ArticlesSocietyWritings

ครบรอบ 51 ปี วันประชาธิปไตย ประเทศไทยเดินทางถึงจุดไหนแล้ว ? : มองเส้นทางประชาธิปไตยไทย ผ่านมุมมอง -อ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

เรื่องและภาพประกอบ :  พรวิภา หิรัญพฤกษ์

.

เวียนมาเป็นปีที่ 51 แล้วหลังเยาวชนคน 14 ตุลาและประชาชนทั่วไป ได้เดินหน้าเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย ในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นเงื้อมมือของเผด็จการ โดยหลังจากนั้น 30 ปี สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติให้วันที่ 14 ตุลาคม ของทุกปี เป็น‘วันประชาธิปไตย’ เพื่อจารึกไว้ว่าเราได้อัญเชิญประชาธิปไตยมาสถิตยังแดนขวานทองเรียบร้อยแล้ว แต่มันมาสถิตแล้วจริงๆ หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้กันแน่

หากลองมองย้อนอดีตอันใกล้ เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่พรรคผู้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุดต้องสลับข้างกลับไปเป็นฝ่ายค้าน แทนที่จะได้เริ่มงานในฐานะรัฐบาลหน้าใหม่ที่ประชาชนไว้วางใจ

เช่นนี้แล้ว ระบอบการปกครองแบบไทยๆ แบบตามใจนี้ จะสามารถเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้หรือไม่

“เราอาจจะมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในระดับ 30-40 เปอร์เซ็นต์ คนทั่วไปจะรู้สึกว่าตัวเองมีเสรีภาพที่จะทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเสรีภาพเพื่อความเพลิดเพลิน เมื่อไหร่ที่คนแสดงออกซึ่งการพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง เราก็จะเห็นการใช้กระบวนการทางด้านตำรวจ การศาล กฎหมาย เข้ามาเล่นงาน” ธำรงค์ศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ รองศาตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกล่าว

อาจารย์ธำรงศักดิ์เรียกระบบการปกครองเช่นนี้ว่า ‘ระบอบเผด็จการอำนาจนิยม ใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย’ ที่ซ่อนกลไกการปกครองไว้ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เขียนโดยฝ่ายเผด็จการ ฝ่ายธุรกิจ และกลุ่มผู้ปกครองเก่าที่พยายามจะยึดกุมอำนาจไว้ในมือ ซึ่งกลไกสถาบันทางการเมืองและระบบราชการนี้เป็นเหมือนลูกระนาดบนถนนที่คอยชะลอไม่ให้ประเทศไทยได้เดินทางไปถึงจุดมุ่งหมายได้ เพราะมันไม่ใช่เครื่องมือที่เอาไว้พิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน อย่างเช่น การเขียนกฎหมายไว้ให้ส.ว.เข้ามาเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วซ้อนด้วยการเขียนกฎให้พวกพ้องของตัวเองได้เป็นส.ว.อีกที

หลังจาก พ.ศ.2516 มีการทำรัฐประหารมากถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2519 พ.ศ.2520 พ.ศ.2534 พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2557  หรือโดยเฉลี่ยแล้วคือทุกสิบปีจะมีการยึดอำนาจหนึ่งครั้ง ซึ่งสิ่งนี้เองได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของคนบางกลุ่มที่ต้องการจะรวบอำนาจไว้กับตนเอง แต่ถึงแม้ว่าจะมีการทำรัฐประหารมาหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่สามารถต้อนประชาชนให้กลับเข้าไปอยู่ในคอกล้อมแห่งเผด็จการได้อยู่ดี นั่นก็เป็นเพราะว่าหลักคิดเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อ 51 ปีก่อนแล้ว  สถานการณ์ความเป็นประชาธิปไตยของไทยในตอนนี้ จึงเป็นการยื้อยุดฉุดอำนาจกัน ระหว่างประชาชนและกลุ่มเผด็จการใต้ผ้าประชาธิปไตย

.

