FeaturesLifestyleWritings

หนังสือดี อยาก ‘หลอก’ ต่อ โดย ยมทูตในห้องนอน

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์

ภาพประกอบ : ปิยะพร สาวิสิทธิ์

ยมทูต น. ผู้นำคนตายไปยังบัลลังก์พระยมเพื่อรอคำตัดสิน.

ยมทูต น. ผู้ดำเนินเรื่องจากวรรณกรรมเยาวชน ‘จอมโจรขโมยหนังสือ’ โดยได้รับหน้าที่เป็นยมทูตของ ลีเซล เมมิงเกอร์ เด็กหญิงที่เติบโตท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2.

ยมทูต น. ผู้เขียนงานเรื่อง ‘หนังสือดี อยาก ‘หลอก’ ต่อ’.

เขียนงานตอนนี้งั้นหรือ…นังหนูคนนี้ไม่รู้จักการนอนหลับพักผ่อนหรือไงกัน

เขียนเกี่ยวกับหนังสืออีกแล้ว! ชีวิตนังเด็กนี่ช่างน่าเบื่อกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะ

นั่นๆ หัวเขกโต๊ะเพราะสัปหงกแล้วนังหนู ไหนมาให้ข้าดูหน่อยซิว่ากำลังเขียนเรื่องอะไร

‘หนังสือดี อยาก ‘หลอก’ ต่อ’ งั้นหรือ…ตั้งใจจะแนะนำหนังสือในวันฮาโลวีนสินะ แต่ดูจากสภาพแล้วคงเขียนต่อไม่ไหวแน่ น่าสงสารจริงๆ 

วันนี้ข้าว่างอยู่พอดี…งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ เจ้าจะได้หลับพักผ่อนอย่างสบายใจ

แต่อย่าลืมใส่ชื่อ ‘ยมทูต’ ให้ข้าด้วยล่ะ

1.  โดน ‘ผี’ หลอก
7 วัน…จองเวร โดย ภาคินัย

นังเด็กนี่ไม่เคยเจอผีในชีวิตจริง เลยต้องซื้อนิยายสยองขวัญมาอ่านเสริมประสบการณ์ให้ตัวเองหรือไง

พออ่านแล้วก็ไม่กล้าปิดไฟนอน ไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน 

มนุษย์นี่ช่างเข้าใจยากเสียจริง!

แต่เอาเถอะ มาเริ่มต้นเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า…

‘7 วัน…จองเวร’ เป็นนวนิยายชุดแนวสยองขวัญจากปลายปากกาของ ‘ภาคินัย’ นักเขียนไทยที่มีชื่อเสียงในด้านการจบเรื่องแบบหักมุม อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ทำให้คนอ่านรับรู้ว่าความน่ากลัวของผีไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก 

ดูท่าจะน่ากลัวกว่ายมทูตอย่างข้าเสียด้วย

เรื่องราวจากหนังสือทั้ง 7 เล่ม ไล่เรียงชื่อเรื่องตามวันต่างๆ ใน 1 สัปดาห์ โดยเนื้อหาของทุกเล่มจะยึดโยงกันอยู่ภายใต้ความเชื่อเรื่องวิธีการสื่อสารกับวิญญาณของคนที่เกิดในวันนั้นๆ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวจะนำพาตัวละครทั้งหลายไปพัวพันกับเรื่องสยองขวัญแบบไทยๆ 

อย่างไรก็ตาม ถ้ามัวแต่พูดพร่ำไปเรื่อยๆ ใครหลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ 

ดังนั้นฉัน (ข้า) จะยกตัวอย่างมาให้ได้อ่านกันสัก 3 เรื่อง เผื่อว่าจะมีใครอยากโดน ‘ผี’ หลอก จนเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนไม่ได้เหมือนฉัน (นังหนูคนนี้)

