เรื่องและภาพ: ภัชราพรรณ ภูเงิน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่แต่เดิมคือ ‘มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง’ มีหนึ่งในผู้ก่อตั้ง คือ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้เชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยจะหยั่งรากลึกในสังคมไทยได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย การปกครอง และสังคม เขาจึงก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ขึ้นในปี 2477 เพื่อเป็น ‘มหาวิทยาลัยของประชาชน’ มหาวิทยาลัยที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับความหวังว่าจะเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่เพิ่งเริ่มเบ่งบานในสังคมไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475
แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 เจตจำนงที่เคยถูกวางไว้เมื่อเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยก็ถูกเหมือนว่าจะถูกกลืนหายไปพร้อมกับการมาถึงของอำนาจเผด็จการ อาจารย์ปรีดีต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนชื่อของมหาวิทยาลัยก็ถูกตัดคำว่า ‘วิชา’ และ ‘การเมือง’ ออกไป เหลือเพียง ‘มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’
ผ่านไปแล้วกว่า 52 ปีที่เสียงปืนดังสนั่นเมืองและจางหายไปจากบริเวณพระบรมมหาราชวังและถนนราชดำเนินในเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในฐานะสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของประชาชน
ธรรมศาสตร์ในวันนั้น ที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ เป็นศูนย์รวมของแกนนำนิสิตนักศึกษา และประชาชน ในการชุมนุมประท้วง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวกลุ่มผู้แจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ที่ถูกจับกุมทั้งหมดโดยปราศจากเงื่อนไข ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สิทธิ และเสรีภาพอย่างเข้มแข็ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิตวิญญาณอันเข้มข้นของธรรมศาสตร์จะยังคงเดิมหรือไม่? นั่นเป็นคำถามสำคัญที่ต้องส่งต่อให้กับนักศึกษาในรุ่นปัจจุบัน เพื่อหาคำตอบว่า แท้จริงแล้ว ‘จิตวิญญาณธรรมศาสตร์’ สำหรับพวกเขาคืออะไรกันแน่? ยังเป็นพลังที่ผลักให้ลุกขึ้นสู้เพื่อความเท่าเทียมและความยุติธรรมเหมือนในวันนั้น หรือกลายเป็นเพียงสิ่งที่ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกาลเวลา?
Varasarn Press ชวนทุกคนไปพูดคุยกับนักศึกษาปัจจุบันผ่านคำถามที่ว่า ‘จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในมุมมองของคุณคืออะไร’ และ ‘คิดเห็นอย่างไรกับจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ของนักศึกษาในยุคปัจจุบัน’
พัท / ปี 4 / คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ มันคือการที่เราไม่ละเลยสิ่งรอบข้าง ตามสโลแกน ‘ธรรมศาสตร์สอนให้รักประชาชน’ คือสอนให้เราไม่ลืมสถานะของตัวเอง สอนให้เราไม่ละทิ้งผู้คนหรือสถานการณ์รอบข้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันถูกถ่ายทอดไปยังนักศึกษาธรรมศาสตร์ผ่านวิชาเรียน เช่น TU101 TU102
รู้สึกว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่มันคือหลายๆ เรื่องรวมกัน เช่น การเมือง ศิลปะ สังคม ธุรกิจ หรือวิทยาศาสตร์ แก่นของมันคือการที่เราเรียนรู้ ได้รับความรู้ แล้วนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือคนอื่น
ถ้าให้พูดถึงจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ของนักศึกษาในปัจจุบัน เรารู้สึกว่าในแต่ละศูนย์ของธรรมศาสตร์ไม่เหมือนกัน เราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่สอนในวิชา TU ด้วย ว่าจะสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ไปยังนักศึกษาได้มากน้อยแค่ไหน
และสุดท้าย จิตวิญญาณธรรมศาสตร์มันค่อยๆ จางหายไป เพราะว่าตัวเด็กเองให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นหลัก และไม่ได้สนใจคนรอบข้างมากขนาดนั้นแล้ว นอกจากนี้ยังสังเกตได้จากการลงชื่อต่างๆ ในมหาวิทยาลัยที่เริ่มน้อยลง ทั้งที่มันเป็นสิทธิและเสรีภาพของตัวเองที่ควรต้องใช้ รักษา และปกป้องไว้
เนเน่ / ปี 1 / คณะนิติศาสตร์