คูหา ปากกา การเลือกตั้ง อาวุธเดียวของประชาชน

ผู้อ่านเคยได้ยินคำว่า ‘หนามยอก เอาหนามบ่ง’ กันหรือไม่ สำนวนที่หมายความถึง การแก้ไขหรือตอบโต้อะไรบางอย่างด้วยสิ่งเดียวกัน

ก้าวต่อไปของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็คล้ายว่าจะไม่ต่างกัน

เพราะเราจะต้องสู้กับผู้ออกแบบกลไก ด้วยกลไกที่พวกเขาเขียนขึ้นมาเอง 

ทางออกสู่โลกประชาธิไตยที่อาจารย์ว่าไว้นั่นก็คือ ‘การเลือกตั้ง’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกมที่กลุ่มเผด็จการเขียนไว้หล่อเลี้ยงหัวใจประชาชน ว่าพวกเขายังมีสิทธิ์มีเสียงอยู่บนระบอบคล้ายความเป็นประชาธิปไตยนี้ ทว่าช่องว่างตรงนี้เองก็เป็นทางออกของเหล่าปวงประชา ที่จะสู้กลับด้วยการเลือก ‘ผู้แทนราษฎร’ ที่เขาไว้ใจ เข้าไปตรวจสอบ ขุดคุ้ยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ใต้พรมและนำมาเปิดโปงจี้ใจกลุ่มเผด็จการในเวทีสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงการพยายามแก้กลไกที่ถูกบัญญัติไว้ด้วยวิธีที่ชอบธรรมและสันติ

แม้ว่าวิธีการนี้จะเป็นหนทางที่ไม่สามารถพลิกโฉมประชาธิปไตยไทยจากหลังมือเป็นหน้ามือได้เพียงข้ามวัน แต่มันจะเป็นเหมือนการเทน้ำใสใส่แก้วน้ำสี ที่ต้องใช้เวลาและปริมาณที่มากพอที่จะทำให้แก้วน้ำสีทั้งแก้วกลายเป็นน้ำใส 

“ยิ่งเลือกตั้ง อำนาจก็จะยิ่งเป็นของประชาชน ยิ่งเลือกตั้ง พละกำลังของประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้อย่างสันติวิธีก็จะยิ่งเพิ่มขั้น นี่คือพลังอำนาจของการเลือกตั้ง” อาจารย์กล่าว

นอกจากการเลือกตั้งแล้ว อาจารย์ได้เล่าถึงอีกสิ่งหนึ่งที่จะปิดประตูไม่ให้เผด็จการเรืองอำนาจ นั่นก็คือความตระหนักรู้ของประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความเป็นประชาธิปไตย แต่ผู้คนในตอนนี้ต่างมีความตื่นรู้ด้าน ‘สิทธิมนุษยชน’ ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความเป็นประชาธิปไตย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีความกระตือรือร้นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่ทางใด ก็ในทางหนึ่ง 

สุดท้ายนี้ผู้เขียนเชื่อว่าความหวงแหนในสิทธิมนุษยชนและใจฝักใฝ่ในความเปลี่ยนแปลงนี้เอง ที่จะเป็นจุดเหนี่ยวรั้งไม่ให้ใครมาพรากประชาธิปไตยไปจากพวกเขาอีกแล้ว

พวกเขาไม่ใช่คลื่นลูกใหม่ แต่เป็นสายน้ำใสที่ไหลมาอย่างไม่หยุดยั้งต่างหาก

อ้างอิง

ศูนย์วิทยบริการศาลยุติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ห้องสมุดศาลยุติธรรม. (14 ตุลาคม 2567). วันประชาธิปไตย 14 ตุลาคม 2567 เรียกใช้เมื่อ ตุลาคม 2567. https://library.coj.go.th/th/importanttoday/importanttoday-915.html

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Articles

Articles

ภัยพิบัติในไทยกับความสนใจ ‘แค่กรุงเทพ’

เรื่อง: สุชานันท์ สหวงศ์เจริญ ภาพ: Wiroj Sidhisoradej จาก Freepik 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ...

