News

ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์คาด นโยบายเพิ่มจำนวนเด็กอาจไม่ได้ตามเป้า หากประกันสังคมไม่เอื้อให้คนท้องทำโอที

เรื่อง : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ

ภาพประกอบ : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร

ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ซึ่งให้บริการสายด่วน 1663 ปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม คาดนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ เพื่อเพิ่มจำนวนการเกิด อาจไม่ถึง 7 แสนคนตามเป้า หากสำนักงานประกันสังคมไม่เอื้อให้ลูกจ้างท้องทำงานล่วงเวลา จนไม่มีเงินเก็บ แนะรัฐลดหย่อนภาษีให้นายจ้างที่จ้างลูกจ้างท้อง

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในพ.ศ.2559 อนุมัติหลักการร่าง ‘นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ’ ตามที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยหนึ่งในเป้าประสงค์คือจำนวนการเกิดเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนจำนวนประชากร ซึ่งหนึ่งในตัวชี้วัดคือมีจำนวนการเกิดไม่น้อยกว่าปีละ 700,000 รายนั้น

ที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สมวงศ์ อุไรวัฒนา ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ หรือ Aids Access Foundation (Access) ซึ่งให้บริการสายด่วน 1663 ปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ให้สัมภาษณ์ว่า เด็กเกิดใหม่มีจำนวนน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ปีพ.ศ.2564 มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนเด็กเกิดใหม่ โดยในปีพ.ศ.2566 มีจำนวนเด็กเกิดใหม่ประมาณ 510,000 ราย ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ของนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ ที่วางไว้ ทำให้นโยบายและยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวอาจมีแนวโน้มไม่สำเร็จ

สมวงศ์ กล่าวว่า จำนวนการตั้งครรภ์อาจยังมากเท่าเดิม แต่จำนวนการคลอดบุตรน้อยลง โดยข้อมูลตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2566 – สิงหาคม พ.ศ.2567 พบว่า ผู้ใช้บริการสายด่วน 1663 เพื่อปรึกษาเรื่องท้องไม่พร้อมมีจำนวน 45,262 ราย โดยอยู่ในกองทุนประกันสังคมร้อยละ 67.1 และตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ร้อยละ 97.2 ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ และในจำนวนนี้ระบุว่าการตั้งครรภ์เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562) มาตรา 39/1 (ห้ามลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ทำงานเวลากลางคืน ทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุด) ทำให้ลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ขาดรายได้ และนายจ้างก็ได้รับผลกระทบจากการขาดแรงงาน จึงทำให้นายจ้างที่เป็นผู้ประกอบการรายเล็กเลิกจ้างลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ และจ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 118 (นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง) แทน เพราะใช้ต้นทุนน้อยกว่าการจ่ายค่าดูแลหลังคลอดตามสิทธิวันลาคลอด

สมวงศ์ กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้สิทธิการคลอดบุตร ค่าฝากครรภ์ และค่าตรวจเป็นแบบเหมาจ่ายให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 โดยค่าคลอดบุตรสามารถเบิกได้ 15,000 บาท ส่วนค่าตรวจและค่าฝากครรภ์ จำนวน 5 ครั้ง สามารถเบิกได้ไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งผู้ประกันตนต้องสำรองจ่ายก่อนและจะเบิกได้ภายหลัง ซึ่งลูกจ้างบางรายไม่มีรายได้เพียงพอต่อการสำรองจ่าย รวมถึงโรงพยาบาลรัฐบาลส่วนใหญ่กำหนดค่าคลอดบุตรสูงกว่าจำนวนเงินที่เบิกได้

“การที่ค่าคลอดบุตรในโรงพยาบาลรัฐบาลมีแนวโน้มสูงกว่าที่เบิกได้ แสดงว่าลูกจ้างแทบไม่ได้รับอะไรเลย และอาจต้องจ่ายเอง เพราะกองทุนประกันสังคมช่วยแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงรายได้ก็ลดลงจากการไม่ได้ทำงานล่วงเวลา ทำให้ลูกจ้างเจออุปสรรคเยอะมากในการตั้งครรภ์ ดังนั้นการที่จะเพิ่มประชากรให้ได้ 700,000 รายต่อปี จึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคนวัยเจริญพันธุ์คือคนวัยทำงานและอยู่ในกองทุนประกันสังคม” สมวงศ์กล่าวและว่า สปส.ควรสร้างสวัสดิการและความมั่นคงในชีวิต ลูกจ้างจะได้มีสิทธิเลือกและคำนึงถึงอนาคตได้มากขึ้น

ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวว่า ปัญหาที่มักเกิดกับลูกจ้างที่ตั้งครรภ์คือไม่มีนายจ้างจ้างทำงาน ดังนั้นต้องทำให้ลูกจ้างมั่นใจว่าจะไม่ถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินดูแล และรัฐบาลอาจต้องจูงใจเพื่อให้นายจ้างรู้สึกว่าจะได้รับประโยชน์จากการจ้างลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ เช่น ถ้านายจ้างมีนโยบายที่ดีให้ลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ รัฐบาลอาจลดหย่อนภาษีให้ หรือจ่ายเงินชดเชยให้ 