เล่มที่ 2 Monday – Mirror กระจกสั่งตาย: คนเกิดวันจันทร์มักมีจิตสื่อกับกระจกเงา

‘เฟิร์น’ เด็กนักเรียนหญิงที่โดนกลั่นแกล้งจากทั้งเพื่อนและครูใหญ่ จนกระทั่งเธอบังเอิญไปเจอบันทึกพิธีกระจกสั่งตาย เธอจึงใช้พิธีดังกล่าวฆ่าศัตรูของเธอทีละคน โดยที่ไม่รู้เลยว่าใครบางคนกำลังจับตาดูการกระทำของเธออยู่

เล่มที่ 4 Wednesday – Theater ตีตั๋วไปตาย: คนเกิดวันพุธมักมีจิตสื่อสารกับงานศพ

‘รดา’ พนักงานของโรงภาพยนตร์ โดนวิญญาณของเพื่อนร่วมงานที่ถูกฆ่าข่มขืนตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน รดาจึงต้องช่วยสืบหาตัวคนร้ายให้เจอโดยเริ่มค้นหาความจริงจากคนใกล้ตัว…แต่ดูเหมือนคนร้ายจะอยู่ใกล้กว่าที่คิด

เล่มที่ 6 Friday – Reality ท้าคนเป็นเห็นคนตาย: คนเกิดวันศุกร์มักมีจิตสื่อสารกับแหล่งน้ำ

‘ชะพลู’ ต้องเข้าร่วมเกมล่าท้าผี ณ โรงแรมบนเกาะร้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเธอต้องการเงินไปปลดหนี้ แต่เธอดันไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ต้องเจอไม่ใช่แค่ ‘ผี’ ที่สิงสู่อยู่ในโรงแรม แต่กลับเป็น ‘คน’ ที่พร้อมจะแทงข้างหลังกันได้ทุกเมื่อ

ถึงแม้ว่าเส้นเรื่องของทั้ง 7 เล่มจะแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ทว่าภาคินัยก็ยังพยายามผูกเรื่องให้ตัวละครหลักหลายๆ ตัวมีโอกาสได้พบเจอกันในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ราวกับการพยายามสร้างจักรวาลของ 7 วัน…จองเวร ขึ้นมาเลยก็ว่าได้ 

อีกทั้งทุกเรื่องยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของภาคินัยอย่างการสร้างตอนจบแบบหักมุม ทำให้คนอ่านอย่างเราตื่นเต้นอยู่เสมอ

เรียกได้ว่าน่ากลัวทุกเรื่องเลยนะเนี่ย! ขนาดยมทูตอย่างข้ายังอ่านแล้วขนหัวลุกตาม

แต่ที่ว่าน่ากลัวนี่ข้าหมายถึง ‘คน’ นะ ผีเผออะไรนี่ไม่น่ากลัวหรอก…

เพราะเจอหน้ากันทีไรก็ลอยหนีข้ากระเจิง ไม่เห็นน่ากลัวสักนิด

2. โดน ‘เด็ก’ หลอก
ต้นส้มแสนรัก โดย โจเซ่ เมอโร เดอ วาสคอนเซลอส

ข้าจำได้ดีว่านังหนูคนนี้โดนหนังสือเล่มนี้ ‘หลอก’ เต็มๆ

ก็เตือนแล้วว่าอย่าหลงเชื่อคำอย่าง ‘วรรณกรรมเยาวชน’ ใครๆ ก็รู้ว่ามันเชื่อไม่ได้

อยากอ่านหนังสือเด็กสดใสๆ แล้วเป็นไงล่ะ นอกจากตัวละครเป็นเด็กวัยสดใสแล้ว ก็ไม่มีอะไรสดใสอีกเลยตลอดทั้งเรื่อง เสียทั้งเงินเสียทั้งน้ำตาสมใจอยาก

ถ้าปล่อยให้นังหนูนี่เขียนงานเอง สงสัยคงนั่งร้องไห้เพราะสงสาร ‘เซเซ่’ อีกแน่ น่ารำคาญเสียจริง