ในมุมมองของเรา เราคิดว่าจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์คือแนวคิด ความกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่าการเรียนในรั้วธรรมศาสตร์สอนให้เรากล้าที่จะตั้งคำถาม กล้าที่จะยึดมั่นในอุดมการณ์ของเรา ต่อให้สิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะสุดท้ายแล้วเราก็มีเสรีภาพที่จะคิด ที่จะทำ และที่จะเชื่อต่างกันอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้มันไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อหรือชื่อสถาบันเลย ความกล้าที่จะแตกต่างคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นธรรมศาสตร์ได้จริงๆ
ด้วยความที่ธรรมศาสตร์เองก็อยู่คู่กับการเมืองไทยมานาน หลายๆ คนในสังคมก็ยังคงให้ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยด้านสังคมศาสตร์อันดับ 1 ของไทย แต่ความตระหนักรู้ในเรื่องใกล้ตัว อย่างเรื่องการเมืองของนักศึกษาหลายๆ คนกลับยังไม่ค่อยจะมีกัน ลองถามเรื่องรัฐธรรมนูญกับคน 10 คน คงทำหน้างงกันไปแล้ว 8 คน จะบอกว่าธรรมศาสตร์พังแน่ ก็คงไม่แปลก คำว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ที่ใช้กันเดี๋ยวนี้ ก็คงเป็นได้แค่คำสวยหรูที่เอาไว้หลอกคนนอกมหาวิทยาลัยเพียงเท่านั้น
มาร์ค / ปี 4 / คณะนิติศาสตร์
จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ ณ ตอนนี้ ‘เอาจริงๆ ไม่มี’ ก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ เรามองเห็นว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ มันมีภาพจำเกี่ยวกับการเรียกร้องหรือความเป็นนักกิจกรรม มีคนบอกว่าเด็กที่เข้ามาเรียนธรรมศาสตร์หัวรุนแรง แต่เราไม่ได้มองแบบนั้น เรามองว่าเขามีความคิดเป็นของตัวเอง ทุกคนมีความคิดเห็น หรือความคิดความอ่านเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในลักษณะที่เรามองว่าควรจะเป็น ทุกคนยอมรับความหลากหลายและสนับสนุนความเท่าเทียม ทั้งในแง่การเมืองหรือไม่ก็ตาม
ย้อนกลับไปที่คำถามว่า จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในมุมมองของเราคืออะไร เรายังคงมองว่าธรรมศาสตร์ที่เราเคยมองคือมหาวิทยาลัยที่นักศึกษามีความเป็นนักเรียกร้องในตัวไม่มากก็น้อย ไม่ยอมแพ้ต่อความเหลื่อมล้ำ ไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม แต่ ณ ตอนนี้ เรามองไม่เห็นจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์จากตัวนักศึกษาเลย เรามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่า เด็กธรรมศาสตร์ ณ ตอนนี้ มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือการเรียกร้องเกี่ยวกับประชาธิปไตยจากสังคม
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่เราเคยยึดมั่น เคยชื่นชม มันตายไปนานแล้ว ตอนนี้ธรรมศาสตร์ก็เหลือแค่ชื่อมหาวิทยาลัยกับเกียรติภูมิที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งก็เท่านั้น
กฤต / ปี 2 / คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์
คำว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ เป็นคำที่มีความผูกพันกับมหาวิทยาลัย คำนี้จากเดิมในบริบทประวัติศาสตร์ มันถูกให้ความหมายมาแบบหนึ่ง แต่กลับถูกนำไปใช้ในอีกแบบหนึ่ง ซึ่งคือการเอาไปใช้ทางการเมือง และเอาไปโฆษณาเป็น Propaganda (การโฆษณาชวนเชื่อ) ของมหาวิทยาลัย ผมรู้สึกว่า คำนี้มันจะมีผลก็ต่อเมื่อถูกเอามาใช้เป็นผลประโยชน์ทางการเมืองของเเต่ละฝ่าย
คำว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ สำหรับผมมันจบไปตั้งนานแล้ว มันเป็นคำที่ถูกเอามาใช้แล้ว ‘ค่อนข้างลอย’ ไม่มีอะไรมารองรับ จนนำไปสู่การตั้งคำถามที่ว่า สรุปแล้วจิตวิญญาณธรรมศาสตร์คืออะไร คือการรักประชาธิปไตยหรือ แล้วการรักประชาธิปไตย คือรักอะไร
สำหรับผมที่ยังเป็นนักศึกษา ถ้าถามว่า จิตวิญญาณของนักศึกษาธรรมศาสตร์ในยุคนี้ยังมีไหม ถ้าเรามองว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์หมายถึงการรักประชาธิปไตย รักสิทธิและเสรีภาพ ผมเชื่อว่าหลายคนยังมีอยู่ (เเต่ก็ไม่เหมือนกันเเละเเตกต่างหลากหลายตามที่จะนิยาม) โดยการมีอยู่ของมันก็ไม่ได้เป็นการมีอยู่ที่วัดได้ว่ามีความหวังขนาดนั้น
ติวเตอร์ / ปี 4 / คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาฟิสิกส์
ถ้าพูดถึงจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ หลายคนก็มีมุมมองและนิยามที่แตกต่างกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมานาน เรามีการใช้คำว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์มาตั้งแต่ยุค 14 ตุลา ในมุมมองของเรา มันคือจิตวิญญาณของการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ต่อสู้เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน ประชาราษฎร์ และสิ่งที่เราถูกเน้นย้ำมาตลอด เลยคือการต่อสู้กับเผด็จการและอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
