ภาพ: อินสตาแกรม @mootono29
คนในพื้นที่แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสียงแตก ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยที่โตโน่ว่ายน้ำ ระบุเป็นการเพิ่มภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยกู้ภัย แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ดีใจเพราะโรงพยาบาลเมืองท่าแขกขาดแคลนทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์
จากกรณีที่ ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม จ.นครพนม เผยว่า บุคลากรทางการแพทย์ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ และยินดีลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัยให้กับ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หรือโตโน่ ศิลปินชื่อดัง ที่จะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงในช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อเปิดรับบริจาคให้กับโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ภายใต้ชื่อโครงการ “One Man and The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” นั้น
แม่ค้า ก (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่โตโน่ทำกิจกรรมดังกล่าว เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ หรือหน่วยกู้ภัยอื่นๆ ที่โดยปกติก็มีภาระงานมากอยู่แล้ว แต่คนในครอบครัวรวมถึงคนในพื้นส่วนใหญ่กลับเห็นด้วยและสนับสนุนโตโน่ เพราะโรงพยาบาลท่าแขกขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์และบุคลากรจำนวนมาก นอกจากนี้เขาก็เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในไทยด้วย ทำให้คนในพื้นที่รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากกว่า “ที่ผ่านมาแม้โรงพยาบาลจะขาดแคลนแทบทุกอย่าง ทั้งอุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์ แต่คนในพื้นที่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ภาครัฐมาช่วยเหลือ มีอะไรให้ใช้ เขาก็ใช้กันอยู่แค่นั้น เพราะที่ลาวร้องเรียนอะไรมากไม่ได้หรอก”
ชญานิษฐ์ ก่อพันธ์ ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครพนม ประกอบธุรกิจส่วนตัวและมีสมาชิกในครอบครัวเป็นบุคลากรทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า สิ่งที่ขาดแคลนจริงๆ คือบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ให้ใช้เพียงพอแล้ว แค่มีสภาพเก่าเพราะใช้มานาน ฉะนั้นการที่มีคำสั่งหรือสุ่มให้แพทย์ 1 คนที่อยู่ระหว่างการทำงานใช้ทุน (intern) ลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัยให้โตโน่ในวันที่ 22 ตุลาคม เป็นเวลา 10 ชั่วโมง ก็ทำให้โรงพยาบาลขาดกำลังคนดูแลผู้ป่วยได้
“มีคำสั่งขอให้แพทย์ใช้ทุนออกหน่วยในวันว่ายจริง ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็น ได้เบี้ยเลี้ยง 1,000 บาท ซึ่งแพทย์ใช้ทุนถือเป็นกำลังสำคัญในโรงพยาบาลนครพนมเลยค่ะ พวกเขาไม่มีวันหยุด ต้องราวน์วอร์ดทุกเช้า บางวันมีตรวจผู้ป่วยนอก บางคนอยู่เวรวอร์ด การที่ขอให้พวกเขาออกหน่วยก็อาจทำให้คนไข้เสียผลประโยชน์ได้ เลยไม่มีใครอยากไปค่ะ อีกอย่างงานในโรงพยาบาลก็ยุ่งมากพอแล้ว” ชญานิษฐ์ กล่าวและว่า รู้สึกไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมดังกล่าว เพราะการว่ายน้ำข้ามโขงอันตรายมาก โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสน้ำเชี่ยว เสี่ยงทั้งต่อชีวิตโตโน่และทีมกู้ภัย จึงอยากให้เขาใช้ชื่อเสียงที่มีพูดถึงปัญหาเพื่อส่งเสียงไปถึงรัฐบาลมากกว่า
อัญรินทร์ อมรอิสริยาชัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาสื่อสารองค์กร คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์โตโน่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกิจกรรมที่ทำนั้นผิดจังหวะและเวลา เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คนจึงไม่ได้มองที่เจตนารมณ์ของเขาหรือผลลัพธ์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น ยอดบริจาค แต่ไปตั้งคำถามกับการตัดสินใจว่ายน้ำในช่วงเวลานี้แทน
“ตอนที่โตโน่ลงว่ายน้ำครั้งแรกเมื่อปีก่อนๆ เป็นช่วงที่โควิดระบาดพอดี สื่อเลยไม่ได้เล่นประเด็นเขามาก ไม่เหมือนช่วงที่คุณตูน บอดี้สแลม (อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องวงบอดี้สแลม) ทำกิจกรรม “ก้าวคนละก้าว” รอบแรกในปี 2559 ที่สื่อเกาะติดสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา คนก็ได้เห็นภาพความพยายาม ภาพความประทับใจเยอะ และการที่โครงการของคุณตูนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มันก็สร้างการรับรู้ที่ทำให้คนนำไปเปรียบเทียบ หรือตั้งคำถามกับกิจกรรมของโตโน่ในหลายๆ มิติ” อัญรินทร์กล่าวและว่า สาเหตุที่คนไทยส่วนหนึ่งเลือกสนับสนุนโตโน่ อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมการบริจาคของคนไทย ที่มองว่าเป็นเหมือนงานบุญสร้างกุศล ทุกคนต้องร่วมใจช่วยเหลือ หรือระดมทุนกัน จึงมักมองที่เจตนาของผู้จัดกิจกรรมเป็นหลัก
“เราคงไปคิดแทนเขาไม่ได้ว่า เป็นนักร้องหรือคนดังทำไมไม่จัดคอนเสิร์ตระดมทุน หรือเรียกร้องรัฐบาลให้ทำหน้าที่แทน เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัด มุมมอง และวิธีการขับเคลื่อนสังคมที่ต่างกัน จึงอยากให้เปิดใจ” อัญรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โตโน่เคยทำกิจกรรมชื่อว่า “One Man and the Sea” เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นกิจกรรมว่ายน้ำข้าม 12 เกาะ จากท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี จนถึงเกาะสมุย บริเวณฐานทัพเรือ (รวมระยะทาง 82 กิโลเมตร) เพื่อสมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์และเครื่องมือช่วยเหลือสัตว์ทะเล รวมถึงโรงพยาบาลริมชายฝั่งอย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าวต้องยุติลงก่อนกำหนดเนื่องจากรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับเงินบริจาคทั้งสิ้น 15,368,347 บาท ส่วนโครงการ “One Man and The River” จนถึงขณะนี้มียอดบริจาคมากกว่า 5 ล้านบาทแล้ว