เซเซ่ (Zezé) เด็กชายอายุ 5 ขวบจากประเทศบราซิล ผู้เติบโตมาอย่างยากลำบากในครอบครัวที่ยากจน ผู้ใหญ่หลายๆ คน รวมถึงพ่อแม่ของเซเซ่เอง ต่างมองว่าเขาเป็นเด็กที่ทั้งดื้อ แสบซน เกเรเกินวัย แต่ในขณะเดียวกัน เด็กชายผู้นี้ก็ยังเป็นเด็กที่ฉลาด มีไหวพริบและมีจินตนาการกว้างไกล

ด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขตของเซเซ่นี่เอง ทำให้เหล่าผู้ใหญ่ไม่มีวันเข้าถึงและเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น โดยเฉพาะเรื่องราวของ ‘มิงกินโย’ (Minguinho) ต้นส้มที่ปักหลักอยู่หลังบ้านไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มิงกินโยไม่เคยดุด่าหรือตีเด็กชายเมื่อเขาทำผิด อีกทั้งยังคอยปลอบใจเขาทุกครั้งที่เขาอยากตาย

มิงกินโยจึงเป็นเพื่อนที่เซเซ่รักมากที่สุด

เด็กชายมักจะนั่งเล่าเรื่องราวที่เขาเจอในแต่ละวันให้กับเพื่อนรักคนนี้ฟัง รวมถึงเรื่องราวของ ‘โปรตุก้า’ (Portuga) ชายแปลกหน้าชาวโปรตุเกส ศัตรูของเซเซ่ 

แต่สุดท้ายแล้ว ศัตรูคนนี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตอันแสนลำบากของเซเซ่ และทิ้งบทเรียนชีวิตที่สำคัญที่สุดไว้ให้แก่เด็กชาย

ว่าบางครั้ง ความเป็นจริงในโลกใบนี้ก็ช่างโหดร้ายเสียเกินกว่าที่จินตนาการจะรับไหว…

เซเซ่ ไม่ได้เป็นเพียงตัวละคร แต่เขาเป็นเด็กชายผู้มีร่างกาย มีความรู้สึก มีชีวิต และมีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับเรา เพราะ เซเซ่ คือตัวตนส่วนหนึ่งของ โจเซ่ เมอโร เดอ วาสคอนเซลอส (Vasconcelos, Jose Mauro de) ผู้เขียนที่ไม่เคยลืมเลือนความเจ็บปวดในวัยเด็กของตัวเองได้เลย

เชื่อข้าสิ เซเซ่เป็นหนึ่งในเด็กที่บ่นว่าอยากตายหลายรอบเสียจนข้าอยากลงไปรับเขามาอยู่ด้วยเลย

ยังไงก็เถอะ ถ้าหากไม่อยากโดน ‘เด็ก’ หลอกซ้ำรอยนังหนูนี่ ก็อย่าหลงเชื่อคำว่า ‘วรรณกรรมเยาวชน’

ถือว่าเตือนแล้วนะ!

3. โดน ‘นักเขียน’ หลอก
ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็คครอยด์ โดย อกาธา คริสตี้

อะไรจะน่ากลัวไปกว่าการที่นักอ่านโดนนักเขียนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังยอมให้เขาหลอกอยู่เรื่อยๆ

นังหนูนี่เองก็โดนนักเขียนที่ชื่อ ‘อกาธา คริสตี้’ หลอกแล้วหลอกอีกมานานหลายปีแล้ว 

แต่ข้าไม่เห็นวี่แววว่าจะเลิกอ่านหนังสือที่นักเขียนคนนี้แต่งเสียที

อกาธา คริสตี้ (Agatha Christie) ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งนวนิยายอาชญากรรมชาวอังกฤษ ผู้สรรสร้างนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนออกมามากถึง 66 เล่ม โดยผลงานของเธอได้รับการตีพิมพ์มากกว่า 100 ล้านเล่ม รวมถึงได้รับการแปลเป็นภาษาอื่นๆ อีกกว่า 100 ภาษาทั่วโลก ส่วนผลงานของอกาธาที่ใครหลายๆ คนอาจคุ้นเคยอยู่บ้าง คงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘จนศพสุดท้าย’ ซึ่งเป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเขียนชาวญี่ปุ่น ‘อายาสึจิ ยูกิโตะ’ ผู้เขียนนวนิยายชื่อดังอย่าง ‘คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม’ นั่นเอง

