายที่หมายถึงการเป็นได้เพียงตัวแถม ไม่สามารถที่จะโดดเด่นขึ้นมาเหนือเพื่อนคนนั้นได้ อย่าง ‘นายหมายเลขสอง’
ผมได้ยินชื่อของเพื่อนคนนี้ครั้งแรกตอนสมัยประถม เพราะเขาเป็นลูกของอาจารย์ที่สอนวิชาพละ ซึ่งพ่อของเขาก็มักจะพูดถึงลูกชายคนเล็กให้พวกผมฟังเป็นประจำ
จนมาเจอกับเพื่อนคนนี้แบบจริงๆ คือตอนที่ได้อยู่ห้องเดียวกันสมัยมัธยมต้น หากจะให้นิยามว่าเขาเป็นตัวละครแบบไหน ก็คงพูดได้เต็มปากว่าเหมือนกับตัวละครเอกที่หลุดมาจากการ์ตูนสักเรื่องหนึ่งที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่หน้าตา การเรียน ไปจนถึงกีฬา นึกภาพตามได้เลยว่าเขาจะป๊อปปูล่าขนาดไหน
และเมื่อเรามีหมายเลขหนึ่งของห้องไปแล้ว มันก็ต้องมีหมายเลขสองตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วใครกันที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น หากไม่ใช่ผม…
ผมเป็นพ่อหนุ่มหน้าตาปานกลางค่อนไปทางเฉยๆ มีผลการเรียนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยนิดหน่อย และเล่นกีฬาไม่ได้เลยเพราะมีโรคหอบหืดเป็นโรคประจำตัว
องค์ประกอบที่ดูไปไม่สุดสักทางแบบนี้เหมาะสมอย่างมากที่จะรับตำแหน่งนายหมายเลขสองของห้อง
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ที่ผมกับเขาสนิทกันขึ้นมา อยู่ด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย และมันยิ่งตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า “ผมเป็นได้แค่เบอร์สองจริงๆ”
ผมถูกนับเป็นเพียงตัวแถมของเพื่อนคนนี้เพียงเท่านั้น เหมือนอยู่ในเงาที่ไม่ถูกแสงส่อง เพราะแสงทั้งหมดส่องไปที่เพื่อนหมดแล้ว ผมจะถูกแสงส่องบ้างก็เฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่ ไม่ว่าจะติดการแข่งขันตอบคำถามประชันความรู้ หรือนึกครึ้มอยากจะหยุดเรียน แต่มันก็ยังเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะเวลาต่อมาเขาก็กลับมาเอาแสงคืนไปอยู่ดี
ถึงตอนแรกผมจะไม่มีปัญหากับการอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ของผมแบบนั้น แต่มันก็มีจุดที่ทำให้เริ่มสับสนในตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่การที่ผมถูกเรียกตัวไปแข่งขันวิชาการพร้อมกับเขา โดยอาจารย์ให้เหตุผลเพียงว่า “ไปเป็นเพื่อนนาย A ก็พอ ไม่ต้องแข่งให้ชนะก็ได้”
และยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทุกคนแสดงออกว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ ทุกคนไม่สนใจความสามารถของผม ทั้งหมดสนใจเพียงว่า “ผมเป็นเพื่อนของนาย A” และมันหนักถึงขั้นที่เพื่อนต่างห้องจำชื่อผมไม่ได้ แต่เมื่อบอกไปว่า “คนที่อยู่กับนาย A ไง” ใครๆ ก็จำผมขึ้นมาได้ทันที
มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก ทุกคนไม่ลืมผม แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จำตัวตนของผมในแบบที่ไม่พ่วงติดกับใครไม่ได้เหมือนกัน
ผมเคยมีความคิดที่อยากจะลองทำให้ตัวเองนำหน้าเพื่อนคนนี้ แต่เรื่องหน้าตามันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องกีฬาก็ยิ่งไม่ได้แล้วใหญ่ ที่พอจะถูไถไปได้ก็มีแค่เรื่องเรียนเท่านั้น
แต่ไม่ว่าผมจะพยายามมากขนาดไหนมันก็ไม่เป็นผล แม้จะลดเวลาเล่นเกมของตัวเองลงเพื่ออ่านหนังสือล่วงหน้า หรือพยายามหาแบบฝึกหัดมาทำเพื่อให้ตัวเองชินกับมัน สุดท้ายความพยายามก็เสียเปล่า เพราะเพื่อนผมก็ทำคะแนนได้ดีกว่าอยู่ดี
ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะแข่งขันกับเขา ไม่ใช่เพราะผมเหนื่อยหรือขี้เกียจจะทำมันแล้ว แต่เพราะมันเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพของผม ทั้งทางกายและทางใจ เหมือนเรื่องเล่าของอิคารัส (Icarus) ที่พยายามสร้างปีกขึ้นมาและริอ่านบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป
สุดท้ายก็โดนแผดเผาและร่วงหล่นลงมาพบกับความตาย
ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ถึงเลือกที่จะปล่อยวางเรื่องราวทั้งหมดแล้วกลับมาอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ของตัวเอง โดยคิดว่าในอนาคตผมก็คงเป็นนายหมายเลขสองต่อไปอีก แม้ว่าจะเข้าเรียนมหาลัยหรือทำงานแล้วก็ตาม
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น โลกของมหาลัยที่เปิดกว้างมากขึ้น มันทำให้ตัวตนของผมเด่นชัดและไม่ถูกลืม หลายคนสามารถจำผม – ด้วยตัวตนของผมได้ – ไม่ใช่จำได้เพราะพ่วงติดอยู่กับใคร
นั่นจึงทำให้ผมรู้ว่าปัญหามันคืออะไร มันไม่ใช่ว่าผมดีไม่พอที่จะเป็นหมายเลขหนึ่ง
แต่เป็นเพราะมันยังไม่ใช่พื้นที่ที่ผมจะเป็นหมายเลขหนึ่งต่างหาก
เพราะเมื่อได้เจอพื้นที่ที่ต้องการตัวตนของเราจริงๆ เราก็สามารถที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งขึ้นมาได้เหมือนกัน ในแบบที่เราไม่ต้องร้องขอหรือฝืนตัวเองเลย
ผมได้เจอเพื่อนคนนี้อีกครั้งเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันต่างออกไป ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่นายหมายเลขสองหรือเป็นเพียงแค่ตัวแทนของเขาอีกต่อไป
ผมได้เป็นนายหมายเลขหนึ่งแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ในเส้นทางของผมเอง
และผมมีความสุขกับมันมาก