สมวงศ์ กล่าวว่า อีกประเด็นที่ลูกจ้างเรียกร้องจำนวนมากคือสถานดูแลเด็กในตอนกลางวันและตอนกลางคืน (Day Care and Night Care) เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ด้วยตัวเองในราคาที่เข้าถึงได้ แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะทดลองเปิดสถานดูแลเด็กในตอนกลางวันแล้ว แต่รับเฉพาะบุตรของข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายงาน ‘จำนวนครั้งการใช้บริการ จำแนกตามสิทธิประโยชน์ ประจำปีพ.ศ.2560–2566’ ของกองทุนประกันสังคม ระบุว่า จำนวนครั้งการใช้บริการจากสิทธิการเสียชีวิตในปีพ.ศ.2560 และ พ.ศ.2565 คือ 26,542 และ 34,648 ครั้ง ตามลำดับ ส่วนจำนวนครั้งการใช้บริการจากสิทธิการคลอดบุตรในปีพ.ศ.2560 และ พ.ศ.2565 คือ 296,984 และ 237,799 ครั้ง ตามลำดับ

 

อ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข.(9 พฤศจิกายน 2559).นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560 – 2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ.สืบค้น 17 กันยายน 2567.https://rh.anamai.moph.go.th/th/download-03

สำนักงานประกันสังคม.(2567).จำนวนครั้งการใช้บริการ จำแนกตามสิทธิประโยชน์ ประจำปีพ.ศ.2560–2566.สืบค้น 17 กันยายน2567.https://www.sso.go.th/wpr/assets/upload/files_storage/sso_th/1c0c76e382334d263755b6c04be3c5f0.pdf

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:News

News

ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ชี้ ไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับสื่อสตรีมมิง  แม้มีแผนแม่บทแต่ไม่นำเข้าที่ประชุมกสทช.

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ และ วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ชี้ ไทยไม่มีการกำกับดูแล OTT เพราะร่างแผนแม่บทไม่ถูกนำเข้าที่ประชุมกสทช. กระทบสื่อทีวี-ผู้บริโภค จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ...

News

ศาลตัดสิน คุก 2 ปี ‘พิรงรอง’ หลัง ทรูไอดี ฟ้อง กสทช.

เรื่อง : ยลพักตร์ ขุนทอง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต ...

News

ทีมผลิตคลิปงานแรกพบเพื่อนใหม่ มธ. เผยยังได้ค่าจ้างไม่ครบ ด้านอมธ. แจงจ่ายช้าเพราะกำลังพิจารณาสาเหตุของค่าใช้จ่ายที่เกินงบ

เรื่องและภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี กลุ่มนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ฯ ทีมผลิตคลิปประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย เผยได้รับค่าจ้างผลิตคลิปประชาสัมพันธ์งาน TU universe: Merging of the galaxies ไม่ครบ ทางผู้อำนวยการกองถ่ายคาด ...

News

ภาคประชาชนชี้ รัฐควรปรับปรุง ‘ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024)’ เพราะอาจดันค่าไฟสูงขึ้น เหตุตั้งกำลังผลิตเกินจำเป็น

เรื่อง : ณัฐกานต์ บุตรคาม ภาพประกอบ : จุฑาภัทร ทิวทอง “โครงการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมในประเทศไทย” ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่รณรงค์เรื่องพลังงาน ชี้ภาครัฐควรปรับปรุงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024)  เนื่องจากกำหนดกำลังผลิตไฟฟ้าเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้ค่าไฟสูงขึ้น ...

News

ผอ. กองนโยบายภาษีชี้หนี้ครัวเรือนไทย เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมบริโภคนิยม ประชาชนใช้จ่ายเกินตัว แนะรัฐฯ ปฏิรูประบบการศึกษาสร้างทักษะติดตัว

เรื่อง : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ผอ. กองนโยบายภาษีชี้หนี้ครัวเรือนไทยเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมบริโภคนิยมและค่านิยมในสังคม  ทำให้ประชาชนใช้จ่ายเกินตัว แนะรัฐฯ ปฏิรูปโครงสร้างตั้งแต่ระบบการศึกษาเพื่อสร้างทักษะติดตัวประชาชน เพราะดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เมื่อวันที่ ...

News

รมช.คลัง เดินหน้าแจกเงินหมื่นเฟส 3 เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ยันกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากกว่าเงินสด 

เรื่อง : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี รมช.คลัง เดินหน้าแจกเงินหมื่นเฟส 3 เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากกว่าเงินสด เหตุตั้งเงื่อนไขการใช้เงินได้และต้องการให้ประชาชนเปิดรับเทคโนโลยี  เมื่อวันที่ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save