แต่ฉันรู้จักนังเด็กคนนี้ดี เพราะถ้าจะให้แนะนำหนังสือของอกาธาสักเล่ม นังหนูคงไม่เลือกเรื่อง ‘จนศพสุดท้าย’ มาพูดถึงแน่นอน ฉะนั้นมันต้องเป็นเรื่อง…

นี่ไงล่ะ! ‘ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็คครอยด์’ เล่มที่สับขาหลอกคนอ่านได้มากที่สุดในโลก (โม้)

คดีฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็คครอยด์ เป็นหนึ่งในคดีที่อยู่ภายใต้การสืบสวนของ ‘แอร์กูล ปัวโรต์’ (Hercule Poirot) ยอดนักสืบวัยเกษียณผู้มีหนวดอันงอนงาม เขาพร้อมแล้วที่จะใช้เซลล์สีเทาเล็กๆ ในสมองแสนปราดเปรื่องของเขาไขคดีแสนซับซ้อนที่เกิดขึ้น

โรเจอร์ แอ็คครอยด์ (Roger Ackroyd) เสียชีวิตจากการถูกกริชแทงข้างหลัง และเมื่อตรวจสอบหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ ดูเหมือนว่าฆาตกรจะหลบหนีออกจากห้องผ่านทางหน้าต่าง โดยคาดว่าผู้ร้ายในคดีนี้ต้องการลงมือฆ่าปิดปากโรเจอร์ แอ็คครอยด์ เพราะเขารู้แล้วว่าใครเป็นผู้แบล็กเมล์ว่าที่ภรรยาของเขา จนทำให้เธอต้องตัดสินใจกินยาฆ่าตัวตาย

ดังนั้น อาจหมายความว่า ผู้แบล็กเมล์อาจเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่ฆ่าโรเจอร์ แอ็คครอยด์…หรือเปล่านะ

หากเป็นเช่นนี้แล้ว คนรอบข้างโรเจอร์ แอ็คครอยด์ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมทุกคนในบ้านยังทำตัวแปลกๆ ราวกับซุกซ่อนความลับอะไรบางอย่างของตนเองเอาไว้อีกด้วย

บอกได้เลยว่า ‘น่าสงสัยทุกคน’ แม้แต่ยมทูตอย่างข้ายังเดาไม่ออก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแอร์กูล ปัวโรต์จะเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง ทว่าเหตุการณ์ในหนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าผ่านมุมมองของ ‘นายแพทย์เช็พเพิร์ด’ ผู้ที่คอยบันทึกรายละเอียดของคดีดังกล่าวตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งการสืบสวนหาตัวคนร้ายจบลง ซึ่งเป็นกลวิธีการเล่าที่ทำให้คนอ่านอย่างเราไม่มีโอกาสได้คาดเดาตัวคนร้ายผ่านความคิดของยอดนักสืบอย่างแอร์กูล ปัวโรต์ได้เลย เพราะแม้กระทั่งนายแพทย์เช็พเพิร์ดเอง ก็ยังไล่ตามเซลล์สมองของชายวัยเกษียณผู้นี้ไม่ทัน

ใครขยันเดาก็สุ่มสี่สุ่มห้าหลับตาจิ้มไปนะ บอกเลยว่าไม่มีทางเดาถูกหรอก 

สุดท้ายก็ต้องโดน ‘นักเขียน’ หลอกแล้วหลอกอีกเหมือนที่นังหนูคนนี้โดนนั่นแหละ

แต่ถ้าเดาถูกก็…

เก่งมาก!