Articles

หลอดไฟในดงไม้ แสงสว่างที่ระบบนิเวศไม่ต้องการ

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี ในเมืองกรุงอันแสนกว้างใหญ่ แม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ฟ้ามืดสนิท แสงจากไฟถนนและตึกยังคงส่องสว่างเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญ และในเมืองที่ไม่มีวันดับแสงนี้ การจะเห็นดาวที่ลอยอยู่เต็มผืนฟ้าช่างยากเหลือเกิน แม้แสงไฟจะเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ แต่ไม่ใช่ทุกที่จะเหมาะสมกับความสว่างไสวนี้ ...

Articles

 I’m cringe but I’m free สะเหล่อแล้วไง ไม่แคร์แล้วกัน

เรื่อง : ศิรประภา จารุจิตร ภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี “โอ้ยยย ทำไมตอนนั้นสะเหล่อจัง” ความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวขณะที่ล้มตัวลงนอนหลับตาเตรียมฝันดี แต่สมองไม่รักดีกลับขุดภาพความทรงจำอันน่าอับอายขึ้นมาฉาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เล่นมุกแล้วคนทั้งห้องกริบ ทักคนผิดเพราะนึกว่าเป็นเพื่อนตัวเอง ส่งข้อความหาคนที่ชอบเขาอ่านแต่ไม่ตอบ ...

Articles

ต้องอายุเท่าไหร่ ถึงควรจะประสบความสำเร็จ?: ชวนสำรวจนิยามความสำเร็จผ่านตัวละครหลักหลากวัยจาก Only murders in the building

เรื่องและภาพประกอบ : ทยาภา เจียรวาปี หมายเหตุ: บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ คุณเคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองว่างเปล่าหรือไร้ค่าบ้างไหม? คุณเคยรู้สึกเจ็บช้ำจากความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าบ้างหรือเปล่า? คุณเคยมองความสำเร็จของคนอื่นแล้วถามตัวเองหรือไม่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่? หากคุณเคยรู้สึกหรือเคยถามตัวเองแบบนั้น คุณอาจเป็นเหมือนสามตัวละครหลักจาก Only murders in the ...

Articles

ผม (ไม่) เคย เฉยชากับความตาย

เรื่องและภาพประภาพ: Amphea Warning : บทความชิ้นนี้มีการพูดถึงเนื้อหาของการพยายามอัตวินิบาตกรรมและการสูญเสียของคนใกล้ตัว โปรดอ่านอย่างระวัง ‘อาม่า’ ของผมเสียไปตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ในวัยประถม แม้ช่วงบั้นปลายชีวิต เธอจะเริ่มหลงลืมลูกหลานและอารมณ์รุนแรงไปบ้าง แต่สำหรับลูกทั้ง 8 คนแล้ว เธอยังคงเป็นคนที่ทุกคนในครอบครัวรักมากที่สุดคนหนึ่ง ส่วนผมนั้นไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับอาม่ามากนัก ...

Articles

ออกเดินทางมาแล้วแต่ยังไกลจุดหมาย : ตอนนี้ Universal Design พาคนพิการเดินทางไปได้เท่าไหนในไทย

เรื่องและภาพประกอบ : ชวิน ชองกูเลีย เป็นเวลาหลาย 10 ปีมาแล้วที่คนพิการต้องเรียกร้องสิทธิต่างๆ ทั้งในประเด็นสิทธิในการเข้าทำงาน มุมมองด้านลบที่คนพิการเคยถูกมองว่าไม่มีความสามารถ หรือเคยทำกรรมไว้จึงพิการ และปัญหาความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขาหลังจากที่ต้องสูญเสียทักษะบางอย่างไป การเดินทางเองก็เป็นอุปสรรคอันดับต้นๆ ที่คนพิการต้องพบเจอและมีการเรียกร้องมาเป็นเวลานาน จนมีกฎหมายเกี่ยวกับ Universal Design ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save