ถ้าพูดถึงเรื่องจิตวิญญาณของนักศึกษาในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าบาร์ในการต่อสู้ในยุคนี้จะไม่สูงเท่าในอดีตแล้ว ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง แต่เราก็ยังเชื่อว่าจิตวิญญาณแห่งธรรมศาสตร์ มันยังคงมีอยู่ในตัวนักศึกษา เพียงแต่ ณ ปัจจุบัน มันไม่ได้มีไฟที่รุนแรง ยังไม่มีความโกรธหรือความรู้สึกไม่เป็นธรรมมากเท่าช่วงปี 63-65 เท่านั้นเอง
การแสดงออกอาจแปรเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่การประท้วง เช่น การเรียกร้อง มีนักศึกษาหลายคนที่ยังคงติดตามข่าวหรือออกมาพูดเรื่องรัฐธรรมนูญอยู่ แต่อาจไม่ได้ออกมาพูดในวงกว้างเหมือนในอดีต ส่วนมากจะเป็นการพูดคุยในวงเพื่อน
สาเหตุที่ในยุคก่อนหน้านี้เด็กธรรมศาสตร์มีความรู้สึกร่วมมาก และมีการแสดงออกหลายอย่างที่สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความเป็นจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ เพราะว่ามันมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง มันมีแกนนำม็อบหลายคนที่เป็นคนของธรรมศาสตร์ การที่กลุ่มคนพวกนี้ออกไปแสดงออกทางการเมือง มันเป็นการนำทางให้คนอื่นอยากออกตามไปด้วย แต่ในยุคนี้ที่ไม่ค่อยมีแกนนำออกมาขับเคลื่อนหรือเรียกร้องแล้ว ทำให้ไม่มีปัจจัยอะไร ที่จะนำพาให้คนอื่นๆ ออกมาแสดงออกเหมือนในยุค 63-65
ไม้โมก / ปี 3 / คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ พื้นฐานเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองและสังคม ซึ่งหมายถึงการตื่นตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่กดทับเราอยู่ และการพยายามส่งเสียงเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่เราต้องการอย่างเสรีภาพและประชาธิปไตย ที่สะท้อนได้ผ่านการใส่ใจสังคม แต่ก็จะมีคนบางกลุ่มที่มองว่า จิตวิญญาณธรรมศาสตร์เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่กลวงเปล่าและไม่มีอยู่จริง ซึ่งผมคิดว่ามันก็ไม่ได้ผิด
นักศึกษาไม่ได้มาเรียนธรรมศาสตร์เพียงเพื่อเรียนรู้ทางด้านวิชาการอย่างเดียว แต่มาเพื่อเรียนรู้ที่จะรักและใส่ใจคนอื่นด้วย ผมจึงเชื่อว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ของนักศึกษาในปัจจุบันไม่ได้หายไป แต่มันถูกทำให้หลับอยู่ด้วยแรงกดดันและปัจจัยหลายๆ อย่าง อาจเป็นสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการจัดการต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยด้วย
แต่ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าคนสนใจการเมืองมากขึ้น เพียงแต่เพดานไม่ได้สูง เขาพร้อมจะเป็นผู้รับสารที่ดี แต่ไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง
คงเป็นคำถามสำคัญและท้าทายอย่างยิ่งว่าธรรมศาสตร์และการเมืองในวันนี้ ยังคงสานต่อเจตนารมณ์แรกเริ่มเมื่อคราวก่อตั้ง และยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตยเหมือนดังอดีตอยู่หรือไม่
หรือจะเป็นเพียงการยังคงยึดติดอยู่กับชื่อเสียง ความดี และความยิ่งใหญ่ในอดีต เพื่อรักษาความภาคภูมิใจในการเป็นธรรมศาสตร์และการเมือง ที่อยู่ในความทรงจำของสาธารณชนเอาไว้ แต่ในความเป็นจริง กลับไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการสืบสานหรือรักษาอุดมการณ์นั้นจริงๆ อย่างน้อยก็จากทัศนะของนักศึกษาปัจจุบันกลุ่มหนึ่ง
หากธรรมศาสตร์ยังเอาแต่พูดถึง ‘จิตวิญญาณธรรมศาสตร์’ ในอดีต โดยไม่พยายามปลูกฝังและส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจและรู้สึกถึงมันด้วยใจจริง วันหนึ่ง ‘ธรรมศาสตร์’ อาจเหลือเพียงชื่อที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของคนรุ่นก่อน ขณะที่ในสายตาของคนรุ่นใหม่ มันอาจไม่เหลือความหมายที่ลึกซึ้งเหมือนเดิม
รายการอ้างอิง
Thai PBS Digital Media. (2566). เปิดลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลา 2516. วันที่สืบค้น 11 ตุลาคม 2568. https://www.thaipbs.or.th/now/content/410
กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม. (2568). 26 กุมภาพันธ์ 2492: ปรีดีกับพวกใช้กำลังหวังยึดอำนาจจากคณะปฏิวัติ แต่เหลว ตกเป็นกบฏ. วันที่สืบค้น 11 ตุลาคม 2568. https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_1778
โรม บุนนาค. (2561). “มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง” ตัด “การเมือง” ออกจากชื่อ แต่ก็ตัดออกจากจิตวิญญาณไม่ได้. วันที่สืบค้น 11 ตุลาคม 2568. https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000064600