4. โดน ‘พระเจ้า’ หลอก
เจ้าชายผู้โกงทุกข์ โดย รัศม์ ชาญสงคราม

ล่อแหลม! นี่มันล่อแหลมมาก! นังหนูคนนี้จะเขียนเรื่องอะไรกันล่ะนี่

โอ้…หนังสือเล่มนี้เองหรือที่สร้างความวุ่นวายไปทั่วสวรรค์

แต่แค่เขียนแนะนำ คงไม่เป็นไรหรอก

พระเจ้าจะไปกลัวอะไรกับนวนิยายเล่มเดียว

…ใช่ไหมล่ะท่าน

เรื่องราวปาฏิหาริย์ของ ‘อันเช ลิบอนสกี’ ชายชาวโปแลนด์ผู้เผชิญหน้ากับความทุกข์ที่กัดกินจิตใจ เขาพยายามหาทางหลุดพ้นจากความทุกข์ โดยเดินทางมาศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย แต่แม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้การดับทุกข์ของชาวพุทธไปแล้ว จิตใจของอันเชก็ยังคงปั่นป่วนเหมือนเดิม เขาจึงเดินทางกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม ก่อนจะพบเจอกับเด็กชายชื่อ ‘ง่อย’ ผู้ประกาศตัวตนว่าเป็น ‘พระเจ้า’

ใช่แล้ว…พระเจ้าผู้สร้างโลกนั่นแหละ

ง่อยได้อธิบายหลักการที่พระเจ้าใช้ในการสร้าง ‘ความทุกข์’ ให้อันเชฟัง โดยเล่าว่า การที่เผ่าพันธุ์โฮโมเซเปียนส์สามารถเอาชนะเผ่าพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้าได้ เป็นเพราะพระเจ้าออกแบบให้เผ่าพันธุ์ดังกล่าวมีแรงพลังขับเคลื่อนชีวิตเป็น ‘กิเลส’ ซึ่งนำไปสู่การเกิดความทุกข์ 

ดังนั้นการที่พระเจ้าออกแบบให้มนุษย์เกิดมาพร้อมกับกิเลส จึงเปรียบเสมือนการบอกว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ เพราะถ้าหากมนุษย์ไร้ซึ่งความทุกข์ มนุษย์ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และคงไม่มีทางขึ้นมาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ครอบครองโลกได้อย่างในปัจจุบัน

อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีมนุษย์คนใดที่หลุดรอดไปจากความทุกข์ได้

จนกระทั่ง ‘สิทธัตถะโคตมะ’ ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ศาสดาของศาสนาพุทธผู้ปราดเปรื่อง สามารถรับรู้ระบบกลไกทั้งหมดที่พระเจ้าสร้างขึ้น และหาช่องโหว่หนีออกไปจากสังสารวัฏแห่งนี้ได้ผ่านการบรรลุนิพพาน โดยการหลุดพ้นของพระพุทธเจ้านี้ไม่ต่างอะไรจากการโกงระบบที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อมนุษย์

“…สิทธัตถะจึงมิใช่อื่นใดนอกจากเจ้าชายผู้โกงทุกข์นั่นเอง”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเนื้อหาเสี้ยวเดียวที่ง่อยเล่าให้อันเชฟัง เพราะนอกเหนือจากความเป็นมาของระบบกลไกในโลกใบนี้แล้ว ง่อยยังอธิบายถึงการสร้างโลกของพระเจ้า การกำเนิดศาสนาและปรัชญา รวมไปถึงเรื่องราวอันแสนเศร้าที่ ‘พระเจ้า’ ต้องมาติดอยู่ในร่างเด็กนามว่า ‘ง่อย’ ผู้นี้

อืม…จ้างให้ก็ไม่บอกหรอกนะว่าสิ่งที่อันเชรับรู้จากง่อยเป็นเรื่องจริงแท้แค่ไหน

เพราะจริงๆ แล้วข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน

ใครจะไปรู้ล่ะ บางทียมทูตอย่างข้าอาจจะโดน ‘พระเจ้า’ หลอกให้ทำงานงกๆ อยู่แบบนี้ก็เป็นได้

โอ้…ข้านี่ช่างพูดมากปากพล่อยเสียจริง

สงสัยคงโดนผีเจาะปากล่ะมั้ง

ตื่นสักทีสินังหนู ลืมตาขึ้นมาดูปาฏิหาริย์ที่ข้าสร้างไว้ให้

หนังสือดีๆ 4 เรื่อง 4 แนว ที่อยาก ‘หลอก’ ต่อ พร้อมเนื้อหาครบครันไร้การสปอยล์

ทีนี้ก็อย่าลืมใส่ชื่อ ‘ยมทูต’ ให้ข้าด้วยล่ะ

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
1
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

More in:Features

Features

AD เทคโนโลยีเพื่อคนตาบอดในสื่อไทย มาไกลพอแล้วหรือยัง ?

เขียน : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ หากลองหลับตาดูหนังหรือซีรีส์สักเรื่อง สิ่งที่เห็นตรงหน้าตรงหน้าคงเป็นสีดำ มืดสนิท ได้ยินเพียงเสียงตัวละครพูดคุยกัน แต่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่านักแสดงบนจอกำลังแสดงสีหน้า ขยับตัวยังไง หรือกำลังจะเกิดอะไรในช่วงไคลแม็กซ์ ...

Features

4 เพลงรัก ที่ควรฟังให้ ‘ตัวเอง’

เขียน : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : วรพร รุ่งวัฒนโสภณ ปกติเวลาฟังเพลงรักคุณนึกถึงใครกันบ้าง ?  ขอเดาว่าว่าผู้อ่านบทความนี้ คงเคยมีโมเมนต์ซ่อนใครบางคนไว้ในบทเพลง ยิ่งแล้วกับหมู่มวลเพลงรักที่มักจะเอาใบหน้าสุดที่รักไปใส่ไว้ตอนที่เราอินเลิฟ แล้วเมื่อถึงเวลาที่รักร้างลาไป เพลงรักที่เคยหวานซึ้งกลับกลายเป็นบทเพลงสุดเศร้าที่ต้องลบออกจากเพลย์ลิสต์ ...

Features

วิธีทำลายคำสาปร้านหนังสือ

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์ ภาพประกอบ : ปิยะพร สาวิสิทธิ์ ร้านหนังสือ ในที่นี้หมายถึง ร้านหนังสืออิสระที่มีอยู่ประปรายในประเทศไทย ไม่ว่าจะในรูปแบบของออฟไลน์หรือออนไลน์ โดยไม่รวมร้านหนังสือในเครือขนาดใหญ่ที่มักเปิดอยู่ในห้างสรรพสินค้า (Chain store) ร้านหนังสือคือสถานที่อันเต็มเปี่ยมด้วยมนตร์ขลังและจินตนาการ  ยามใดที่ก้าวเท้าเข้าไปในเขตแดนของร้านหนังสือแล้ว ...

Features

จากมือชาวเล ถึงจานชาวกรุง ผ่านตัวเชื่อมสัมพันธ์อย่าง ‘บริษัทปลาออร์แกนิก’

เรื่อง : พรวิภา หิรัญพฤกษ์ ภาพประกอบ : ณัฐธิดา นิติเกษตรสุนทร ในซอยวิภาวดีรังสิต 22 แขวงจอมพล เขตจตุจักร มีอาคารหลังหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในหลืบ หลังคาสีน้ำตาลออกไม้ๆ ลักษณะคล้ายหัวเรือใหญ่ ...

Writings

จดหมาย 3 ฉบับถึงงานหนังสือ

เรื่อง : อารีย์วรรณ อมรเดชเทวินทร์ภาพประกอบ : สิทธิเดช สายพัทลุง, ชวิน ชองกูเลีย และ ศิรประภา จารุจิตร จดหมาย 3 ฉบับถึงงานหนังสือ คำนำ งานหนังสือ ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save